อโวคาโด ผลไม้ไขมันดี
อโวคาโด ผลไม้ไขมันดี ประโยชน์มากมาย
ชื่อวิทยาศาสตร์
Persea americana Mill.
อโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด อะโวคาโดมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยพบมากในเม็กซิโก กัวเตมาลา และเอกวาดอร์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อะโวคาโดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาลอ่อน ใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบรูปหอก ปลายใบแหลม ยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวอมเหลือง ผลมีรูปทรงคล้ายสาลี่ รูปไข่ หรือรูปกลม เปลือกผลสีเขียวหรือม่วง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อผลมีสีเหลืองอ่อนหรือเขียวอ่อน เนื้อละเอียด มีเมล็ดเดียว
สายพันธุ์
อะโวคาโดมีสายพันธุ์มากมาย สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย ได้แก่
- พันธุ์แฮสส์ (Hass) สายพันธุ์ที่มีรสชาติดีที่สุด มีแหล่งกำเนิดมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา ให้ผลผลิตทั้งปี ด้วยรสชาตินุ่มนวล คล้ายเนยและถั่ว เนื้อเหนียว เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำเข้มเหลือบม่วง
- พันธุ์เฟอร์เทส (Fuerte) สายพันธุ์ที่มีรสชาติดี ให้ผลผลิตดก ผลมีขนาดใหญ่ เปลือกหนา เนื้อเหนียว เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง
- พันธุ์เรดแฮสส์ (Red Hass) สายพันธุ์ที่มีสีสันสวยงาม ผลมีขนาดเล็ก เนื้อเหนียว เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วง
- พันธุ์แอดวานซ์ (Advance) สายพันธุ์ที่มีรสชาติดี ให้ผลผลิตดก ผลมีขนาดเล็ก เนื้อเหนียว เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง
- พันธุ์เรดแอดวานซ์ (Red Advance) สายพันธุ์ที่มีสีสันสวยงาม ผลมีขนาดเล็ก เนื้อเหนียว เมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วง
คุณค่าทางโภชนาการ
อะโวคาโดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วย
- พลังงาน 160 กิโลแคลอรี
- ไขมันทั้งหมด 15 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 10 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 9 กรัม
- น้ำตาล 0.7 กรัม
- ใยอาหาร 7 กรัม
- วิตามิน A 10 ไมโครกรัม
- วิตามิน C 10 มิลลิกรัม
- วิตามิน E 2.2 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 500 มิลลิกรัม
- โฟเลต 30 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของอะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด อะโวคาโดมีสรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น
- ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด
อะโวคาโดมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง
- ลดระดับความดันโลหิต
อะโวคาโดมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยในการลดความดันโลหิต
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อะโวคาโดมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยในการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายช้าๆ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
อะโวคาโดมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และชะลอความแก่
- ช่วยบำรุงสายตา
อะโวคาโดมีลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในดวงตา ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด และลดความเสี่ยงของโรคตา เช่น โรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม
- ช่วยลดน้ำหนัก
อะโวคาโดมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยในการทำให้อิ่มนาน ทำให้รู้สึกไม่หิวบ่อย จึงช่วยลดการรับประทานอาหารมากเกินไป และช่วยในการลดน้ำหนักได้
นอกจากนี้ อะโวคาโดยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน
วิธีรับประทาน
อะโวคาโดสามารถรับประทานได้หลายวิธี เช่น
- รับประทานสด
- นำไปปรุงอาหาร เช่น สลัด ยำ น้ำพริก ซอส ไอศกรีม
- ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารอื่นๆ เช่น แซนวิช เบอร์เกอร์ ซุป พาสต้า
การเก็บรักษา
อะโวคาโดที่ยังไม่สุกควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง อะโวคาโดที่สุกสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3-5 วัน
ข้อควรระวัง
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ก็มีบางข้อควรระวังในการรับประทาน เช่น
-
อาการแพ้ อะโวคาโดมีสารบางอย่าง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะอะโวคาโดผลดิบ มีสารอันตราย เช่น ก่อให้เกิดอาการคัน ผื่นแดงขึ้น ปากบวม อาการหนักสุดคือ หายใจติดขัด หายใจลำบาก หากมีอาการแพ้ ควรรีบไปพบแพทย์
-
ปริมาณในการรับประทาน อะโวคาโดมีไขมันสูง ปริมาณที่ควรรับประทานต่อวันคือ 1 ผลสำหรับผู้ใหญ่ และครึ่งผลสำหรับเด็ก ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้
-
การเก็บรักษา อะโวคาโดที่ยังไม่สุกควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง อะโวคาโดที่สุกสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3-5 วัน
-
การรับประทาน อะโวคาโดที่ยังไม่สุกมีรสชาติขมและเหนียว ควรเลือกอะโวคาโดที่สุกเต็มที่แล้วจึงนำมารับประทาน โดยสังเกตจากเปลือกผลที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ไม่ควรรับประทานอะโวคาโดสุกเกินไป เพราะเนื้อจะเละและไม่น่ารับประทาน
นอกจากนี้ อะโวคาโดยังมีสารเพอร์ซิน (Persin) ซึ่งเป็นสารพิษที่พบในเมล็ดและเปลือกอะโวคาโด สารเพอร์ซินอาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในสัตว์บางชนิด เช่น สุนัข แมว ม้า แพะ แกะ กระต่าย เป็นต้น จึงไม่แนะนำให้ให้สัตว์เลี้ยงรับประทานอะโวคาโด
อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยมหิดล
เว็บไซต์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
เว็บไซต์ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) สหรัฐอเมริกา