PR เจอผี
ย้อนไปเมื่อ 3-4 ปีก่อนสมัยผมและต้อมทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งหรือ PRนั้นแหละครับ ต้อมเป็นเด็กแถวบ้านซึ่งเข้ามาทำงานกับผมในกรุงเทพ ผมและต้อมอายุห่างกัน 3 ปี ตอนนั้นผมอายุ 24 ปีส่วนต้อมอายุ 21 ปีแต่เราจะอายุห่างกันตาเราคบกันแบบเป็นเพื่อน วันนั้นเราได้รับคำสั่งจากหัวหน้าใช้ไปทำงานที่จังหวัดๆหนึ่งแถวภาคอีสาน พอได้รับคำสั่งเย็นวันนั้นเราก็เลยจัดของเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เพื่อจะเตรียมไปทำงานที่ต่างจังหวัดพรุ่งนี้แต่เช้า พอถึงตอนเช้าเราก็ขนกระเป๋าไปที่หร้าบริษัทแล้วก็รอ รออีกซักแป๊ปเดียวก็มีรถตู้ของบริษัทวิ่งมาพร้อมกับรุ่นพี่อีก 3 คนมารับเรา เราก็นั่งรถตู้กันมาผ่านหลายจังหวัด บางคนก็นอนหลับบางคนก็เล่นมือถือ พอมาถึงจังหวัดหนี่งก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า จะให้เราไปทำงานที่นี่แล้วพักที่นี่หรอวะ ทำไมหรอครับ เสียงรุ่นน้องที่มาด้วยกันถามขึ้นจากที่นั่งท้ายสุดของรถตู้ รุ่นพี่ก็ตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงถอนหายใจ ที่ไม่งานเท่าไรไม่มีปัญหาหรอกแต่รีสอร์ทที่เราจะพักนี่สิ เขาพูดกันนะว่ารีสอร์ทนี้เขาเอาที่ป่าช้าเก่ามาทำรีสอร์ทเฮี้ยนมากเลยแหละ เขาเล่ากันอย่างนั้นนะ แล้วพี่รู้ได้ไงหรอครับว่าที่นี่เฮี้ยน เสียงรุ่นน้องถามขึ้นอีกอย่างน่าสงสัย รุ่นพี่ก็ตอบขึ้นมาว่า พี่ก็มีเพื่อนที่เคยมาพักที่นี่ บางคนนะเจอแค่เป็นเสียง บางคนก็เจอเป็นเงา ส่วนบางคนเจอเป็นตัวเลยก็มี ทำไมให้มาพักที่นี่วะ เสียงของรุ่นพี่พูดออกมา ส่วนผมเลยพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า น่ากลัวจริงๆแหละพี่ฟังจากที่พี่พูดนะ และแล้วอีกซัก 30 นาทีเราก็ถึงรีสอร์ทที่เราจะไปพัก พอผมลงรถมาจาการที่มองดูแล้วรีสอร์ทนี้ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรดูท่าทางจะเป็นรีสอร์ทใหม่ด้วยแหละบรรยากาศรอบๆก็เป็นทุ่งนารอมรอบบรรยากาศดีมากๆดูแล้วทุกคนน่าจะไม่กลัวกันเลยดูแล้วน่าจะชอบที่นี่และบรรยากาศที่นี่มากกว่า แล้วรุ่นก็ไปเช็คอินกับทางรีสอร์ทเพื่อจะเข้าพัก แล้วทางรีสอร์ทจึงให้เด็กขนกระเป๋าของพวกเราพาไปที่ห้องพัก เราพักด้วยกัน 3 หัองคือห้อง 13 14 15 ส่วนผมพักอยู่ในห้องที่ 14 เป็นห้องกลาง ผมพักอยู่กับต้อม 2 คนเพราะเขาคงรู้ว่าเราสนิทกัน พอเดินมาถึงห้องพักผม ผมจึงเปิดประตูเข้าไปเพื่อที่จะเอากระเป๋าข้าไปเก็บ พอผมเก็บกระเป๋าเสร็จผมจึงเดินออกไปที่ระเบียงหลังห้องเพื่อดูบรรยากาศ แต่เมื่อผมเปิดประตูออกไปผมก็ได้เจอกับถาดใส่ผลไม้ขนมและน้ำซึ่งมีธูปเสียบไว้ เหมือนว่าเขาเอามาไหว้อะไรบางอย่าง ผมก็เลยโทรตามต้อมให้เอาของเข้ามาเก็บและเดินไหตามแม่บ้านคนดูแลว่าถาดที่เห็นมีอะไรไหมหรือไหว้อะไร แต่แม่บ้านก็ตอบกับผมแค่ว่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ส่วนผมก็เห็นเขาบอกอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อต้อมเข้าไปคงจะเห็นถาดแล้วคงกลัวมั้ง ต้อมเลยมาบอกผมว่าคืนนี้จะไปนอนกับรุ่นพี่ที่ห้องข้างๆ เนื่องจากต้อมเขาให้เหตุผลว่าพี่เขานอนคนเดียวไม่ได้เนื่องจากเขาไม่เคยมา ผมเลยคิดว่าดีเหมือนกันจะได้นอนคนเดียวเต็มที่ แต่หลังจากนั้นผมเห็นตอนแม่บ้านก่อนจะเข้าเก็บถาดออกไป