อาถรรพ์ที่นาใหม่

สวัสดีครับ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้นะครับ ผมขอย้อนเวลาไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นผมได้เป็นทหารเกณฑ์อยู่ใหม่อยู่ครับ และในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเสร็จจากการเก็บเกี่ยวข้าวพอดีครับ และผมเองก็เพิ่งเสร็จจากการฝึกได้ใน 3 เดือนแรกพอดีครับ และตอนนั้นผมจึงได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้าน ตอนนั้นเมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็เลยได้ถามพ่อของผมว่า นี่พ่อ ได้ยินข่าวว่าซื้อที่นาใหม่หรอ พ่อของผมเลยตอบว่า ใช่ พ่อซื้อที่นาใหม่ อยู่ที่ท้ายหมู่บ้านนี่แหละ ด้วยความที่ผมไม่ได้กลับมาบ้านนาน ดังนั้นผมจึงขอให้พ่อนั้นพาไปดูที่นาใหม่หน่อย เมื่อผมได้พูดกับพ่อเสร็จ พ่อจึงพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ เพื่อไปดูที่นาใหม่ที่ว่ามานี้ พวกเราทั้งสองคนได้ขี่มอเตอร์ไซค์กันไปได้ไม่นาน พวกเราก็มาถึงที่นาแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในทางท้ายของหมู่บ้าน จากนั้นพ่อจึงอธิบายเรื่องต่างๆให้ผมฟัง เช่น เรื่องเขตแดนของที่นาและเรื่องอื่นๆ จากนั้นเมื่อพ่อออิบายเสร็จ ผมจึงมีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวทันทีว่า หลังจากที่ผมไม่ได้กลับบ้านมานานและไม่ได้เจอเพื่อนๆมานาน และอีกวันสองวันผมก็ต้องไปประจำการที่แถวๆเขตชายแดนแล้ว และผมจะได้กลับอีกตอนไหนก็ไม่รู้ ผมจึงมีความคิดว่าในตอนค่ำที่จะถึงนี้ ผมจะชวนเพื่อนที่รู้จักกัน แล้วซื้อเครื่องดื่มและก็ซื้ออะไรมาปิ้งย่างกินที่กระท่อมในที่นาใหม่ของผมนี้ เพราะผมคิดว่า มันคงจะไม่ลำบากมากหรอก เพราะเส้นทางมันก็สะดวก และอยู่ใกล้กับหมู่บ้านด้วย ถ้ามีอะไรขาดเหลือ ก็ขับรถเข้าไปซื้อในหมู่บ้านได้ จากนั้นพอถึงเวลาตอนเย็น ผมก็ได้ไปชวนพวกเพื่อนเก่าๆ ที่เรายังคบกันอยู่ ได้มากินและเลี้ยงฉลองในที่นาใหม่ของผมในค่ำนี้ มันจึงได้มีพวกเพื่อนๆที่ตอบรับคำชวนจากผม ว่าจะมากินเลี้ยงฉลองกันในครั้งนี้รวมแล้ว ได้ 5 คนด้วยกัน โดยมีผู้หญิง 3 คนและผู้ชายอีก 2 คนซึ่งรวมผมอยู่ด้วย พอถึงตอนเย็นวันนั้น พวกเราพวกหมดจึงได้มารวมตัวกันที่กระท่อมตรงที่นาใหม่ของผม แล้วเราจึงก่อไฟแล้วลงมือปิ้งย่างของที่เรามีและนั่งดื่มเครื่องดื่ม พลางพูดคุยกัน ถึงเรื่องต่างๆไปด้วย จนเวลานั้นล่วงเลยผ่านไป จนถึงช่วงเวลาดึกของคืนนั้น เพื่อนของพวกเราคนหนึ่งเลยพูดขึ้นมาว่า นี่ๆ พ่อของเอ็งมาซื้อที่นาใหม่ตรงนี้ นี่พ่อของเอ็งไม่กลัวเรื่องที่เขาเล่ากันเลยหรอ เรื่องอะไรหรอ ไอ้เราก็ถามเพื่อนคนนั้นกลับในทันที ไอ้เพื่อนของเราก็เลยเล่าให้ผมฟังว่า