เมืองลับแลแห่งแดนลาว
เมืองลับแลแห่งแดนลาว
เมืองลับแลเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในแขวงคำม่วน ประเทศลาว หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกและล้อมรอบด้วยภูเขาสูง มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวคือผ่านถ้ำน้ำลอด หมู่บ้านนี้มีประชากรประมาณ 100 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ เมืองลับแลเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบและเรียบง่าย ชาวบ้านมีความเป็นมิตรและต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมาของเมืองลับแลนั้นไม่ชัดเจนนัก แต่เชื่อกันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชาวเขาเผ่าไทลื้อเมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว ชาวไทลื้ออพยพมาจากเมืองหลวงเวียงจันทน์เพื่อหนีภัยสงครามและภัยธรรมชาติ พวกเขาได้ตั้งรกรากอยู่ในหุบเขาลึกแห่งนี้และได้ก่อตั้งหมู่บ้านลับแลขึ้น หมู่บ้านลับแลได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในช่วงสงครามกลางเมืองลาว หมู่บ้านแห่งนี้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ชาวบ้านต้องอพยพออกจากหมู่บ้านและไปตั้งรกรากที่อื่น หมู่บ้านลับแลจึงถูกทิ้งร้างเป็นเวลาหลายปี
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2540 รัฐบาลลาวได้เริ่มฟื้นฟูหมู่บ้านลับแลขึ้น ชาวบ้านได้กลับมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในหมู่บ้านและเริ่มพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ปัจจุบัน หมู่บ้านลับแลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งของประเทศลาว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมหมู่บ้านลับแลและสัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทแบบดั้งเดิมของชาวไทลื้อ
การเดินทาง
การเดินทางไปยังเมืองลับแลนั้นไม่ง่ายนัก นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งรถประจำทางจากเมืองหลวงเวียงจันทน์ไปยังเมืองปากเซ จากนั้นต้องนั่งรถสองแถวไปยังหมู่บ้านปากซอง และสุดท้ายต้องเดินเท้าผ่านถ้ำน้ำลอดไปยังเมืองลับแล การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 วัน
เมืองลับแลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและต้องการสัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทแบบดั้งเดิม นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าชมภูเขา ลำธาร และน้ำตก เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขา และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวบ้าน เมืองลับแลยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและผ่อนคลายจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่
การเดินทางวันแรก การเดินทางไปยัง เมืองลับแล อาลันรัดจะนา ด้วยรถโดยสารนครชัยแอร์ (ถนนกำแพงเพชร 2) สาย กรุงเทพ-นครพนม ระยะทาง 700 กิโลเมตร เป็นรถชั้น Gold Class ราคาตั๋ว 580 บาท (ทั้งไปและกลับ) ออกจาก กทม. (หมอชิต) 20.00 น. โดยประมาณ ถึงนครพนมช่วงเช้าตรู่พอดี นั่งสามล้อแบบสกายแล็บ คนละ 40 บาท จาก บขส.นครพนม มาลงที่ จุดทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวนครพนม เดินสูดอากาศยามเช้าใน "แลนด์มาร์ค ลานพญาศรีสัตตนาคราช" (ลู่วิ่ง-ลู่จักรยาน) เพื่อรอเวลา ทำหนังสือผ่านแดนในเวลา 08.00 น. (ค่าทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว 48 บาท) ก่อนจะพากันนั่งเรือข้ามฟากไปยังแขวงคำม่วน มีค่าธรรมเนียม 100 บาท และค่าผ่านแดน 50 บาท (รวม 150 บาท)
ปล ; ขาเข้าฝั่งไทย ต้องจ่ายค่าผ่านแดนของลาวอีกคนละ 60 บาท