ผมเห็นเขาไหว้อะไรก็ไม่รู้พักหนึ่งก่อนจะเข้าไปเก็บและเดินออกมา หลังจากนั้นพอตกตอนเย็นเราก็ไม่ซื้อของกินและเครื่องดื่มบ้างที่ตลาดมากินที่รีสอร์ทและเราก็เลยจัดสังสรรค์ปาร์ตี้เล็กๆกันรอบกองไฟ โดยที่เราได้ขออนุญาตเจ้าของรีสอร์ทแล้ว พอตกดึกแระมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เราก็ได้เลิกปาร์ตี้และก็แยกกันไปนอน พอไปถึงห้องพักผมก็ไม่อาบน้ำและได้ล้มตัวลงนอนเลยเพราะความเหนื่อยและพรุ่งนี้มีงานเช้า พอหลับไปได้ซักพักผมก็ได้ยินเสียงเปิดน้ำและเสียงกดซักโครก ในใจผมคิดว่าน้ำห้องต้อมพักไม่ไหลมั้งต้อมเลยมาอาบน้ำห้องผม ผมก็เลยร้องกะโกนออกไปว่า อาบน้ำเบาๆด้วยละนะพี่จะนอน ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า ได้ครับผมอาบแค่แป๊ปเดียวครับ เสียงนั้นเป็นเสียงของต้อมเลย แล้วผมก็หลับต่อ ตอนนั้นดูนาฬิกาแล้วประมาณ 5 ทุ่มกว่าอีกต่อมาไม่นานผมก็ปวดท้องเข้าห้องน้ำ ผมก็เดินเข้าห้องน้ำไป แต่ที่รู้สึกคือ ทำไมพึ้นห้องน้ำมันแห้งๆเหมือนเมื่อกี้ไม่มีคนเข้าเลยวะ พอคิดอย่างนั้นแล้วผมจึงเดินเข้าห้องน้ำไปและผมก็ออกมานอนต่อ แล้วเสียงซักโครกก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงน้ำไหลดังมาก ผมก็เลยลุกขึ้นไปเพื่อที่จะดูน้ำ แต่ผมเดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำเสียงน้ำก็หยุดไหลเองด้วยความเหนื่อยด้วยความง้วงนอนด้วยทำให้ผมไม่คิดอะไรมาก ผมจึงกลับมานอนต่ออีกรอบ นอนไปไม่นานเสียงน้ำกับซักโครกก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ค่อยๆลุกขึ้น ผมค่อยๆย่องไปดูและผมก็เปิดประตูห้องน้ำ แต่คราวนี้ก็เหมือนเดิมคือพึ้นห้องน้ำมันยังแห้ง น้ำไม่ได้ไหลอะไรเลย ผมจึงคิดว่า นั้นไงเอากูแล้วไง แต่ผมก็เดินกลับไปที่ ที่นอนขณะเดินไปผมก็เห็นเงาอะไรลางๆในกระจกเป็นเหมือนผู้หญิงตัวใหญ่ๆเนื้อตัวบวมฉุไปด้วยเลือดและน้ำหนองผมจึงล้มลงและสวดมนต์เป็นการใหญ่ พอสวดไปได้ซัก 10 นาทีผมเลยวิ่งออกจากห้องแล้วเคาะประตูห้องรุ่นพี่กับต้อมข้างๆว่าขอนอนด้วย รุ่นพี่เลยบอกให้ไปเร็วๆและบอกอีกว่านอนด้วยกันหลายๆคนนี่แหละ รุ่นพี่เลยถามต่อว่า มึงเจออะไรมา ผมก็เล่าให้ฟัง รุ่นพี่เลยพูดพวกกูก็เจอเหมือนกันแต่ยังไม่มากขนาดมึง พวกกูแค่มีเสียงน้ำไหลบ้างโดนดึงผ้าห่มบ้าง คืนนั้นแทบไม่มีใครนอนเลย ไม่รู้ว่าคนอื่นๆอีกห้องหนึ่งจะเป็นไงกันบ้าง เผื่อพวกเราจะได้นอนก็เกือบเช้า พอเช้าพวกเราทั้งหมดก็เลยรีบขนของ และเช็ดเอาร์ออกไป ไม่มีใครอยากจะที่รีสอร์ทนี้อีกต่อเลย พอขึ้นรถตู้ผมก็ถามว่าเมื่อคืนทุกคนเป็นยังไงกันบ้างหลับสบายไหม พอผมพูดจบก็มีเสียงพูดของแต่ละคนดังขึ้น เล่าว่าเมื่อคืนเจออะไรมาจนไปถึงที่ทำงาน พอเราทำงานเสร็จพวกเราก็ขึ้นรถตู้ครบทุกคน รุ่นพี่เลยพูดหยอกๆขึ้นมาว่า วันนี้สงสัยจะไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะ เราต้องไปพักรีสอร์ทที่เดิม ทุกคนต่างพากันส่ายหน้าและบอกว่าถ้าไม่ได้กลับวันนี้ก็ให้ไปพักที่อื่นจะให้เสียค่าห้องเองก็ยอม ทุกคนต่างพากันหัวเราะและเราและเราก็กลับกรุงเทพกัน ผมไม่รู้นะว่ารีสอร์ทนั้นเป็นอย่างไรบ้างเพราะหลังจากวันนั้นผมก็ไม่คิดจะที่นั้นอีกเลย รู้แค่ข่าวว่าหลังจากวันนั้นที่พวกเราไปพักเขาก็มีการทำบุญใหญ่ขึ้นในรีสอร์ท
ขอขอบคุณรูปภาพจาก:Pixar