คืนนี้ขอเล่าประสบการณ์เจอผีตอนสมัย 26 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นเป็นช่วงปลายปี 2530 ผมและเพื่อนๆ ได้ทำงานอยู่ที่ลานเบียร์หน้าห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สมัยนั้นจะมีลานเบียร์สิงห์และลานเบียร์ลีโอที่เปิดติดกัน ซึ่งผมและเพื่อนๆได้ทำงานในวงดนตรีที่เล่นอยู่ลานเบียร์สิงห์และผับในห้างร้านหนึ่ง ก็มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายมาติดแดนเซอร์สาวที่เป็นเพื่อนของผม พอช่วงเวลา 00.45 น. เพื่อนผมคนหนึ่งได้นึกพิเลนขึ้นมา และบอกกับน้องแดนเซอร์สาวที่มีกลุ่มวัยรุ่นชายที่ติดพันว่าคืนนี้เราไปดูบ้านผีกันไหม อย่างน้อยก็จะได้พิสูจน์ว่าไอ้พวกนั้นมันเป็นผู้ชายแท้รึเปล่าดีไหมล่ะ ทางน้องแดนเซอร์สาวก็รีบตอบตกลงทันที สมัยนั้นบ้านผีที่ดังและคึกคลื่นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นบ้านร้างที่ซอยวัชรพลเป็นทีสุด พอหมดเวลาที่เราขึ้นเล่นดนตรีกันแล้ว พวกกลุ่มวัยรุ่นที่มาติดน้องแดนเซอร์สาว (ผมจะขอสมมติชื่อน้องแดนเซอร์สาวว่า น้อยแล้วกันครับ) ก็มารับ น้อยได้บอกกับกลุ่มวัยรุ่นที่มารับน้อยว่าเราจะไปบ้านผีที่ซอยวัชรพลกัน กลุ่มวัยรุ่นชายก็อาสาจะขับรถพาไป ซึ่งมันลงล็อกที่เราคิดไว้เลย
ระหว่างที่ตะเวนดูไปเรื่อยว่าเราจะเริ่มต้นเดินสำรวจบ้านผีกันว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ที่แรก คือ บ้าน 9หลัง ตามมาด้วยสโมสรล้าง แล้วก็ไปบ้านนายพล จังหวะที่เราเดินตะลุยกันอย่างสนุก ก็มีกลุ่มวัยรุ่นมากหร้าหลายตาที่ทะยอยกันมาร่วมพิสูจน์กันอย่างต่อเนื่องในสมัยนั้น อยู่ๆก็มีกลุ่มวัยรุ่นคนนึงแนะนำมาว่า ลองไปดูที่บ้านล้อเกวียนไหม มันหลอนดีนะ ตัวบ้านค่อนข้างจะเปลี่ยวมาก ตัวบ้านตั้งอยู่หลังเซี่ยนกงรถยนต์เก่าที่สภาพพัง เอาจริงๆก็เหมือนกับตั้งอยู่กลางทุ่งนาเลย ซึ่งตรงนั้นมันไม่มีแม้แต่บ้านคนตั้งอยู่เลย เราตัดสินใจไปกัน พอเราเดินทางมาถึงบ้านล้อเกวียนแล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือถนนทางเข้าไปยังบ้านมันดันมีหลุมมีบ่อน้ำที่ขังอยู่เนื่องจากช่วงหัวค่ำมีฝนตกลงมา ทำให้ถนนทางเข้าไปสู่บ้านมีหลุมมีบ่อพอสมควร ทำให้รถยนต์ที่เราั่งกันมาไม่สาารถวิ่งเข้าไปได้ เราจึงตัดสินในเดินกันเข้าไป ระหว่างที่เราเดินเข้าไปกัน อยู่ๆก็มีรถกะบะวิ่งเข้าไปที่ตัวบ้านล้อเกวียนนั้นด้วยความเร็ว ในรถกับะคันนั้นน่าจะมีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงราวๆ5-6คนได้ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกินขึ้นหลังจากกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นลงรถแล้วเข้าไปภายในบ้านได้เพียงแป๊ปเดียวเท่านั้น อยู่ก็พวกันวิ่งกลูออกมาขึ้นรถกันอย่างรวดเร็ว และเหยียดคันเร่งวิงออกมาอย่างไว สิ่งที่พวกเราเห็นกันคือ มันมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่วิ่งตามออก แต่ที่มันน่าตกใจคือ ความเร็วของรถกะบะคันนั้นที่วิ่งออกน่าจะอยู่ที่60ก็โลเมตรต่อชั่วโมงได้ สิ่งที่เราตกใจกันคือหญิงสาวคนนั้นวิ่งทันรถกะบะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือถนนมันมีทั้งหลุมและบ่อที่มีน้ำหนักขังอยู่ เมื่อพวกผมเห็นอย่างนั้นเราจึงต้องรีบวิ่งกลับไปที่รถของพวกเรา เพราะหญิงสาวคนนั้นที่วิ่งไล่กวดรถกะบะออกมา เสื้อผ้าของเธอกลับไม่มีสะเก็ดน้ำหรือเปียกน้ำเลยสักหยด และที่ต้องตกใจมากกว่านั้น เสียงของเธอที่ร้องออกมา มันเป็นเสียงอย่างกับคนใบ้ที่พูดไม่ได้อย่างโหวยหวนจนน่ากลัว และดวงตาของเธอนั้นแดงกล่ำออกอย่างเห็นได้ชัด แต่อะไรมันจะโชคร้ายไปกว่านั้นคือเธอกลับมายืนอยู่ที่หน้ารถของพวกผมนี่สิ จะหักหลบไปด้านไหนเธอก็มายืนข้างไม่ให้ไป ผมเลยต้องตัดใจบอกคนขับให้เหยียบไปเลยชนก็ชนไปเลย พอเราออกมาจากตรงนั้นได้เราก็ร๔้สึกตกใจกันอย่างมากจนรถเราวิ่งมาช่วงกลางซอยวัชรพล ตรงนั้นมันจะมีปั้มน้ำมันอยู่แห่งนึง เราจึงแวะเพื่อคุยกันว่าสิ่งที่เราได้เจอมานั้น มันคืออะไรกันแน่ แต่ช่วงจังหวะนั้นเราได้พบกับกลุ่มวัยรุ่นที่วมากับรถกะบะคันนั้นพอดี ผมจึงเดินไปถามว่า พี่เอาผู้หญิงไปทิ้งที่นั้นทำไม แต่สิ่งที่ทำให้พวกเรายิ่งตกใจจนจิตตกไปกว่านั้นคือ คำตอบที่เราได้ยินว่า ผู้หญิงคนเป็นใครไม่รู้อยู่ก็วิ่งออกมาจากดงกล้วยที่ขึ้นอยู่ในรั้วบ้านล้อเกวียนหลังนั้น ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นที่มากับรถกะบะคันนั้นต่างไม่มีใครรู้จักเธอสักคน.