วางแผนแต่งงานต้องเตรียมอะไรบ้าง? สิ่งที่คู่รักต้องรู้!
โดยเราจะยกตัวอย่างคู่บ่าวสาวที่มีเวลาเตรียมตัววางแผนแต่งงานก่อนงานแต่งเป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้เห็นถึงลำดับและการจัดเรียงที่เหมาะสม ส่วนถ้าคู่ไหนมีเวลาเตรียมตัวที่แตกต่างออกไป ก็สามารถประยุกต์จากลำดับนี้ได้เช่นเดียวกัน
- การหา “ฤกษ์แต่งงาน”
- การ “จัดหาสถานที่”
- คำนวณจำนวนแขก
- วางแผนงบประมาณ
- จองคิวช่างแต่งหน้า ทำผม
- คิวช่างภาพ
- เลือกธีมงานแต่ง
- การแสดงดนตรีหรือพิธีกร
- มองหาประธานในพิธีงานแต่ง
- ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
- เลือกการ์ดแต่งงานและของชำร่วย
- จัดการเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงแขก
เตรียมแต่งงานให้พร้อม คำนวณงบประมาณไม่ให้บานปลาย
แล้วจะเริ่มตั้งงบยังไงดีนะ? การวางแผนงบประมาณ ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน บ่าวสาวควรรู้ว่างบประมาณของคุณมีเท่าไร เพราะเป็นตัวกำหนดว่า เราควรจะจัดงานเล็ก งานใหญ่ หรือรูปแบบงานประมาณไหน? โดยวิธีการคำนวณงบประมาณในการจัดขั้นตอนเตรียมงานแต่ง อาจลองเริ่มจากการตั้งคำถามง่าย ๆ ดังนี้
- แขกมีกี่คน? ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มตั้งงบจากตรงไหนดี ให้เริ่มที่จำนวนแขกเสียก่อนเลยว่าจำนวนของแขกที่จะเชิญมานั้นมีกี่คน ทั้งแขกฝั่งเจ้าบ่าวและฝั่งเจ้าสาวที่จะเชิญมานั้นมีใครบ้าง
- มีรายได้ต่อเดือนกี่บาท? อีกวิธีที่คือการคำนวณงบประมาณจากรายได้หรือตามกำลังทรัพย์ที่คู่บ่าวสาวมี ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ดีมาก ๆ และเหมาะในการกำหนดทิศทาง รวมถึงขนาดงานตามกำลังของตัวเองอย่างเหมาะสม
- 9 เดือนล่วงหน้า – จองคิวช่างแต่งหน้า ทำผมเจ้าสาว คิวช่างภาพสำหรับถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้งและบรรยากาศภายในงาน เลือกธีมงานแต่ง จองคิวการแสดงดนตรีหรือพิธีกร มองหาประธานในพิธีงานแต่ง
เมื่อวัน เวลา และสถานที่สำหรับวันพิเศษพร้อมแล้ว! ลุคหล่อสวยของบ่าวสาว และทีมงานที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งก็ต้องพร้อมเช่นกัน! ในช่วงนี้เป็นเวลาเหมาะอย่างยิ่งที่จะมองหา “จองคิวช่างแต่งหน้าเจ้าสาว ทำผม” มือโปรที่คุณถูกใจกันไว้ได้เลย รวมทั้ง “คิวช่างภาพ” ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งและบรรยากาศภายในงานแต่ง เพราะคิวทีมงานเหล่านี้มักเต็มอย่างรวดเร็ว หากไม่รีบจองไว้เสียก่อนก็อาจจะไม่ทัน
- 6 เดือนล่วงหน้า – เริ่มถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง เลือกการ์ดแต่งงานและของชำร่วย เลือกชุดแต่งงาน
คู่รักที่ต้องการให้มีภาพของตัวเองปรากฎอยู่ในงาน ช่วง 6 เดือนก่อนแต่งงานนี่แหละเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดในการ “ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง” เพราะจะทำให้คุณมีเวลาเหลือพอที่จะนำภาพถ่ายเหล่านั้นไปใช้สำหรับการทำพรีเซ็นเทชั่นที่ถูกใจ และใส่ภาพไปในของตกแต่งหรือการ์ดแต่งงาน
ต่อมาคือ “เลือกการ์ดแต่งงานและของชำร่วย” ไม่ว่าจะเป็นการ์ดแต่งงานที่เรียบง่าย มีปัํมนูน ออกแบบลวดลายสวยงามเฉพาะตัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของบ่แต่ละคู่ สามารถเลือกรูปแบบ สี สไตล์ตามใจที่ตัวเองได้ชอบได้เลย
อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้คือ “เลือกชุดแต่งงาน” ปัจจุบันก็มีร้านเวดดิ้งให้เลือกใช้บริการมากมาย จะสั่งตัดชุดใหม่ เช่าชุด หรือเลือกเป็นแพ็กเกจแต่งงานก็ได้
- 4 เดือนล่วงหน้า – เริ่มดูแลร่างกาย หาเค้กแต่งงาน จัดการเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม เตรียมรายชื่อแขก
- 1 เดือนล่วงหน้า – แจกการ์ดเชิญ ร่างรายละเอียดของงานคร่าวๆ ลำดับพิธีการ สรุปความเรียบร้อยของงาน
- 1 สัปดาห์ล่วงหน้า – ตรวจเช็คสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อยอีกครั้ง อย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
นับเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวรู้สึกตื่นเต้นกันอย่างสุด ๆ ดังนั้นอย่าลืม “ตรวจเช็คสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อยอีกครั้ง” ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม สรุปลำดับพิธีการและสคริปต์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีเวลาเตรียมตัวและซักซ้อม ที่สำคัญคือ “อย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ” เพื่อคุณเองจะได้เดินเข้าพิธีในวันวิวาห์ได้อย่างมีความพร้อมและมั่นใจ!
การวางแผนแต่งงานในระยะเวลา 1 ปี ฟังดูแล้วเหมือนจะนาน แต่การเตรียมตัวที่ดี จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่อาจตามมาทีหลังได้ ดังนั้นหากบ่าวสาวยิ่งมีเวลาเหลือมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเตรียมตัวสำหรับจัดงานแต่งให้พร้อมได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น