ดาวเนปจูน (Neptune)
ดาวเกตุ หรือ ดาวเนปจูน(Neptune) เป็นดาวเคราะห์ที่ตั้งอยู่ในระบบสุริยะ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ลำดับสุดท้ายที่ห่างจากดวงอาทิตย์อันเป็นศูนย์กลางของระบบนี้ การระยะทางนี้ขึ้นอยู่กับการโคจรของดาวพลูโต ซึ่งบางครั้งอาจเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น แต่ในปัจจุบันดาวพลูโตถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของดาวเคราะห์แคระแล้ว ดาวเนปจูนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในระบบสุริยะ อย่างไรก็ตาม มันยังมีมวลเป็นลำดับที่ 3 ในระบบนี้ ซึ่งอยู่หลังดาวพฤหัสและดาวเสาร์เท่านั้น ดาวนปจูน เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของระบบสุริยะและมีลักษณะที่น่าสนใจอย่างมากในฐานะดาวเคราะห์ในระบบนี้คำว่า "ดาวเกตุ" มีความหมายเกี่ยวกับดาวนี้และเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาดาราศาสตร์และประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ของมนุษย์อย่างสำคัญ
ในปี พ.ศ. 2389, นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสออร์เบียง เลอ เวอร์ริเยร์ (Urbain Le Verrier) ทำการคำนวณและคาดการณ์ว่าต้องมีดาวเคราะห์หนึ่งที่กำลังโคจรอยู่ในระบบสุริยะที่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนที่ของดาวยูเรนัส ภายในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2389 เอาเสนอแนวคิดนี้ให้กับนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันโจฮันน์ จี. กาลเล (Johann G. Galle) ที่ทำหน้าที่เป็นนักดูดาวในหอดูดาวเบอร์ลิน กาลเลได้นำแนวคิดของเลอเวอร์ริเยร์มาใช้ในการค้นหาดาวเคราะห์ใหม่ในตำแหน่งที่คาดการณ์ใกล้เคียงกับผลการคำนวณของเลอเวอร์ริเยร์ และในที่สุดก็ค้นพบดาวเนปจูนในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2389 ที่เป็นฤดูใบไม้ร่วงในช่วงนั้น การค้นพบนี้เป็นการยืนยันทฤษฎีดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยตรงและเป็นหนึ่งในความสำเร็จใหญ่ในด้านดาราศาสตร์ในยุคนั้น ซึ่งเสมือนเปิดทางให้เราเข้าใจโลกและระบบสุริยะมากขึ้นในศตวรรษที่ 19.
ดาวเนปจูน เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่น่าทึ่งของระบบสุริยะ ด้วยสีน้ำเงินมรณะที่มอบเสน่ห์แห่งความลึกลับ สีน้ำเงินที่สะท้อนอย่างมหัศจรรย์บนผิวดาวเนปจูนมาจากสารประกอบหลักของบรรยากาศผิวนอก นั่นคือ ไฮโดรเจน และฮีเลียม ที่เคลือบผิวดาวเนปจูน และมีเทนเล็กน้อยปนเป็นสี ทำให้ดาวเนปจูนมีลุคที่ไม่เหมือนใคร แต่ความสวยงามของดาวเนปจูนนั้นมาพร้อมกับเงื่อนไขสภาพอากาศที่แปลกประหลาด บรรยากาศบนดาวเนปจูนมีกระแสลมที่รุนแรงมากถึง 2,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอุณหภูมิพื้นผิวต่ำลึกถึง -220องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอากาศที่หนาวสุด ๆ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถอยู่อาศัยบนดาวเนปจูนได้ แต่ภายในดาวเนปจูนจากแกนกลางของดาวเนปจูนประกอบด้วยหินและก๊าซร้อน อุณหภูมิภายในสูงถึงประมาณ 7,000องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนมากกว่าพื้นผิวของดวงอาทิตย์
ในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) มนุษย์ได้มีโอกาสในการส่งยานอวกาศวอยเอเจอร์ 2 สู่ดาวเนปจูน ที่เป็นลำเดียวในประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ได้ส่งยานอวกาศไปยังดาวนอกสุริยะ. การเดินทางนี้เป็นครั้งแรกและเดียวเท่านั้นที่มนุษย์ได้ส่งยานอวกาศไปถึงดาวเนปจูน.
เมื่อวอยเอเจอร์ 2 แสดงภาพของดาวเนปจูนตอนกลับมา มันเปิดเผยถึงลักษณะที่น่าสนใจของดาวเนปจูน ได้รับความสนใจมากที่สุดคือจุดดำใหญ่บนผิวดาวเนปจูนที่ตั้งอยู่ค่อนมาทางซีกใต้ของดาว คล้ายกับจุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัส. นอกจากนี้ยังมีวงแหวนบางๆ สีเข้มๆ อยู่รอบดาวเนปจูน, ซึ่งเป็นความค้นพบที่ท้าทายในสมัยนั้น โดยความเห็นแรกถูกค้นพบโดยนักวิจัยชื่อเอ็ดเวิร์ด กิแนน (Edward Guinan).
การเดินทางสู่ดาวเนปจูนของวอยเอเจอร์ 2 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เป็นปฐมนิเทศที่ประวัติศาสตร์ของอวกาศและการสำรวจดาวนอกสุริยะ ที่เปิดประตูให้เราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวเนปจูนและระบบนอกสุริยะในขณะที่เรายังคงสัมผัสด้วยเท้าบนโลก."