หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รักษาริดสีดวง เบื้องต้นด้วยตัวเอง

โพสท์โดย jameji

รู้จักริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา

ชนิดของริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไป ตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้ และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุดจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน
  2.  ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็นและคลำได้ หลอดเลือดที่โป่งพองจะถูกคลุมด้วยผิวหนังจึงอาจเกิดความเจ็บปวดได้ เพราะผิวหนังมีปลายประสาทรับความรู้สึก


สาเหตุริดสีดวงทวาร

  1. ปัจจัยทางพันธุกรรม พบว่า ยีน FOXC2 gene บนโครโมโซมคู่ที่ 16 อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคและเส้นเลือดขอดที่ขา

  2. อาชีพ ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องยืนนาน ๆ จะมีผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณปากทวารไหลกลับสู่หลอดเลือดดำในช่องท้องช้าลง โดยทั่วไปหลอดเลือดดำมีลิ้นเพื่อให้เลือดดำไหลกลับได้ทางเดียวแต่เมื่อการไหลของเลือดดำช้าลงประกอบกับมีความดันในช่องท้องสูงจึงเกิดการคั่งของหลอดเลือดดำบริเวณกลุ่มหลอดเลือดปากรูทวารหนักส่งผลให้กลุ่มหลอดเลือดดำโป่งพองจนเกิดอาการของโรค

  3. เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับแข็งหรือโรคตับอักเสบไวรัสบี ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะสุดท้าย และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมาก ๆ จะส่งผลไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้องเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก

อาการริดสีดวงทวาร

  • ระยะที่ 1
    มีเส้นเลือดดำโป่งพองในทวารหนักเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระจะมีเลือดไหลออกมาด้วย ถ้าท้องผูกเลือดจะออกมากยิ่งขึ้น

  • ระยะที่ 2
    อาการมากขึ้น หัวริดสีดวงทวารโตมากขึ้นเริ่มโผล่ออกมาพ้นทวารหนักแล้วพอควร เวลาเบ่งอุจจาระจะออกมาให้เห็นมากขึ้น แต่เวลาถ่ายอุจจาระเสร็จแล้วจะหดกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง

  • ระยะที่ 3
    อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้นเวลาถ่ายอุจจาระหัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมามากกว่าเดิม หรือเวลาจาม ไอ ยกสิ่งของหนัก ๆ ที่ความเกร็ง เบ่งในท้องเกิดขึ้น หัวริดสีดวงทวารจะออกมาข้างนอกทวารหนักแล้วก็กลับเข้าที่เดิมไม่ได้ ต้องเอานิ้วมือดัน ๆ เข้าไปถึงจะเข้าไปอยู่ภายในทวารหนักได้

  • ระยะที่ 4
    ริดสีดวงกำเริบมาก โตมากขึ้น มองเห็นได้จากภายนอกอย่างชัดเจน เกิดอาการบวม อักเสบ อาการแทรกซ้อน รุนแรงมาก มีเลือดออกมาเสมอ อาจมีน้ำเหลือง เมือกลื่น และอุจจาระก็ยังตามออกมาอีกด้วยทำให้เกิดความสกปรกและมีอาการเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา อาจเกิดอาการคันร่วมด้วย บางทีอาจเน่าและอักเสบมากยิ่งขึ้น การติดเชื้อโรคเป็นไปได้ง่าย และเมื่อเลือดออกมาเรื่อย ๆ จะเกิดอาการซีด มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลงจะเกิดอาการหน้ามืด



ตรวจวินิจฉัยริดสีดวงทวาร

ผู้ป่วยส่วนมากจะมีเลือดสดออกทางทวารหนักระหว่างที่ถ่ายอุจจาระ สามารถสังเกตได้จากการมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือมีเลือดปนออกมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกมาเป็นหยด ทั้งนี้อาจจะมีอาการเจ็บทวารหนักหรือไม่ก็ได้ ถ้าเกิดอาการอักเสบหรือหัวยื่นออกมาข้างนอก อาจรู้สึกเจ็บรุนแรงจนทำให้ยืน นั่ง หรือเดินไม่สะดวก และอาจคลำพบก้อนเนื้อที่เป็นหัวบริเวณปากทวารหนักในรายที่เป็นเรื้อรังหรือมีเลือดออกมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการซีดจากการเสียเลือดได้

 

 

การประคับประคองอาการริดสีดวงทวาร ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในหลอดเลือดดำต้นเหตุของ โรคริดสีดวงทวาร ซึ่งมีวิธีการรักษาเบื้องต้นดังนี้

วิธีการรักษาริดสีดวงเบื้องต้นด้วยตัวเอง

  1. พยายามอย่าให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเดินบ่อย ๆ โดยควรรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอสุก และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายออกได้ง่าย หากยังมีอาการท้องผูกอีก ให้รับประทานยาระบาย เช่น ยาระบายแมกนีเซียม หรือสารเพิ่มกากใย เป็นต้น
  2. ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระรุนแรง
  3. หลีกเลี่ยงการนั่งเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงการยืน การเดิน และการนั่งแช่เป็นเวลานาน ๆ
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะจะทำให้โรคริดสีดวงทวารเป็นมากขึ้นได้
  5. ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ควรหาวิธีลดความอ้วนอย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก
  6. เมื่ออุจจาระหรือปัสสาวะเสร็จ ควรล้างก้นด้วยน้ำอุ่น ๆ หรือน้ำสะอาด พยายามรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ แต่หากอยากใช้สบู่ ก็ควรเป็นสบู่เด็กอ่อน เพื่อลดการระคายเคืองของหัวริดสีดวงที่กำลังบวมหรือมีการอักเสบอยู่ (ไม่ควรทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระแบบแข็ง แต่ควรใช้วิธีชุบน้ำ หรือใช้กระดาษชำระชนิดเปียกแทน)
  7. หากหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก ให้ใส่ถุงมือแล้วใช้ปลายนิ้วชุบสบู่เพื่อหล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไปใหม่ ซึ่งจะช่วยได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ผล แนะนำให้ไปพบแพทย์