เขาเล่ากันนะว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังท้องอยู่ด้วย แต่เป็นยังไงไม่นะ อยู่ๆผ็หญิงคนนั้นเขาก็ได้มากระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ที่สระน้ำกลางนานั่นแหละวะ และมีคนที่เขาออกมาหาจับเขียดจับกบ เขาได้เจอว่าผู้หญิงคนนั้น ชอบขึ้นไปนั่งห้อยขาบนกิ่งมะม่วง ที่ริมสระน้ำนั่นอยู่ทุกวันในเวลาตอนสี่ทุ่ม ในตอนนั้นซึ่งผมดูนาฬิกาแล้ว มันเป็นเวลาประมาณสามทุ่มสามสิบห้านาที  ซึ่งในตอนนั้นผมเลยด่าเพื่อนคนที่เล่าเรื่องนี้ไปว่า ไอ้บ้าเอ๊ย กลางค่ำกลางคืนแท้ๆ มันยังจะมาพูดเรื่องผีอีก ซึ่งในตอนที่ผมด่าเพื่อนไปผมก็พลางเหลียวมองตนมะม่วงที่อยู่ริมสระน้ำที่ถัดไกลจากพวกเราไปประมาณ 20 เมตร ว่าจะมีอะไรไหม อีกซักพัก ในเวลาอีกไม่นาน บวกกับวันนั้นเป็นวันพระใหญ่ด้วย อยู่ๆก็มีร่างๆหนึ่ง ซึ่งปรากฏขึ้นอยู่ในความมืด ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ดวงจันทร์สว่างมาก เลยทำให้พวกเราทั้งหมดเห็นร่างๆชัดเจนขึ้น ว่าเป็นร่างของผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นนั่น อยู่ๆเธอก็หายแว็บขึ้นไปนั่งบนกิ่งมะม่วงต้นนั้น แล้วเธอก็ร้องไห้ เสียงร้องไห้ของเธอนั้นทำเอาพวกเราทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นขนลุก เสียงร้องไห้ของเธอนั้น ดูท่าทางเธอนั้นคงเสียใจมากเลย แล้วเธอก็หายแว๊บลงมายืนอยู่ตรงริมน้ำข้างๆสระ ฉับพลัน แล้วเธอจึงกระโดดลงไปในน้ำ เมื่อเธอกระโดดลงน้ำแล้ว อยู่ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา เสียงหัวเราะนั้น จากที่ฟังดูแล้ว เสียงหัวเราะนั้น เหมือนจะสะใจมาก ที่เธอได้กระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายในครั้งนี้ แล้วอยู่ๆ ไอ้เพื่อนคนที่เมาแล้วมันนั่งหันหลังไปทางที่กลางนานั่น  มันเลยได้พูดดังขึ้นว่า ใครมาทำบ้าอะไร แล้วมาหัวเราะอะไรแถวนี้วะ พ่อเจอนะ พ่อจะเตะให้เลยคอยดู พอเพื่อนคนนั้นพูดจบ ได้ร่างดำๆ ที่พวกเราเห็นทีแรกนั้น อยู่ๆมันก็ได้แว๊บมาใกล้พวกเรามากยิ่งขึ้น และใกล้มากขึ้น จนพวกเราทุกคนในที่นั้น และเพื่อนคนคนที่เมา คนนั้นด้วย ก็ได้วิ่งไปที่รถของตัวเองกัน แล้วทุกคนจึงขับรถกลับบ้านใครบ้านมันกันหมด พอถึงตอนเข้า พวกเราทุกคนจึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนเฒ่าคนแก่ฟัง แล้วคนเฒ่าคนแก่ที่พวกเราไปเล่าให้ฟัง จึงบอกให้พวกเราไปขอขมาวิญญาณผู้หญิงคนนั้นซะ หลังจากนั้นพวกเราเลยซื้อของไปไหว้และไปขอขมาวิญญาณผู้หญิงคนนั้น ในเวลาต่อมาอีกไม่นาน พ่อของผมจึงได้ประกาศขายที่นาตรงนั้น ครอบครัวของผมจึงได้มีเงินไปซื้อที่นาแปลงใหม่ต่อ ในที่นาที่ที่ไม่มีเหตุการณ์และไม่มีเรื่องเล่าอะไร