หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เล่าให้ฟัง ตอนที่ 1 จากหนังสือ การใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา

โพสท์โดย เลอะเลือน

เล่าให้ฟัง ตอนที่ 1 จากหนังสือ การใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา 

เลอะเลือนจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ เล่มนี้นะคะ ซึ่งเป็นหนังสือที่ดีมาก และเคยเป็นหนังสือขายดีที่สุด 10 ปีติดต่อกัน

ผู้แต่งชื่อ CAROL S. DWECK แต่เลอะเลือนอ่านมาจากฉบับที่แปลเป็นไทยแล้ว ของคุณ พรรณี ชูจิรวงค์ ในเล่มจะอธิบาย

ว่าเราจะสามารถใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตาได้อย่างไร  ใครจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว หลักๆมันอยู่กับอะไรบ้าง

อย่างในบทที่ 1 (กรอบคิด) ในเรื่องจะชี้ให้เราเห็นความแตกต่างของกรอบความคิด ในแต่ละคน และแต่ละวัย ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ก็สามารถฝึกฝนกันได้

ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา ตอนที่ 1  กรอบคิด   

      ในบทนี้คุณ Carol S. Dweck ได้เล่าถึงตอนที่เขาเริ่มทำงานเป็นนักวิจัย ซึ่งเขาได้พบกับเหตุการณ์บางอย่าง

ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไป ซึ่งตอนนั้นเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำความเข้าใจว่า มนุษย์นั้นจะรับมือกับ

ความล้มเหลวได้อย่างไร? เขาจึงตัดสินใจเริ่มศึกษาเรื่องนี้ ด้วยการจับตาดูว่าเด็ก ๆ จะทำอย่างไรเมื่อต้องไขปริศนายากๆ

เขาจึงพาเด็กๆเข้าไปในห้องเรียนทีละคน และบอกให้เด็กแต่ละคนนั้นผ่อนคลาย ก่อนจะแจกปริศนาจำนวนหนึ่งให้ไป

ข้อแรกๆของปริศนานั้น ค่อนข้างง่าย แต่ข้อหลังๆนั้น จะค่อนข้างยากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเด็กพบเจอกับเรื่องที่ยากขึ้นนั้น 

พวกเขาก็เริ่มทำเสียงฮึดฮัด และเหงื่อแตก แต่ก็พยายามอย่างหนักที่จะไขปริศนาเหล่านั้น เขาได้จับตาดูว่าเด็กคนนั้นมีกลยุทธ์อะร กำลังคิดอะไรอยู่ และรู้สึกอย่างไร แม้ตัวเขาจะคาดไว้แล้วว่าเด็กเหล่านี้คงจะใช้วิธีที่แตกตางกัน ในการรับมือกับเรื่องยากๆ แต่เขากลับพบเจกกับสิ่งที่ ไม่ได้คาดคิดมาก่อน 

     เมื่อเผชิญหน้ากับปริศนายากๆ เด็กชายวัยสิบขวบคนหนึ่งลากเก้าอี้เข้ามาใกล้โต๊ะ ถูมือทั้งสองข้าง ใช้นิ้วเคาะปากกา

อย่างตื่นเต้นก่อนจะตะโกนว่า " ผมชอบความท้าทาย" ส่วนอีกคนพยายามไขปริศนาอย่างหนัก แต่แล้วสุดท้ายก็เงยหน้าขึ้น

สีหน้าเด็กคนนั้นดูพอใจก่อนจะบอกเสียงดังฟังชัดว่า "ผมหวังว่าจะมีข้อมูลมากกว่านี้" 

     เมื่อได้เห็นแบบนั้น ผู้เขียน(Carol S.Dweck) ก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเด็กๆเหล่านั้นกันแน่ เขาคิดอยู่เสมอว่า คนเรานั้นมีแค่สองประเภทคือ 1.รับมือกับความล้มเหลวได้ 2.รับมือกับความล้มเหลวไม่ได้ เขาไม่เคยคืดเลยว่าจะมีคนชอบกับความ

ล้มเหลว เด็กเหล่านี้แค่แตกต่างจากคนอื่นๆ หรือพวกเขารู้ความลับอะไรบางอย่าง (เลอะเลือนเห็นด้วยกับข้อสงสัยนี้)

     ทุกคนล้วนมีบุคคลต้นแบบที่คอยชี้ทางสว่างให้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เด็กเหล่านี้ถือเป็นบุคคลต้นแบบของเขา

เห็นได้ชัดว่าเด็กเหล่านั้นต้องรู้บางสิ่งที่เขาไม่รู้ และเขาก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะหาคำตอบให้ได้ เขาตั้งใจที่จะต้องทำความเข้าใจ

กรอบคิดที่เปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นของขวัญให้ได้

"หรือเด็กพวกนี้จะมีแม่ซื้อคอยช่วยเหลือ หรือด้วยความบริสุทธิ์ของจิตจึงทำให้พวกเขาสามารถรับสารอะไรบางอย่างได้" อันนี้ความเห็นส่วนตัวของเลอะเลือนเองค่ะ ไปต่อกันที่หนังสือของคุณ Carol กันดีกว่านะคะ

     แล้วเด็กเหล่านี้รู้อะไรล่ะ? พวกเขารู้ว่าคุณสมบัติของมนุษย์ อย่างความฉลาด สามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม และนั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังทำ (อ่าว ไม่มีแม่ซื้อ) และนั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังทำ พวกเขากำลังพัฒนาตัวเองให้ฉลาดขึ้น

นอกจากจะไม่ท้อที่ล้มเหลว พวกเขายังไม่คิดด้วยว่าตัวเองล้มเหลว แต่คิดว่ากำลัง เรียนรู้ ต่างหาก (นี่แหละกรอบคิด)

     ในทางกลับกันผู้เขียนคิดว่า คุณสมบัติของมนุษย์เป็นสิ่งตายตัว นั่นคือ คุณเป็นได้แค่คนฉลาดหรือไม่ฉลาด และการที่คุณล้มเหลว นั่นหมายถึงคุณไม่ฉลาด แค่นั้น ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงความล้มเหลว และพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้ ก็หมายความว่าคุณเป็นคนฉลาด ส่วนการดิ้นรนต่อสู้ ความผิดพลาด และความพยายามเป็นสิ่งที่ผู้เขียนไม่เคยสนใจ 

     คำถามที่ว่าคุณสมบัติของมนุษย์เป็นสิ่งตายตัวหรือพัฒนาได้ กลายเป็นประเด็นที่ล้าสมัยไปแล้ว ประเด็นใหม่ในตอนนี้คือ

ความเชื่อเหล่านี้มีความหมายอย่างไรกับคุณ อะไรคือผลจากการคิดว่าความฉลาดหรือบุคลิกของคุณเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ ไม่ใช่สิ่งตายตัวที่ฝังรากลึกและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ก่อนอื่นเราจะพิจารณาธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งเป็นหัวข้อที่ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างดุเดือดมานาน จากนั้นค่อยวกกลับไปยังคำถามที่ว่า ความเชื่อเหล่านี้มีความหมายอย่างไรกับคุณ?

เป็นอย่างไรบ้างคะ นี่แค่ในเรื่อง กรอบคิด ก็แสดงให้เราเห็นได้ชัดแล้วนะคะว่า แต่ละคนมีกรอบคิดในแต่ละอย่างที่แตกต่างกัน คิดให้ดีก็ได้ หรือ คิดให้ล้มเหลวก็ได้ และสิ่งนี้ก็ทำให้คนเราแตกต่างกันแล้วค่ะ 

ยังไม่จบเท่านี้นะคะ ยังมีแนวคิดอีกหลายแนวที่จะทำให้เราเข้าถึงการใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตาได้ ติดตามอ่านต่อนะคะ 

โพสท์โดย: เลอะเลือน
อ้างอิงจาก: mindset ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา แปลไทยโดยคุณพรรณี ชูจิรวงศ์
ผู้เขียน : CAROL S.DWECK
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เลอะเลือน's profile


โพสท์โดย: เลอะเลือน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชนรู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำไทยยื่น 3 เงื่อนไข "GBC..รอบนี้กูเอาจริง""ทรัมป์" หน้าแตกยับ เกาหลีหักดิบคำสั่ง! เลือกข้างกอดคอไทย ลุยถล่มเขมรเละ!จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกันเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"ไทยและลาวเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายวิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569องค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ไทยหยุดยิงทันที!!เผยคลิป ทหารไทยใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายบังเกอร์ทหารกัมพูชาบริเวณหน้าบ้านเรือนในพื้นที่บ้านหนองจาน หลังพบฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นฐานปฏิบัติการยิงปืน ค. ตอบโต้ฝ่ายไทย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ"ข้าวเม่าทอด"ของทานเล่นที่อร่อยและมีประโยชน์เผยคลิป ทหารไทยใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายบังเกอร์ทหารกัมพูชาบริเวณหน้าบ้านเรือนในพื้นที่บ้านหนองจาน หลังพบฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นฐานปฏิบัติการยิงปืน ค. ตอบโต้ฝ่ายไทย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊าจะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?ทึ่งทั่วไทย : "สะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย" (Bali Hai Pier) ในยามค่ำคืนเตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว
ตั้งกระทู้ใหม่