การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ(Hiroshima & Nagasaki Bombi)
"การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ" (Hiroshima and Nagasaki Atomic Bombings) เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 1945 ที่เมืองฮิโรชิมะและเมืองนางาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น ถูกทิ้งระเบิดด้วยระเบิดปรมาณูชนิดอะตอม เป็นการรุกรานทางกายภาพที่สร้างความเสียหายร้ายแรงทางมนุษย์และพิษสุรางค์ให้กับประชากรและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ
ละเอียดของการเกิดเหตุการณ์
-
ฮิโรชิมะ: เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 ระเบิดปรมาณูชนิดอะตอมชื่อ "ลิตเทิลบอย" ได้ถูกทิ้งจากเครื่องบินพระราชทาน "เอ็นออล่ากยูชะ" ของสหรัฐอเมริกา เป้าหมายของการระเบิดคือเมืองฮิโรชิมะ ระเบิดสร้างความเดือดร้อนและลมพายุรุนแรง เป็นอันเนื่องมาจากการที่รังสีและความร้อนจากการระเบิดก่อให้เกิดการระเบิดปรมาณูนิวเคลียร์ในร่มรื่อ ความเสียหายร้ายแรงและผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมมีมากมาย ประชากรถึง 140,000 คนถูกฆ่าทันทีและกว่า 100,000 คนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงส่งผลให้เกิดโรครังสีและปัญหาสุขภาพรุนแรงในระยะยาว
-
นางาซากิ: เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 ระเบิดปรมาณูชนิดอะตอมชื่อ "แฟตแมน" ถูกทิ้งในเมืองนางาซากิ ระเบิดที่นี่ก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า รังสีและความร้อนจากการระเบิดสร้างไฟใหม่ที่ระเบิดออกมาทำลายเมืองอย่างเหนียวแน่น ประชากรถึง 70,000 คนถูกฆ่าทันทีและหลายหมื่นคนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งเกิดผลกระทบต่อสุขภาพและสภาพแวดล้อมในระยะยาว
การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิได้เป็นการเข้าสู่การสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากหลังจากการระเบิดเหล่านี้ ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ และเริ่มกระบวนการยอมแพ้อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม ปี 1945 ซึ่งสุดท้ายนี้เองทำให้สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงในทวีปเอเชียและรัตนาธิปไตยก็คืนครองอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นได้ล้มล้างแผนกำหนดการแสดงตัวของพวกเขาที่ระบุว่าจะต่อสู้จนถึงสุดชีวิต และประกาศยอมแพ้ในวันที่ 2 กันยายน ปี 1945 ที่ได้เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์เป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการในเอเชียและแปซิฟิก การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมะและนางาซากิเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสั่งสมประสงค์ให้กับโลกในเรื่องของการใช้รายวัตถุนิวเคลียร์ในสงครามและประเด็นความสามารถของการทำลายของอาวุธที่มีความก้าวหน้าอย่างน่ากลัว
ซึ่งการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ ได้สร้างความตระหนักให้กับความเสียหายที่อาวุธนิวเคลียร์สามารถก่อให้เกิดขึ้นได้และเป็นเหตุการณ์ที่ระงับใจผู้คนในการพิจารณาถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองจบลงเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ แต่ผลกระทบทางมานุษยชาติและสังคมยังคงอยู่ในระยะยาว
เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบในหลายด้าน:
-
ความสามารถในการทำลาย: การระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอาวุธนิวเคลียร์ในการทำลายเมืองอย่างรวดเร็วและรุนแรง สร้างความกลัวและความต้องการในการควบคุมการใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ให้มีความรับผิดชอบและพิจารณาอย่างรอบคอบ
-
การยกระดับแข่งขันทั่วโลก: หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ การพัฒนาและการแข่งขันทางเทคโนโลยีนิวเคลียร์ได้รับการเพิ่มขึ้นระดับโลก สหภาพโซเวียต (ที่เป็นสหรัฐรัสเซียในภาวะปัจจุบัน) และสหรัฐอเมริกาเริ่มสร้างสรรค์อาวุธนิวเคลียร์ในปริมาณมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสงครามเย็นระหว่างสองสายเลือดเป็นเรื่องที่พักไม่ได้
-
การพิจารณาจรรยาบรรณและกฎหมาย: การใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้เริ่มขึ้นโดยไม่มีข้อกำหนดและกฎหมายที่เข้มงวดเท่าในปัจจุบัน เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลให้สังคมและสากลต้องพิจารณาความสำคัญของการสร้างกฎหมายและนโยบายที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อความสงบและความมั่นคงของโลก
-
ความระแวกวลเมื่อเทคโนโลยีนิวเคลียร์แพร่กระจาย: การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมะและนางาซากิได้เปิดประตูให้ความระแวงเกิดขึ้นเมื่อมีหลายประเทศพยายามพัฒนาและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง นี่เป็นปัจจัยที่นำมาสู่การแข่งขันทางนโยบายและความขัดแย้งในทางทั้งกายภาพและจิตใจ
ในที่สุดการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิเป็นเหตุการณ์ที่มีผลกระทบทั้งในด้านการทำลายสิ่งแวดล้อมและมนุษยชาติ จนกระทั่งปัจจุบัน เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงเป็นแนวคิดในการป้องกันการใช้อาวุธนิวเคลียร์และการสร้างสรรค์ความเข้าใจและความรับผิดชอบในการใช้อาวุธที่มีความก้าวหน้าอย่างน่ากลัวในสงครามและความสันติภาพของโลก