ทางเลือกการรักษาริดสีดวง

โดยทั่วไปแล้วโรคริดสีดวงทวารไม่เป็นอันตราย แต่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี หากลองใช้วิธีรักษาริดสีดวงเบื้องต้นด้วยตัวเอง เช่น การนั่งแช่น้ำอุ่นในกะละมัง 15 นาที ทั้งก่อนและหลังอุจจาระ การใช้ยาเหน็บริดสีดวงเพื่อบรรเทาอาการเจ็บแล้วไม่ดีขึ้น อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าสามารถฉีดยาเพื่อให้ริดสีดวงฝ่อได้หรือไม่ แต่สำหรับในผู้ป่วยในระยะ 3-4 ที่ริดสีดวงมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถดันกลับเข้าไปเองได้อาจจะต้องใช้การผ่าตัด ซึ่งวิธีการผ่าตัดรักษานั้นจะทำให้สามารถนำริดสีดวงออกได้ ผู้ป่วยจะไม่มีแผลหนัก และมีอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ภาวะแทรกซ้อนจากริดสีดวง

ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดและทรมานเท่านั้น แต่โรคริดสีดวงยังก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ภาวะการตกเลือดที่อาจนำไปสู่สาเหตุของโลหิตจาง ซึ่งสังเกตได้ว่าอาจจะมีเลือดไหลซึมออกมาจากทวารหนักหรือในช่วงที่ลำไส้เคลื่อนตัว หรือหากผู้ป่วยมีริดสีดวงโผล่ออกมาภายนอกอาจทำให้เกิดการอักเสบและเจ็บปวดทรมาน  นอกจากนี้ยังมีอาการลิ่มเลือดอุดตันโดยก้อนเลือดจะจับตัวอยู่ภายในบริเวณที่เกิดริดสีดวงซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงอีกด้วย

 

รักษาริดสีดวงทวาร

  1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ ถ้ายังท้องผูกให้กินยาระบาย เช่น ยาระบายแมกนีเซีย ดีเกลือ อีแอลพี หรือสารเพิ่มกากใย
  2. ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ วันละ 2 – 3 ครั้ง ๆ ละ 15 – 30 นาที และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวารจนอาการบรรเทาปกติใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน
  3. ถ้าผู้ป่วยมีอาการซีด พิจารณาให้ยาบำรุงเลือดเสริมธาตุเหล็ก
  4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกข้างนอกให้ใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่นแล้วดันหัวกลับเข้าไป ถ้าไม่ได้ผลแนะนำให้ไปโรงพยาบาล
  5. ถ้ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรตรวจด้วยเครื่องส่องตรวจทวารหนักถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่
  6. ถ้าเป็นมากอาจพิจารณารักษาด้วยวิธีต่อไปนี้
    • การฉีดยาเข้าที่หัวให้ฝ่อไป วิธีนี้สะดวก ไม่เจ็บปวด มักจะฉีดสัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 3 – 5 ครั้ง ช่วยให้หายขาดได้ร้อยละ 60
    • ใช้ยางรัด ทำให้หัวฝ่อ
    • ใช้แสงเลเซอร์รักษา
    • รักษาโดยการผ่าตัด 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
jameji's profile


โพสท์โดย: jameji
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สมาคมโรงแรมกระบี่ ยื่นมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือพบฟันเมกาโลดอนขนาด 6.55 นิ้ว นอกชายฝั่งของนอร์ทแคโรไลนา: หลักฐานจากอดีตสัตว์ทะเลที่ยิ่งใหญ่จำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเป็น 41,431 คนแล้วอ.เจษฎ์ ทลายความเชื่อผิด ๆ "กินไก่ไม่ทำให้เป็นโรคเก๊าต์" ชี้ชัดอาหารต้องห้าม และวิธีป้องกันภาพเก่าหาดูยาก : แร้งประจำถิ่น ณ วัดสระเกศ เมื่อ คริสตศักราช 1905ขบวนเกี้ยวของหว่านหรง10 สูตรปรุงไข่เจียว เมนูไข่ไม่น่าเบื่อ พ่วงวิธีทอดไข่เจียวให้อร่อยถ้ำหินแกะสลักภูเขาเทียนที อายุ1600 ปีวาฬหลังค่อมได้เผลอกินแมวน้ำ แต่กลับต้องสำรอกออกมาอย่างรวดเร็วรู้จัก "PHUWIN" (ภูวินทร์) เดบิวต์ซิงเกิลแรก “วันเกิดเธอ” (TO YOU) ค่าย  RISER MUSICชาวเน็ตกระหน่ำวิจารณ์ น้ำปั่นแก้วละ 465 บาท คุ้มจริงไหม? ทำไมถึงแพงได้ขนาดนั้น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เมื่อหมูเด้ง ต้องไปแคสติ้งเป็นนักแสดงซูปเปอร์ฮีโร่สมาคมโรงแรมกระบี่ ยื่นมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือสุดยอด 5 อันดับประเทศเอเชียระบบขนส่งเจ๋งสุด พร้อมไทยติดอันดับด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเป็น 41,431 คนแล้ว
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ออมทอง ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวความสมมาตรของพีระมิดและสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณ อายุเกือบ 5,000 ปีภาพเก่าหาดูยาก : แร้งประจำถิ่น ณ วัดสระเกศ เมื่อ คริสตศักราช 1905ถ้ำหินแกะสลักภูเขาเทียนที อายุ1600 ปี
ตั้งกระทู้ใหม่