พวกเราอยู่ในเมตาเวิร์ส!!?
แนวคิดที่ว่าเรามีชีวิตอยู่ในเมตาเวิร์สหรือโลกเสมือนที่จำลองโดยคอมพิวเตอร์ กลายเป็นที่ถกเถียงเมื่อ Elon Musk เจ้าพ่อเทคโนโลยีอัจฉริยะผู้ได้ฉายาว่า Tony Stark ตัวจริง ออกมาพูดว่า มีโอกาสหนึ่งต่อหนึ่งพันล้าน ที่พวกเราและจักรวาลรอบตัวทั้งหมดของเราจะเป็นเพียงโลกเสมือนเท่านั้น
ทฤษฎีโลกเสมือนจริงนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในชุมชน Silicon Valley และเป็นข้อถกเถียงเก่าแก่หลักร้อยปี ในวงวิชาปรัชญาเลยทีเดียว ตัวคุณ Elon Musk เองก็ได้รับอิทธิพลเรื่องนี้ มาจาก Nick Bostrom นักปรัชญาชาวสวีเดน แห่งมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดอีกทีหนึ่ง คุณ Nick Bostrom แกเสนอว่าถ้าในอนาคต มนุษย์เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีไปถึงขั้นที่สามารถจำลองชีวิตและโลกเสมือนจริงขึ้นมาได้ แล้วตัดสินใจสร้างโลกดังกล่าวขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็ขอให้พวกเราฟันธงเลย ว่าโลกที่เราอยู่เองก็เป็นเพียงโลกเสมือนที่ถูกจำลองขึ้นมา แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คุณ Nick Bostrom อธิบายผ่านหลักตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก แต่สรุปออกมาเป็นภาษาคนคร่าวๆ ประมาณนี้
ถ้าเราสามารถสร้างโลกเสมือน และตัดสินใจลงมือสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมา โลกเสมือนที่เกิดขึ้นซึ่งมีเราเป็นแม่แบบ ก็จะพัฒนาไปจนถึงจุดที่คนในโลกเสมือนนั้น สามารถสร้างโลกเสมือนจริงและตัดสินใจสร้างเช่นเดียวกับเรา สุดท้ายก็จะเกิดการผลิตโลกเสมือนจริงในโลกเสมือนจริงในโลกเสมือนจริงวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงรู้ได้ว่าโลกจริงที่เป็นแม่แบบตั้งต้นจะมีเพียงหนึ่งหรือน้อยมาก เมื่อเทียบกับโลกเสมือนจริงที่ถูกผลิตซ้ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พูดง่ายๆ ก็คือจำนวนโลกจริงตั้งต้นนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับโลกจำลองที่มีจำนวนเป็นอนันต์ จนแทบตีเป็นศูนย์ได้เลย ดังนั้นหากให้เลือก เราจึงควรเดิมพันว่าโอกาสที่โลกเราเป็นเพียงโลกเสมือนจริงนั้น เท่ากับร้อยเปอร์เซ็นต์ทางคณิตศาสตร์
ทฤษฎีนี้จะเป็นจริง ก็ต่อเมื่อเราบรรลุเงื่อนไขสองข้อ ข้อแรกคือ ต้องเป็นจริงก่อนว่ามนุษย์มีความสามารถสร้างโลกเสมือนจริงด้วยคอมพิวเตอร์ได้ เงื่อนไขที่สองก็คือ เมื่อถึงเวลานั้นเราต้องตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาจริงๆ เงื่อนไขเหล่านี้บรรลุเมื่อไหร่ วังวนการผลิตซ้ำโลกเสมือนจริงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดถึงจะเริ่มขึ้น และโอกาสที่เราจะอยู่ในโลกเสมือนถึงจะขึ้นเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเราทำไม่ได้หรือไม่ทำ ทฤษฎีนี้ก็จบ แล้วตอนนี้เราใกล้สร้างโลกเสมือนจริงได้หรือยัง? คุณ Nick Bostrom แกบอกว่ามีแนวโน้มจะทำได้ครับ แกแยกแยะให้เราว่าการจำลองที่ว่าจะแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือการจำลองสมองมนุษย์กับการจำลองโลก
ในเรื่องการจำลองสมองมนุษย์ แกบอกว่าปัจจุบันนักปรัชญาจิตได้ข้อสรุปกันแล้วว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความคิดและความรู้สึกในหัวมนุษย์เรา คือระบบประมวลผล หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ได้เกิดจากวิญญาณหรือโมเลกุลที่ฝังอยู่ในอวัยวะส่วนไหน ถ้าเราสามารถจำลองเครือข่ายและระบบการประมวลผลแบบในหัวมนุษย์ขึ้นมาได้ เครือข่ายนั้นก็จะสามารถประมวลการคิด ตอบโต้ แสดงความรู้สึกได้เหมือนมนุษย์ หากดูจากอัตราการพัฒนาศักยภาพการประมวลผลและส่งข้อมูลของคอมพิวเตอร์ การสร้างสมองกลดังกล่าวก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ในอนาคต คนที่ทำงานด้านสมองกลปัจจุบันอาจจะบอกว่าจริงๆ แล้วง่ายกว่านั้นด้วยซ้ำ ขอเพียงสร้างเครือข่ายที่มีความสามารถในการเรียนรู้ได้ในระดับหนึ่งก็พอ ที่เหลือก็ปล่อยให้สมองจำลองนั้นลองผิดลองถูกพัฒนาตัวเองและสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ
ที่ยากกว่าการจำลองสมองมนุษย์คือการจำลองโลกและเอกภพเสมือนจริง เพราะเราต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพระดับมหาศาลเกินกว่าจะจินตนาการได้ นอกจากนี้ ถึงปัจจุบันเราก็ยังไม่มี Theory of everything ที่อธิบายระบบกลไกทั้งหมดของเอกภพ สรุปก็คือเราจำลองไม่ไหว และยังไม่รู้ต้องจำลองอย่างไร แต่คุณ Nick Bostrom ชี้ว่าเอาเข้าจริงเราไม่จำเป็นต้องจำลองทั้งจักรวาลก็ได้ครับ เอาแค่จักรวาลเท่าที่มนุษย์เห็นก็พอ พูดง่ายๆ ก็คือเอาแค่โลกหนึ่งใบและท้องฟ้ากลางวันกลางคืนเท่าที่สายตาของมนุษย์จะสอดส่องไปถึง เวลาที่มนุษย์ส่งยานอวกาศออกไปหรือส่องกล้องจุลทรรศน์ไปสำรวจสิ่งที่ปกติดูด้วยตาไม่เห็น ระบบก็แค่จำลองภาพชั่วคราวขึ้นมาเฉพาะตอนนั้น พอเลิกสำรวจภาพก็หาย ถ้าเอาแค่นี้ แกบอกว่าไม่ยากไปกว่าการจำลองสมองมนุษย์ ทั้งหมดนี้คุณ NickBostrom คำนวณและเสนอไว้เมื่อปี 2003 ซึ่งในปัจจุบันศักยภาพคอมพิวเตอร์ของเรามันล้ำไปกว่านั้นเยอะแล้ว คุณ Elon Musk ก็ยืนยัน ว่าหากดูจากอัตราความก้าวทางเทคโนโลยี การจำลองทั้งหมดที่ว่าคงทำได้ในอีกไม่กี่สิบปีด้วยซ้ำ
ถ้าทฤษฎีนี้จริง พระเจ้าก็จะมีจริง โดยพระเจ้าที่ว่าก็คือสิ่งมีชีวิตที่เป็นแม่แบบและสร้างโลกเสมือนจริงของเราขึ้นมา คุณพระเจ้าเหล่านี้สามารถแก้ไข ดัดแปลง หรือถอดปลั๊กตัดจบโลกของเราเมื่อไหร่ก็ได้ และแนวโน้มที่พระเจ้าจะดับเครื่องที่จำลองโลกของเราทิ้ง เมื่อเราเริ่มมีความสามารถที่จะจำลองโลกเสมือนจริงขึ้นมา เหตุผลก็เพราะหากปล่อยให้โลกเสมือนจริงของเราสร้างโลกเสมือนและเกิดกระบวนการผลิตซ้ำไปเรื่อยๆ คอมพิวเตอร์ของคุณพระเจ้าก็จะรองรับการประมวลผลไม่ไหว คล้ายเวลาที่เราต้องดับเครื่องทิ้งเวลาคอมมันเด้งผลิตซ้ำคำสั่งผลิตซ้ำไปเรื่อยๆ จนเครื่องรวนยังไงยังงั้น
แต่สมมติฐานนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะว่ามีโอกาสสูงเช่นกัน (ร้อยเปอร์เซ็นต์) ที่คุณพระเจ้าเองก็อยู่ในโลกเสมือนจริงที่ถูกคุณพระเจ้าของคุณพระเจ้าจำลองขึ้นมาอีกที ดังนั้นถ้าเป็นความจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตแม่แบบจะตัดสินใจดับเครื่องเมื่อคนในโลกเสมือนจริงสามารถสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาได้ โลกของคุณพระเจ้าของเราก็น่าจะโดนดับไปตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะสร้างโลกของเราขึ้นมาแล้ว ถ้าโลกของเราอยู่ ก็แสดงว่าคุณพระเจ้าของคุณพระเจ้าไม่ได้มีวิธีคิดเรื่องดับเครื่องทิ้งเมื่อคนในโลกเสมือนเริ่มสร้างโลกเสมือนได้ และคุณพระเจ้าซึ่งถูกถอดแบบมาจากคุณพระเจ้าของคุณ พระเจ้าก็น่าจะตัดสินใจในทำนองเดียวกัน รวมถึงตัวเราซึ่งจะเป็นพระเจ้าในอนาคตก็เช่นกัน ข้อเท็จจริงนี้อาจสะท้อนบุคลิกทางศีลธรรมของเราหรือความสามารถทางเทคโนโลยีบางอย่างในอนาคต
ทฤษฎีนี้จะเป็นจริงได้ต้องมีเงื่อนไขว่า ถ้าในอนาคตเราสามารถสร้างโลกจำลองเสมือนจริงได้และตัดสินใจทำ ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตรรกศาสตร์ก็บังคับให้เราฟันธงว่าเราอยู่ในโลกเสมือนในคอมพิวเตอร์เช่นนั้นจริงๆ แต่เราจะไปถึงจุดนั้นหรือเปล่า? ก็ต้องดูกันยาวๆ ไป
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
คนถนัดซ้ายมี IQ สูงกว่าคนที่ถนัดขวา ทั้งยังมีพรสวรรค์5อย่างที่คนถนัดขวาเทียบไม่ติด
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
กินไข่ผิดชีวิตเปลี่ยน? ไข่ทั้งฟอง vs ไข่ขาว กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน!
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia