ปีศาจเสน่หา !
ปีศาจเสน่หา
'มัธยันต์' เล่าเรื่องขนหัวลุกของเจ้าป่าลงทัณฑ์มนุษย์
โลกีย์ผีโขมดของไทยเราน่าสยดสยองพองขนกว่าของฝรั่งตั้งพะลึกพะเรอ!
ที่มวกเหล็ก ปากช่อง สมัยก่อนยังมีแต่ป่าดงเปล่าเปลี่ยวน่าใจหาย สัตว์น้อยใหญ่ชุกชุมพอๆ กับไข้ป่า แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งก็จำเป็นต้องไปล่าสัตว์ หาของป่ามากินมาขายเพื่อเลี้ยงชีวิต ขืนมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ก็ไม่แคล้วต้องอดตายกันทั้งบ้าน
เข้าป่าก็ต้องจุดธูปจุดเทียน อย่างน้อยก็ยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางเสียก่อน ไม่ใช่ว่าถือดีบุกรุกเข้าไปดื้อๆ แต่ก็ไม่วายเกิดเหตุจนได้
วันเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เข้าป่าล่าสัตว์กันตามถนัด ทั้งล่าสัตว์ ตีผึ้ง เก็บผัก หาสมุนไพร...แยกย้ายกันไปในป่าทึบ บ้างก็จับคู่กันพออุ่นใจ บ้างใจกล้าก็เดินป่าไปคนเดียว
มีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ถนัดทางเก็บผักหวานซึ่งมีราคาดีเพราะหายาก นำมาปลูกก็ไม่เป็นผล ต้องไปหาเก็บเอาในป่า เป็นไม้ยืนต้นที่ค่อยๆ เก็บเล็มเอา เหลือไว้ให้ผลิใบออกมาใหม่สำหรับเด็ดใส่ตะกร้าในวันหลัง
ว่ากันว่าหนุ่มสาวใกล้กันก็เหมือนไฟใกล้น้ำมัน! ไม่รู้ว่าความเงียบเชียบเปล่าเปลี่ยวของป่าดง หรือมีสิ่งใดมาดลบันดาล?
หนุ่มสาวคู่นั้นเก็บผักหวานได้ตามสมควรก็นั่งพัก ควักเสบียงออกมาแบ่งกันกินอิ่มหนำ แล้วก็พูดจาหยอกล้อ จับมือถือแขนกัน เสียงหัวเราะต่อกระซิกเคล้ากับเสียงลมพัดยอดไม้ เสียงนกร่อนร้องเหมือนจะขับกล่อมอยู่ในที!
เสียงกระซิบกระซาบฝากรักฝากใคร่ ฝ่ายชายโอบไหล่มาจูบแก้มแนมนมเข้ากลมเกลียว ฝ่ายหญิงก็ปัดป้องไปตามเชิง ตัดพ้อเสียงระริกซิกซี้ ชม้อยชม้ายชายตาเหมือนจะยั่วยวนชวนให้ชายชมอยู่ในที...เจ้าหนุ่มมีหรือจะไม่รู้ทัน...ไม่ช้าไม่นาน ร่างอวบอ่อนก็นอนระทวยลงบนพื้นดินข้างโขดหินมหึมา ใต้ร่มไม้ใบหนาราวกับจะกลายเป็นที่นอนอ่อนนุ่มก็ปานกัน...
สายลมพัดโชยมาเย็นชื่น นกน้อยร่อนร้องอยู่บนยอดไม้ หนุ่มสาวเร่าร้อนยิ่งกว่าไฟโดนเผาก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความพิศวาส ลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง
เมฆหนาทึบลอยเลื่อนเข้าบดบังดวงอาทิตย์ ลมกลุ่มใหญ่กระโชกวูบ เงาดำทะมึนทาบทับร่างทั้งสองในบัดดลนั่นเอง!
เชื่อกันว่า เจ้าป่าเจ้าเขาชิงชังเรื่องบัดสีบัดเถลิงเป็นนักหนา เห็นหญิงชายไร้สติมาใช้ป่าดงเป็นสถานเสพสุขตามใจชอบ ยิ่งโกรธเกรี้ยวจนถึงกับลงทัณฑ์สาหัสทุกรายไป และบ้างก็ว่าโขมดป่าจะฉวยโอกาสสิงสู่ร่างชายให้ย่ำยีเหยื่อสาวจนสาสมใจมัน
ความรักใคร่ของฝ่ายชายพลันดุดัน โหมกระหน่ำไม่ปรานีกะทันหัน จนฝ่ายหญิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างลืมตัว ทั้งร่ำร้องห้ามปราม ทั้งผลักไสหยิกข่วนจนถึงกับร้องด่าเสียงระงมไพร แต่ฝ่ายชายคล้ายขาดสติจนคลุ้มคลั่ง แทนที่จะหยุดยั้งกลับหัวเราะร่า ย่ำยีบีฑาฝ่ายหญิงโดยไม่บันยะบันยังอีกต่อไป
สาวเจ้าร้องไห้โฮ หวีดร้องให้ช่วยเหลือด้วยความเจ็บปวดหวั่นกลัวแทบสิ้นใจ!
เพื่อนบ้าน 4-5 คนได้ยินเสียงโหยหวนผิดหูก็ชวนกันวิ่งมาดู ครั้นมองเห็นภาพนั้นก็หลุดปากอุทานด้วยความสยดสยอง ตะลึงงันไปตามๆ กัน...นั่นคือฝ่ายชายนอนหงายอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกถลน ตายคาที่
ฝ่ายหญิงลุกพรวดพราดขึ้นมา ร่างเปลือยเปล่าเห็นเลือดแดงๆ เปรอะหน้าท้องไหลย้อยอาบโคนขา หลับหูหลับตาแผดร้องคล้ายคนบ้า ก่อนจะวิ่งเตลิดไปจนลับตา!
ตั้งสติได้ก็ช่วยกันหอบหิ้วร่างหนุ่มชะตาขาดกลับหมู่บ้าน...ผู้คนวิ่งกรูเกรียวออกมาดู ถามไถ่อยู่เซ็งแซ่ว่าเกิดอาเพศสิ่งใดขึ้นมา? อีสาวก็เพิ่งวิ่งตัวล่อนจ้อนออกจากป่ามาสลบคาที่เมื่อครู่ก่อนนี้เอง!
เมื่อช่วยกันแก้ไขฝ่ายหญิงจนฟื้นขึ้นมา นัยน์ตาก็เบิกโพลง ร้องตะโกนแต่ว่า...ไอ้ผีนรก! โอย...ช่วยด้วย! ผีโขมดเป็นฝูงมันมากลุ้มรุมขืนใจข้า! โอ๊ย...ตายแล้ว...
หนุ่มชาวดงเคราะห์ร้ายลงไปนอนในหลุม สาวเจ้ากลายเป็นคนฟั่นเฟือนคลุ้มคลั่ง บางครั้งก็สลัดผ้าผ่อนเดินเปลือยกายโทงๆ ไปทั่วหมู่บ้าน เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้...ด้วยเสียงเยือกเย็นไปถึงหัวใจของทุกๆ คนที่ได้ยิน
อีกเดือนเศษต่อมาก็สิ้นเวร...ดอดไปผูกคอตายที่ชายดง เพื่อนบ้านช่วยกันฝังศพลงเคียงคู่กับหลุมฝ่ายชายที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว...
อิทธิฤทธิ์ของเจ้าป่าเจ้าเขา อีกทั้งโขมดป่าโขมดดงยังเป็นที่เชื่อถือของผู้คนตั้งแต่อดีตมาจนถึงทุกวันนี้!