หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

แหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เนื้อหาโดย teetete

แหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

        แหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือ แหล่งแร่ทองคำชาตรี ของบริษัทอัคราไมนิ่ง จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อของอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร และอำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพื้นที่ประมาณ 1,200 ไร่ จากการประเมินเบื้องต้นของบริษัทฯ พบว่า พื้นที่แหล่งแร่ทองคำชาตรีมีปริมาณแร่สำรอง ประมาณ 14.50 ล้านเมตริกตัน ที่ค่าความสมบูรณ์ของทองคำและเงิน โดยเฉลี่ย ประมาณ 2.60 และ 13.30 กรัมต่อเมตริกตัน ตามลำดับ ซึ่งสามารถผลิตโลหะทองคำได้ ประมาณ 32,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 32 เมตริกตัน และผลิตโลหะเงินได้ประมาณ 98,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 98 เมตริกตัน แหล่งแร่นี้ ได้เริ่มดำเนินการทำเหมืองผลิตแร่ ตั้งแต่เมื่อปลาย พ.ศ. 2544

แหล่งแร่ทองคำชาตรีเป็นแหล่งแร่ทองคำแบบหินแปร ทองคำส่วนใหญ่พบอยู่ในหินทรายแปรและหินแกรนิตแปร ทองคำที่พบในแหล่งแร่ชาตรีมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร ทองคำในแหล่งแร่ชาตรีมักพบปะปนกับแร่อื่นๆ เช่น ไพไรต์ ซิลิกา และแร่อื่น ๆ เล็กน้อยแหล่งแร่ทองคำชาตรีเป็นเหมืองทองคำใต้ดิน ดำเนินการผลิตแร่ทองคำด้วยวิธีเหมืองแร่ใต้ดินแบบเหมืองห้องและเสา (Room and Pillar Mining) โดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แท่นขุดเจาะ อุปกรณ์ขนส่งแร่ และอุปกรณ์คัดแยกแร่ทองคำ

        กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศนโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ มาแล้ว 2 รอบ โดยครั้งแรกในปี 2532 และครั้งที่ 2 ในปี 2554 โดยรอบแรกได้สำรวจแร่ทองคำไปแล้ว 3.5 ล้านไร่ ทั่วประเทศ และรอบที่สองได้สำรวจเพิ่มอีก 1.5 ล้านไร่

        ล่าสุด กพร. ได้ประกาศนโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ รอบที่ 3 ในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร พิษณุโลก ลพบุรี เลย สตูล สระแก้ว สุราษฎร์ธานี จันทบุรี ระยอง สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ เพื่อเตรียมขยายพื้นที่ให้เอกชนเข้าสำรวจพื้นที่ทองคำในประเทศ

ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ศักยภาพเป็นแหล่งแร่ทองคำ 9 บริเวณ ได้แก่

  1. บริเวณอำเภอเมือง อำเภอเชียงคาน และอำเภอปากชม จังหวัดเลย ต่อเนื่องไปถึง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และอำเภอน้ำโสม อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดอุดรธานี
  2. บริเวณอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
  3. บริเวณอำเภอลอง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ต่อเนื่องถึง อำเภอสบปราบ และอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอศรีสัชนาลัย – อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
  4. บริเวณอำเภอเมือง อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย
  5. บริเวณอำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านอำเภอบ้านบึง และอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี ไปจนถึง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
  6. บริเวณอำเภอทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องไปถึง อำเภอประทิว และอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
  7. บริเวณอำเภอสุคิริน แว้ง และระแอะ จังหวัดนราธิวาส และบริเวณตอนใต้ของ จังหวัดยะลา
  8. บริเวณอำเภอสังขละบุรี ทองผาภูมิ และไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
  9. บริเวณอำเภอเมือง อำเภอวังโป่ง และหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอโคกสำโรง และอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

        การประกาศนโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ รอบที่ 3 ในครั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่ทองคำอย่างใกล้ชิด

        ปัจจุบันในประเทศไทยมีการทำเหมืองทองอยู่ 2 เหมือง ได้แก่ เหมืองทองชาตรี จังหวัดพิจิตร และเหมืองทองภูทับฟ้า จังหวัดเลย การทำเหมืองทองทั้งสองแห่งนี้ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหามลพิษทางน้ำ อากาศ และดิน ปัญหาการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม ปัญหาการกระทบกระเทือนต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน เครือข่ายประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ (ปปท. 12 จังหวัด) และชาวบ้านในพื้นที่ทำเหมืองทองคำ 12 จังหวัด ร่วมกันคัดค้านนโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ 12 จังหวัด ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม

ข้อเสนอของภาคประชาชนต่อนายกรัฐมนตรี มีดังนี้

  1. ขอให้หยุดโครงการการให้สัมปทานเหมืองแร่
  2. ขอให้ระงับการจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างนโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำใน 12 จังหวัด
  3. ขอให้เร่งการแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.แร่ ฉบับของอดีตรัฐมนตรีจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช
  4. ขอให้เชิญตัวแทนของภาคประชาชนไปรับรับทราบแนวทางแก้ไข และได้มีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ
  5. ประเทศไทยไม่ควรส่งออกแร่ทองคำเป็นวัตถุดิบ ต้องใช้และแปรรูปในประเทศ
  6. ขอให้รัฐดำเนินการตามคำขออย่างเร่งด่วน

        ภาคประชาชนมีความกังวลว่า การทำเหมืองแร่ทองคำจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างรุนแรง จึงเรียกร้องให้รัฐหยุดโครงการการให้สัมปทานเหมืองแร่ และเร่งแก้ไข พ.ร.บ.แร่ เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน

จากข้อมูลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของไทยปี 2557 มีดังนี้

        ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจไทย คิดเป็นมูลค่าผลผลิตประมาณ 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ โดยแร่ที่มีความสำคัญมากที่สุด ได้แก่ หินปูน ลิกไนต์ และทองคำ อย่างไรก็ตาม การทำเหมืองแร่ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน เช่น ปัญหามลพิษทางน้ำ อากาศ และดิน ปัญหาการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม ปัญหาการกระทบกระเทือนต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ภาครัฐจะต้องกำกับดูแลการทำเหมืองแร่อย่างเข้มงวด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน

เนื้อหาโดย: teetete
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
teetete's profile


โพสท์โดย: teetete
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: teetete, sairung11
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ลิซ่ามาป้ายยาจ้าเลขเด็ดวุฒินันท์ สอนศรี (คุณไก่) งวด 16 พฤษภาคม 2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ลิซ่ามาป้ายยาจ้าย้อนรำลึกภาพบรรยากาศไทยเมื่อ 50 ปีก่อนผ่านเลนส์กล้อง'การขี่ช้าง' มีข้อเสียอย่างไร? และทำไมมนุษย์จึงควรเลิกขี่ช้างแนะนำกิจกรรมที่ทำอยู่บ้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
รัชกาลที่ 5 กับภาพเหมือนแบบฝรั่งพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยางนา ปลูกง่ายมีค่าดั่งทอง5 คำคมมุกจีบตลกๆ ฉบับไทย - อังกฤษดินแดนแห่งความมหัศจรรย์: ทะเลบัวแดง อุบลราชธานี
ตั้งกระทู้ใหม่