ฆ่าลูกสาวของตัวเอง
โยชิโกะ ยามาโมโตะ (72) เป็นผู้ต้องหาฆ่าลูกสาวของตัวเอง ( 44 ) และศาลตัดสินจำคุกเธอเพียง 5 ปี โยชิโกะ มีลูกสาวสองคน แต่ลูกคนเล็กมีความบกพร่องทางปัญญา และไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง เธอจึงต้องคอยดูแลลูกสาวคนนี้ตลอด เธออยู่กับลูกตลอดเวลาจนแทบจะตัดขาดกับสังคมไปเลย เหมือนทั้งชีวิตก็มีแค่ลูกสาวคนนี้ มันยากนะ แต่เธอก็มีความสุขตามประสา แต่ว่า ก็ไม่ใช่แค่ความสุขที่เธอได้รับ ความยากลำบาก ความเหนื่อย ความทุกข์ในใจก็มากเช่นกัน ยิ่งมาตอนหลังที่สามีเสียชีวิตและเธอต้องรับผิดชอบทุกอย่างเพียงลำพังพร้อมอายุที่มากขึ้น ๆ สวนทางกับเรี่ยวแรง ทำให้โยชิโกะมีอาการซึมเศร้า เบื่อหน่าย หมดอาลัยกับชีวิต และยังมีความกังวลว่าถ้าเธอตายก่อนลูก ลูกจะอยู่ยังไง ลูกสาวคนโตก็คงไม่เอาน้อง ไปอยู่กับทางการเขาก็คงดูแลได้ไม่ดีเท่าเธอ
พอคิดแบบนั้นเธอก็พาลูกไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปในหลาย ๆ ที่ จากนั้นก็พาลูกเข้าไปพักโรงแรมโปรดของลูก และคืนนั้นตอนที่เธออาบน้ำให้ลูกเธอก็กดหัวลูกลงไปในอ่างอาบน้ำจนลูกขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต จากนั้นเธอก็โทรหาตำรวจและบอกว่า " ฉันฆ่าลูกสาวของตัวเอง "
คดีของเธอ ศาลตัดสินว่า เธอได้จิตใจอ่อนแอจากภาวะซึมเศร้าและปัจจัยอื่น ๆ และไม่สามารถตัดสินใจอย่างมีเหตุผลได้ ก็เลยตัดสินจำคุกเธอ 5 ปี
ตอนนี้เธออายุ 72 แล้ว ติดคุก 5 ปี ออกมาก็น่าจะอายุ 77 พอดี ญี่ปุ่นเนี่ย มีคดีคนในครอบครัวฆ่ากัน เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการดูแลเยอะมากเลย ทั้งผัวฆ่าเมีย เมียฆ่าผัว พ่อแม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ ฯลฯ คดีแบบนี้ส่วนใหญ่ศาลจะตัดสินแบบให้ความเห็นใจ โทษก็เลยจะไม่เยอะ 3 ปี บ้าง 5 ปี บ้าง มากสุดในคดีแบบนี้น่าจะ 10 และถ้าจำไม่ผิด คดีนั้นเป็นคดีผู้หญิงฆ่าสามีและแม่สามีที่ป่วย เพราะเหนื่อยจะดูแล ไม่รู้ประเทศอื่นเป็นมั้ย แต่ในญี่ปุ่น ถ้าผู้ก่อคดีมีเหตุให้น่าเห็นใจ หรือทำไปเพราะถูกกดดัน หรือใด ๆ ประมาณนั้น ศาลจะเห็นใจและตัดสินโทษไม่สูง เช่น ถ้ามีผู้ชายคนนึงฆ่าผู้ชายอีกคน และสืบไปว่าคนที่ถูกฆ่าทำเรื่องไม่ดีใส่ก่อน หรือกดดัน หรือทำร้ายร่างกายและจิตใจ คนฆ่าก็จะได้รับความเห็นใจ แต่ถ้าแบบอยู่ ๆ ไปฆ่า หรือไปก่อเหตุแบบที่ไม่สมเหตุสมผลโดนก็หนักอยู่ จนถึงประหารเลยก็บ่อย
ที่มา: ซากุระเที่ยงคืน