วันที่ไม่ปรารถนา
วันที่ไม่ปรารถนา
โดย : อักษราลัย
ลลนานิ่งซึมไปทันทีหลังจากดูหนังเรื่อง The Bone Collector จบ หนังเก่าที่บังเอิญเปิดมาเจอในช่องเคเบิ้ลของวันพักผ่อน กระตุกต่อมความคิดของเธอขึ้นมา
หนังเรื่องนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 1999 เป็นหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่นิติเวชที่มีความเชี่ยวชาญมาก ประสบอุบัติเหตุคานตกใส่ขณะเข้าไปตรวจสอบศพ ทำให้เขาต้องนอนอยู่แต่บนเตียงมีแค่ส่วนหัวและนิ้วมือที่ขยับได้ เขาอยากจบชีวิตตัวเองเพราะมีอาการช็อคบ่อยมาก จนกลัวว่าตัวเองจะหมดสติจนกลายสภาพเป็นผักไป …
"นี่คุณสัญญานะ ถ้าฉันเป็นอะไรแล้วช่วยตัวเองไม่ได้ หรือมีสภาพเป็นผัก หรือเป็นโรคร้าย คุณต้องไม่ยื้อ ต้องปล่อยฉันไปนะ นะสัญญานะ"
เธอหันไปกล่าวกับชาตรีผู้เป็นสามีอย่างคาดคั้น
"คิดมาก.. คุณยังมีแรงบ่นผมทุกวัน วันละสามเวลาหลังอาหารแบบนี้ ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกน่า"
กล่าวจบทั้งคู่ก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างเห็นขัน
เช้าวันนั้นฝนตกพรำ ๆ มาทั้งคืน ทำให้ถนนลื่น รถติดเป็นแพยาว ชาตรีขับรถปาดซ้ายป่ายขวาอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันเก่ง หลังจากไปส่งลลนาเข้าที่ทำงานแล้ว วันนี้เขาดันเพลินกับอากาศเย็นยามเช้าที่ฝนโปรยปราย ทำให้ต้องมารีบบนท้องถนนอยู่อย่างนี้
เอี้ยดดด … โครม รถกระบะคันนั้นหักเลี้ยวกระทันหัน ชาตรีที่เบี่ยงเลนออกมาทำความเร็วเต็มที่จึงชนกับกระบะคันนั้นเข้าอย่างจัง
"หมอคะ หมอ เร็วค่ะ เขารู้สึกตัวแล้วค่ะ"
เสียงลลนานั่นเอง เขาดีใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสได้ยินเสียงคนรักอีกครั้ง พยายามจะขยับตัวลุกขึ้น แต่ทำไมตัวเขาถึงได้หนักอึ้งถึงเพียงนี้ นี่เขาเป็นอะไรไป ขยับริมฝีปากจะเอ่ยถาม มีเพียงคำพูดในห้วงความคิดเท่านั้นที่ดังออกมา ขณะที่ลลนามองเห็นว่าชาตรีพยายามขยับปาก เขากลอกนัยน์ตามองดูหมอที่เข้ามาหยิบโน่นหยิบนี่ ซึ่งก็คือแขนขาของเขา แต่เขาเห็นเพียงภาพ ไม่อาจรับรู้ได้ถึงไอมือของหมอที่หยิบจับแขนขาของเขาแม้แต่นิดเดียว มองผ่านหมอไปพบลลนา เธอยืนมองเขาด้วยดวงตาบวมช้ำ น้ำตาไหลลงมาเป็นทางไม่ขาดสาย
เขาเริ่มรู้ความจริงแล้วว่าได้กลายเป็นคนพิการไปซะแล้ว ร่างกายทั้งหมดของเขาไม่ได้เป็นเอกภาพกับจิตใจอีกต่อไป ใจไม่อาจสั่งร่างกายให้ขยับซ้ายขวาได้อีกแล้ว ขนาดเสียใจอาดูรอย่างที่สุด เขายังไม่อาจทำให้น้ำตาไหลออกมาได้แม้แต่หยดเดียว
หมอเดินออกไปแล้ว ลลนาตรงเข้ามากุมมือเขาไว้ เอียงหน้าก้มลงมากระซิบข้างหูเขา
"ไม่ต้องกลัวนะคะชาตรี ฉันจะต้องหาวิธีให้คุณเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ฉันสัญญา"
แล้วเธอก็จูบลงบนริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา กัดเบา ๆ บนริมฝีปากล่างนั้นอย่างยั่วเย้า อย่างที่ชอบทำกันเสมอก่อนจะเริ่มบทรักอันร้อนแรง แต่บัดนี้เขามองเห็นแค่ภาพที่เธอทำ เหมือนกำลังนั่งดูหนังที่ลลนากำลังแสดงท่าทางเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกรัญจวนใจเหมือนเคย เขาเริ่มกลัวซะแล้วสิ
ลลนาเหมือนรู้ทันความคิดของเขา เธอบอกว่า
"หมอบอกว่าคุณมีโอกาสหายค่ะที่รัก คุณต้องเข้มแข็งไว้ และที่สำคัญคุณต้องเชื่อใจฉันนะคะ ไม่ต้องกังวลอะไร พรุ่งนี้ทุกอย่างต้องดีขึ้นค่ะ"
