จะมีรถยนต์ต้องมีเงินเท่าไร
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้มาจากประสบการณ์และความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ
การที่เราจะมีซื้อรถยนต์ใหม่ได้สักคันไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่ง หรือ มือสองก็ตาม ต้องมีอะไรบ้างนะ
1. เงินจอง หรือ เงินมัดจำ คือ เงินก่อนแรกเลยตอนที่เราตกลงจะเอารถคันนี้ ส่วนใหญ่ก็หลักพันบาท และมีเงื่อนไขที่จะคืนหรือไม่คืนด้วยนะ ถามเซลล์ให้ละเอียด ถ้าจะให้ดีระบุลงไปในเอกสารการวางเงินจองด้วยเลย
2. เงินดาวน์ มาเป็นเงินก้อนที่สอง หลังจากที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว ซึ่งเราต้องเตรียมเงินดาวน์รถไว้ตั้งแต่ก่อนมัดจำรถแล้วนะว่าจะดาวน์กี่เปอร์เซ็นของราคารถยนต์ที่เราจะซื้อ แต่ๆ บริษัทที่จะปล่อยสินเชื่อให้เรานั้นเขาจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นเขาจะบอกเราอีกที ปกติก็ 15% ขึ้นไป
ตรงนี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือไม่มีก็ได้ ถ้ามาเป็นของแถมแล้วนะ เช่น ประกันภัยรถยนต์ พรบ. ทะเบียนป้ายแดง ทะเบียนป้ายขาว ของแต่งรถ จะมีเคลือบแก้วเซรามิคด้วยไหม ของไหว้รับรถแล้วแต่ความเชื่อ
3.เงินผ่อนแต่ละเดือน ก้อนที่สามที่ต้องจ่ายทุกเดือนละ ถ้าเป็นดอกเบี้ย FIX แล้วก็ผ่อนไปเท่านี้จนครบทุกงวดไม่ต้องไปโป๊ะมันน่ะ
4.ค่าน้ำมันหรือค่าไฟ ก้อนที่สี่ที่เกิดขึ้นตามการขับขี่ของเราแล้วว่า ขับประหยัดได้แค่ไหนแล้วละ ซึ่งมือใหม่ต้องจดบันทึกทุกครั้งที่เติมน้ำมันว่า เลขไมล์เท่าไร ราคาน้ำมันเท่าไรต่อลิตร เติมไปกี่บาท แล้วมาสรุปทุกๆเดือนไว้ว่าใช้แต่ละเดือนเท่าไร ผ่านไป 1 ปีเราจะรู้ในแต่ละช่วงว่าปีๆนึงช่วงไหนที่ต้องใช้เงินส่วนนี้เยอะจะได้แพลนกันได้ถูกนะ
5.ค่าบำรุงรักษา ก้อนที่ห้านี่ช่วงประกันรถยนต์ 3 ปี หรือ 150,000 กม. จะมีค่าใช้จ่ายไม่เยอะเท่าไร เพราะมักจะฟรีค่าแรง ซึ่งค่าบำรุงรักษาดูได้จากเวปของยี่ห้อรถที่ท่านซื้อได้เลย จะบอกอยู่ว่าขับไปกี่กม.ถึงจะต้องเอารถเข้าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายเท่าไร ยิ่งขับเยอะก็บำรุงรักษาเยอะไปด้วย เราก็ต้องแพลนช่วงเวลาที่ต้องใช้เงินตรงนี้เข้าไปด้วยนะ
6.เงินประกัน ก้อนที่หกจะมาในปีที่สองละ ทีนี้เราเลือกได้ละว่าจะต่อประกันที่เก่าที่ใหม่ต้องพิจารณาดีๆนะ
7.พรบ. ก้อนที่เจ็ดจะมาในปีที่สอง ในส่วนนี้ค่าใช้จ่ายจะคงที่และมักจะควบจ่ายไปพร้อมกับประกัน
8.ต่อทะเบียนรถยนต์ ก้อนที่แปดจะมาในปีที่สอง เราต่อออนไลน์ได้เลยนะ ไม่ต้องไปขนส่งนะ สะดวก รวดเร็ว เสียค่าธรรมเนียมเป็นการแลกมานะ ไม่อยากเสียก็ไปต่อขนส่งได้ เดี๋ยวนี้มีช่องด่วนแล้ว บางที่ไม่ถึงชม.ก็เสร็จ ไดร์ทรูได้เลย เมื่อรถอายุ 7 ปีต้องไปตรอ.ก่อนด้วยละ
