หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

คีโต คืออะไร

เนื้อหาโดย ดอยตุง

คีโตเจนิก ไดเอท (Ketogenic diet) คืออะไร

 

คีโตเจนิก ไดเอท (Ketogenic diet) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “อาหารคีโต” เป็นแผนการรับประทานอาหารที่เน้นการรับประทานไขมันสูง โปรตีนปานกลาง และคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยสัดส่วนพลังงานจากไขมันจะอยู่ที่ประมาณ 70-80% โปรตีน 20-25% และคาร์โบไฮเดรต 5-10%

 

เมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตน้อยลง ร่างกายจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากไขมันแทน ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า “คีโตซิส (Ketosis)” โดยร่างกายจะเปลี่ยนไขมันที่สะสมไว้ในร่างกายไปเป็นสารคีโตน (Ketone) ซึ่งสารคีโตนนี้สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้

 

การรับประทานอาหารคีโตมีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารคีโตก็อาจส่งผลข้างเคียงบางประการได้ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ท้องผูก เป็นต้น

**อาหารคีโตมีอะไรบ้าง**

 

อาหารคีโตส่วนใหญ่จะเน้นการรับประทานไขมันสูงจากแหล่งต่างๆ เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ เนย น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วชนิดต่างๆ และเมล็ดพืชต่างๆ นอกจากนี้ ยังสามารถรับประทานผักบางชนิดได้ เช่น ผักใบเขียว หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ เป็นต้น

 

อาหารคีโตที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ผลไม้ นม ผลิตภัณฑ์นม ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มต่างๆ

 

**วิธีเริ่มรับประทานอาหารคีโต**

 

การเริ่มรับประทานอาหารคีโตควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงทีละน้อย ในช่วงแรกอาจมีอาการข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ท้องผูก เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้

 

ต่อไปนี้เป็นแนวทางการเริ่มรับประทานอาหารคีโต

 

1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารคีโตให้เข้าใจ

2. ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเริ่มรับประทานอาหารคีโต

3. เริ่มจากการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงทีละน้อย

4. รับประทานไขมันสูงและโปรตีนปานกลาง

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

6. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

**ข้อควรระวังในการรับประทานอาหารคีโต**

 

การรับประทานอาหารคีโตอาจส่งผลข้างเคียงบางประการได้ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ท้องผูก เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ

 

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารคีโตอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ และโรคเบาหวานบางชนิด เป็นต้น

 

ผู้ที่สนใจรับประทานอาหารคีโตควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเริ่มรับประทานอาหารคีโต

เนื้อหาโดย: ดอยตุง ภาพ pixabay
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ดอยตุง's profile


โพสท์โดย: ดอยตุง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลกเขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคตเจาะเลขเด็ดปกสลาก งวด 2 ม.ค. 69 ต้อนรับปีใหม่ปีมะเมียทองสูตรคำนวณงวด 2/1/69"อาหารบ้าน ๆ ที่คนต่างชาติหลงรัก แต่คนไทยมองว่าเป็นอาหาร “ธรรมดา”" มันเป็นเพราะอะไรกันนะจักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสงเจาะลึกลำดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมซาวน่าญี่ปุ่น เมื่อพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นกับดักมรณะสอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกรายอาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ภาพทดสอบโทรทัศน์ "PM5544" ในตำนาน ที่ถูกใช้งานแพร่หลายที่สุดในโลก ในยุคส่งสัญญาณแบบอนาล็อกนั่นเองจักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสงรีวิวหนังดัง SURROGATES คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่งสอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกรายโฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ปวดท้องน้อยหน่วง ๆ บ่อยครั้ง อาการแบบนี้เกิดจากอะไรได้บ้างแก้วมังกร ผลไม้บ้านๆ แต่ประโยชน์แน่น ช่วยลำไส้ ผิวใส หัวใจแข็งแรงอกหักนานเกิน 6 เดือน มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจทำไมคนยุคนี้ถึงชอบดูคลิป “ชีวิตช้า ๆ” (Slow Living) มากขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่