ทำบุญด้วยปัจจัย (เงิน)
เดี๋ยวนี้คนไทยเรามีความเข้าใจเรื่องการทำบุญผิดพลาดคลาดเคลื่อนออกไปจากหลักการของพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก
จนถึงกับเชื่อกันว่าการทำบุญจะต้องใช้เงินกันมาก ๆ ยิ่ง “ทำมากยิ่งได้บุญมาก” ความเชื่อเช่นนี้นับว่าออกทะเลไปไกล
จากพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างน่าเป็นห่วง ลองคิดดูสิว่า ถ้าการทำบุญเป็นเรื่องที่จะต้องใช้เงินไปเสียทุกครั้งและเป็นเรื่องที่จะต้องทำครั้งละมากๆ
จึงได้บุญมาก หากเราเชื่อกันอย่างนี้ คนอีกเท่าไหร่ที่จะไม่มีโอกาสได้ทำบุญ เพราะคนส่วนใหญ่นั้นเป็นคนจน หาเช้ากินค่ำ
ดังนั้น ถ้าการทำบุญเป็นเรื่องของคนมีเงินและต้องใช้เงิน ก็จะมีคนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่สามารถทำบุญได้ ในเรื่องการทำบุญนี้ เราควรปรับกระบวนทัศน์กันใหม่ ขอเริ่มต้นเป็นข้อๆ เพื่อจะได้เข้าใจกันได้ง่ายๆ ดังนี้
1. หากมองในแง่เหตุ การทำ “บุญ” เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการชำระใจให้บริสุทธิ์สะอาด ตรงนี้ต้องจับประเด็นให้ชัด
บุญไม่ใช่กุศโลบายในการหาเงินของคนบางกลุ่มที่หลอกให้คนอีกกลุ่มทุ่มเททำบุญจนหมดเนื้อหมดตัวด้วยเล่ห์เพทุบายต่างๆ
เพราะการทำบุญที่ล่อให้ผู้ทำบุญหวังผลบุญตอบแทนจนคนทำบุญสิ้นเนื้อประดาตัวนั้น แสดงว่าจิตใจของผู้ทำบุญไม่ได้สะอาดขึ้นเลย แต่กลับถูกลวงให้หลงจมปลักลงไปในบ่อบุญจอมปลอมนั้นมากขึ้นอีกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
2. หากมองในแง่ผล “บุญ” ก็เป็นความสุขใจที่เกิดขึ้นหลังจากใครก็ตามได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อตนหรือต่อคนอื่น สัตว์อื่น และสิ่งอื่น (ขอให้สังเกตให้ดี การทำบุญไม่ได้ทำกับคนเท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงสัตว์และ “สิ่ง” ซึ่งในที่นี้หมายถึงสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติอีกด้วย)
3. หากมองในแง่สภาวะ “บุญ” มีภาวะเป็นนามธรรม การให้ผลของบุญนั้นเกิดขึ้นที่ใจเป็นหลัก ไม่ใช่ให้ผลเป็นความร่ำรวย ให้ผลเป็นชื่อเสียง หรือให้ผลเป็นการถูกเลขท้ายรางวัลที่หนึ่ง รวมทั้งไม่ใช่การให้ผลออกมาเป็นคะแนนและหรือแต้มสะสมซึ่งมนุษย์ด้วยกันเองเป็นผู้จัดทำขึ้น ควรจำไว้ให้ชัดว่า การให้ผลของบุญนั้นเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นผู้จัดสรรของมันเอง ไม่ใช่มนุษย์ยื่นมือเข้ามาเป็นผู้บอกว่าทำบุญอย่างนี้
แล้วจะได้อย่างนี้อย่างทันตาเห็น เช่น ทำบุญหนึ่งหมื่นบาทแล้วจะรวยไม่รู้เรื่อง นับเงินมือเป็นระวิง หรือทำบุญด้วยการบูชาพระรุ่นนี้แล้ว จะไม่พบกับความลำบากยากจนอีกเลยที่ป่วยก็หาย ที่ไข้ก็ซา ผลบุญอย่างนี้ควรทราบว่าเป็นผลบุญเชิงพาณิชย์
หรือเชิงการตลาดที่มนุษย์หัวหมอเรานี่เองโมเมขึ้นมาหลอกเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน “คนทำนาบนหลังคน” นี้แหละที่เข้ามา “ตัดตอน”
กระบวนการให้ผลของบุญ จนการทำบุญมีความหมายคับแคบ
เหลืออยู่เพียงว่า ถ้าจะทำบุญก็ต้องใช้ “เงิน” เป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งๆ ที่ความจริง การทำบุญที่แท้นั้นแม้จะไม่ใช้เงินเลยสักบาทก็ย่อมได้
หรือจะพูดได้ถูกยิ่งไปกว่านั้นว่า ที่สุดของบุญนั้นไม่เกี่ยวกับเงินเลย ไม่เกี่ยวอย่างไร เราจะเห็นได้จาก “มรรควิธี”
ในการทำบุญ หรือในการสร้างบุญทั้ง 10 ประการ ต่อไปนี้ มรรควิธีในการทำบุญ 10
ภาพจาก กูเกิ้ล