9.ค่าล้างรถ ก้อนที่เก้าที่ยังไงๆก็ต้องมี ไม่ว่าเราจะล้างเองหรือร้านอย่างน้อยๆต้องจ่าย 20 บาทขึ้นไปแน่ๆ ทำไมนะเหรอ เพราะล้างเองมีค่าน้ำ ผ้า ฟองน้ำ น้ำยาล้างรถ ที่ต้องใช้เป็นอย่างน้อยแล้วนะ แต่ล้างให้ดีขึ้นอีกก็จ่ายแพงอีกนะเผื่อเงินไว้เลย
10.ค่าเปลี่ยนยางรถ ก้อนที่สิบแล้ว ถ้ายางที่ติดรถยนต์มาปีผลิตปีเดียวกับที่ซื้อจะดีหน่อย เพราะยางรถนั้นมีอายุใช้งาน 3-5 ปี หรือ 5 หมื่นกิโล แต่ใช่ว่าพอครบตามนี้จะเปลี่ยนเลย มันมีปัจจัยของยางด้วยว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่หรือไม่นะ ราคามีตั้งแต่ 5-6 พันขึ้นไป ขึ้นกับคุณภาพที่ได้ยิ่งถูกอายุการใช้งานยิ่งสั้นพร้อมด้วยเสียงที่ดังกว่า
11.ค่าเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน ก้อนที่สิบเอ็ด อันนี้ถ้าไม่ได้จอดตากแดดตลอดก็จะอยู่นานหน่อย แต่เมื่อไรที่ใช้แล้วกวาดน้ำได้ไม่ดีก็ต้องพิจารณาเปลี่ยนเลยนะ อย่าทนใช้ เพราะเวลาฝนตกหนักปัดน้ำฝนได้ไม่ดีมองไม่เห็นทางจะอันตรายมาก
12.ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ก้อนที่สิบสองบางคันเปลี่ยนทุกปี บางคัน 2-3 ปีเปลี่ยน เพราะแบตที่เราได้มาจากศูนย์นั้นเราไม่เห็นปีผลิตเลยจะไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน เปลี่ยนตามร้านก็เลือกปีผลิตในปีที่เปลี่ยนดีที่สุดและตรวจค่าแบตให้ตรงกับรถเราด้วยละ
ค่าใช้จ่ายหลักๆในช่วงระยะประกันศูนย์จะอยู่ประมาณนี้นะ เพราะฉนั้นเก็บเงินล่วงหน้ารอได้เลยเพราะค่าใช้จ่ายมีทุกเดือนทุกปีตามนี้แน่นอน
ต่อมาขอบอกว่าต้องมีเงินสำรองที่ต้องมีอย่างน้อย 10%ของมูลค่ารถที่ซื้อมานะ เพราะอะไรนะเหรอ เรื่องอุบัติเหตุ อะไหล่บางอย่างที่เราคาดไม่ถึงว่าจะเสียไวแล้วมันดันไม่อยู่ในประกันนะ ซึ่งเรามักจะเจอหลังหมดประกันเสมอเลย ตามอายุรถละนะเสื่อมไปตามสภาพการใช้งานและกาลเวลา แต่ส่วนนี้อยากให้มีไว้ก่อนที่จะซื้อรถจะดีกว่าจะเป็นเงินฉุกเฉินช่วยเราได้ตลอดการใช้งานรถนี้ได้
ยิ่งถ้าเราใช้รถคันนี้เป็นหลักด้วยแล้วนะ พอรถต้องไปทิ้งไว้ที่ศูนย์หลายวัน เราจะหารถสำรองที่ไหนมาใช้ละ ก็ต้องเช่าอีก ถ้าซื้อประกันที่สำรองให้ก็ดีไปนะ แต่เขามีเงื่อนไขนะ
จากประสบการณ์ที่ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ก่อนซื้อ บอกเลยว่าลำบากทุละทุเลวุ่นวายเรื่องเงินมากเลย
สุดท้ายนี้ เราเลือกรถยนต์ที่เราชอบแม้มันจะมีข้อบกพร่องก็ตาม เราต้องมีจิตใจที่พร้อมและยอมรับกับปัญหาเหล่านั้นให้ได้ด้วยนะ
ไม่พร้อมอย่าซื้อให้ลำบากตน เพราะมันมีทางอื่นเสมอนะ แม้มันจะไม่สบายเท่าก็ตาม