ชาตรีเคลิ้มตามคำปลอบของเธอ หรือเคลิ้มเพราะฤทธิ์ยาที่ผสมมาในถุงน้ำเกลือก็สุดจะเดา เขาหลับไปอย่างง่วงงุน
ชาตรีพลิกตัวหันไปกอดลลนาไว้เต็มสองแขน ยันกายเท้าแขนมองภาพเปลือยของเธออย่างแสนรัก อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบไล้สะโพกงอนงามนั้นอย่างเย้าแหย่ เสียงเธอถอนหายใจอย่างขัดใจที่มีคนขัดนิทรารมย์แสนหวาน เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่มือจะเริ่มซุกซนไปบนหน้าอก เสียงลมหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้นตามแรงอารมณ์ที่โดนปลุกเร้า เธอปรือตาขึ้นมามอง ก่อนจะพลิกกายขึ้นมาเป็นฝ่ายคุมเกม พับผ่าสิ !!! ช่างเป็นภาพที่เซ็กซี่อะไรเช่นนี้ ก่อนที่เกมของทั้งคู่จะจบลง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรดูดวูบผวาขึ้นมา เพื่อพบความจริงว่าฝันไป เขาฝันแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็สุดจะเดา
นับจากวันนั้นที่โรงพยาบาล ที่ชาตรีฟื้นมาพบกับความจริงที่แสนเจ็บปวด ถัดจากนั้นมาอีกไม่นาน ลลนาก็พาเขากลับมาอยู่บ้าน ในสภาพชายพิการ ต้องให้อาหารทางสายยาง มีเพียงความคิดเท่านั้นที่เป็นของเขา ส่วนร่างกายทั้งหมดนั้นเป็นของเธอ เมื่อกลับจากทำงานเธอจะมาจับตัวเขาพลิกไป พลิกมา เช็ดตรงนั้นตรงนี้ทั่วทั้งร่างกาย โดยเขาได้แต่มองตามมือเธอตาปริบ ๆ
ลลนาซูบผอมไปจากเดิมมาก ร่างกายที่เคยอวบอัดเย้ายวนเสน่หา บัดนี้ผอมแห้งจากการทำงานหนัก เพราะมีชาตรีเป็น "ภาระ" ค่าใช้จ่ายในการดูแลเขาสูงมาก ตอนนี้ชาตรีคิดถึงหนังเรื่องนั้นเป็นบ้า เข้าใจแล้วว่าทำไมพระเอกในเรื่องถึงอยากตาย จะทำยังไงให้ลลนาเข้าใจดีนะ วันนั้นเขาก็ไม่ได้บอกเจตนากับเธอเสียด้วยสิ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว ก็เรายังหนุ่มสาวอายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำไป
ลลนากระซิบบอกชาตรีเสมอหลังปรนนิบัติร่างกายให้เขาเสร็จ เธอจะกระซิบข้างหูเขาว่า
"อย่าคิดมากนะคะที่รัก ฉันรักคุณ คุณต้องอยู่เป็นขวัญกำลังใจให้ฉันนะคะ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้"
แล้วเธอก็จูบริมฝีปากเขาเหมือนเคย ชาตรีได้แต่กระพริบตาฟังเธอพูด พยายามจะถ่ายทอดความคิดไปถึงเธอ
"ได้โปรดเถอะลลนาที่รัก อย่าขังผมไว้ในซากผุ ๆ นี้เลย ผมเหนื่อย ผมไม่อยากอยู่แบบนี้ ปล่อยผมไปเถอะนะ เพื่อเราทั้งสองคน ผมรู้ดีว่าคุณรักผม"
ลลนาเดินออกมาจากห้องหลังเช็ดตัวให้ชาตรีแล้ว เธอทรุดกายลงในห้องน้ำซบหน้าลงกับฝ่ามือ เขวี้ยงผ้าขนหนูในมือปาไปยังอ่างล้างหน้า สะอื้นไห้อย่างสุดแสนอาดูร ฉันจะทำยังไงดี ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ไหนจะทำงาน ไหนจะดูแลเขา ไหนจะค่าใช้จ่ายที่ทบทวีคูณ จนต้องทำงานอื่นเพิ่มเพื่อหาเงินให้พอ
"ฉันจะทำยังไงดีคะชาตรี ฉันกลัว ฉันไม่กล้าปล่อยคุณไป ฉันรู้ว่าคุณทรมาน ที่ต้องอยู่แบบนี้ แต่ฉันไม่กล้าปล่อยคุณไป ไม่กล้าจริง ๆ"
เธอลุกขึ้นโผเผเดินขึ้นห้องนอน หลับไปพร้อมน้ำตา น้ำตาที่มากเป็นสองเท่าเหมือนจะร้องไห้เผื่อให้กับชาตรี ชายคนรักที่คงอยากร้องไห้แต่ทำได้แค่กลอกนัยน์ตา หลับไปแบบนี้วันแล้ววันเล่า ในค่ำคืนที่ทุกอย่างเงียบงันมีเพียงเสียงสะอื้นลอยลม แผ่วเบาเหมือนอยู่ไกลแสนไกล
~⚘~