การเดินทางไปยังเมืองลับแล (ອາລັນຮັດຈະນາ) ต้องไปนั่งเรือข้ามฟากที่บ้านนาโคก ซึ่งมีลำน้ำหินบุนไหลผ่าน คนต่างแดนต้องรายงานตัวต่อนายบ้านด้วยพาสต์ปอร์ต และชำระค่าเข้าหมู่บ้านคนละ 100 บาท ส่วนคนที่ใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราวนายบ้านจะเก็บไว้ เพื่อนำไปแสต้มป์สลักหลังไว้ใช้เป็นหลักฐานในการเข้าพื้นที่ หากไม่มีตรานายบ้านประทับหลังเอกสาร อาจจะต้องเสียค่าปรับฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประมาณ 300 บาท ขากลับนายบ้านจะคืนเอกสารผ่านแดนให้ ยกเว้นพาสต์ปอร์ตนายบ้านจะคืนให้ผู้ถือเดี๋ยวนั้นเลย นั่งเรือแค่ 3-5 นาที เพื่อข้ามฟาก (น้ำไหลเชี่ยวพอประมาณ) ถ้าตกลงไปโดนกระแสน้ำพัดไปได้เหมือนกัน
หมายเหตุ : ระยะทางจากด่าน ตม.ท่าแขก/แขวงคำม่วน มายังบ้านนาครก ประมาณ 104 กิโลเมตร/ทางลาดยาง 70 กม. ที่เหลือเป็นถนนดินแดงทั้งหมด) มาด้วยรถปิคอัพจ้างเหมา ขากลับนัดให้มารับตามเวลา ที่ตกลงกัน
ถึงถ้ำแล้ว
จากท่าข้ามเรือ ใช้เวลาเดินอีกประมาณ 1 ชม. เพื่อไปยังทางเข้าถ้ำ ทางไปเมืองลับแล มีเส้นทางเดินที่จะต้องผ่านถ้ำไป ถ้ำนี้มีชื่อว่า "ถ้ำเฮิบ" อยู่ใต้ภูเขาชื่อผาถ้ำเฮิบ หน้าน้ำต้องใช้เรือ ตอนที่ไปนี้ต้องเดินลุยน้ำเข้าไปตามเส้นทางที่มีคนนำ ความลึกของระดับน้ำ ประมาณ เข่า-เอว หากหลุดเส้นทางก็จะตกร่องน้ำลึก อาจท่วมเลยหัว และไม่อาจสามารถคาดเดาได้ เนื่องจากเป็นโพรงที่มองไม่เห็น อุปสรรคด้านในถ้ำมีลักษณะเป็น "หุบซ้อนหุบ" คือ มีหุบเป็นหลุมลึกซ้อนกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน ตามทางเดินจะมีทรายน้ำจืดปะปนเข้าไปในรองเท้าตลอดเวลา มี 3 ช่วง ที่จะต้องเดินข้ามไปด้วยไม้กระดาน สะพานลิง และบันได ที่ชาวบ้านทำขึ้น ไม้กระดานใช้เดินข้ามร่องน้ำตอน 300 เมตรแรก เดินต่อไปอีกหน่อยจะต้องเดินเลียบกำแพงถ้ำมีลักษณะเป็นหินลื่น (ไม่ใช่หินปูน) ต้องคอยใช้นิ้วหาแหย่รูซอกหินข้างกำแพงเพื่อยึดเกาะ กันการร่วงลงหุบในถ้ำ ไต่ตามขอบกำแพง 5-7 เมตร ก็จะมีสะพานลิง (มีราวให้จับ) เดินข้ามหุบหินลึกอีกเช่นกัน (สะพานลิงยาว 2 เมตร) พอข้ามมาได้ ก็จะพบกับบันไดทางลงอีกที สูง 2-3 เมตร ระดับความสูงขนาดนี้อาจทำให้ขาหักได้ ไม่ควรกระโดดเด็ดขาด เดินในถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมง นิด ๆ ก็จะทะลุถึงทางออกอีกทาง เพื่อเข้าหมู่บ้าน อุปสรรคที่พบ ได้แก่ ความมืด ความลึกของน้ำ + ความเย็น ความลื่น การไต่ข้ามสิ่งกีดขวาง หลุม บ่อ เหว และการหลงเส้นทางใยแมงมุม เป็นต้น เมื่อออกจากถ้ำได้แล้ว ก็เตรียมมุ่งหน้าต่อไป อีก 3-4 กิโลเพื่อเข้าไปยังหมู่บ้านลับแล
ออกจากถ้ำเดินเท้าในทางราบต่อไปอีก 3 กม. เพื่อเข้าไปในเมืองลับแล ก็จะผ่านวัด ๆ หนึ่ง ชื่อว่า "วัดกระตึ๊บ" ก็ถึงจึงหมายปลายทาง
ที่เมืองลับแล อรัญญาประเทศ หรือ #อาลันรัดจะนา จะมีวัด 2 แห่ง ระหว่างทางก่อนเข้าหมู่บ้านสุดท้าย จะมีวัด ๆ หนึ่ง ชื่อว่า วัดกระตึ๊บ ส่วนอีกวัดชื่อว่าวัดดอนแก้ว ปัจจุบัน มีเพียงเจดีย์โบราณหลงเหลืออยู่ ไม่มีพระแล้ว มีก็แต่เพียงที่พักสงฆ์ กรณีเมื่อคนในหมู่บ้านลับแลมีกิจนิมนต์มา หรือ มีงานสำคัญ ๆ พระสงฆ์ก็จะใช้เป็นที่พำนัก
ข้อดีของเมืองลับแล
- ธรรมชาติที่สวยงาม
- วิถีชีวิตชนบทแบบดั้งเดิม
- ชาวบ้านที่เป็นมิตรและต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังเมืองลับแลไม่แพง
ข้อเสียของเมืองลับแล
- การเดินทางไปยังเมืองลับแลนั้นไม่ง่ายนัก
- หมู่บ้านมีขนาดเล็กและไม่มีอะไรให้ทำมากนัก
- สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไม่ค่อยมี
สรุป
เมืองลับแลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและต้องการสัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทแบบดั้งเดิม เมืองลับแลมีธรรมชาติที่สวยงาม ชาวบ้านที่เป็นมิตรและต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังเมืองลับแลไม่แพง อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปยังเมืองลับแลนั้นไม่ง่ายนัก หมู่บ้านมีขนาดเล็กและไม่มีอะไรให้ทำมากนัก และสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไม่ค่อยมี
อ้างอิงจาก: เว็บไซต์การท่องเที่ยวของรัฐบาลลาว
เว็บไซต์ท่องเที่ยวของเอกชน
หนังสือท่องเที่ยว
บทความในนิตยสารและหนังสือพิมพ์
การสัมภาษณ์คนที่เคยไปเยือนเมืองลับแล