5 วัฒนธรรมหรือพฤติกรรมที่คนไทยไม่คุ้นเคย แต่ต่างประเทศเขาทำเป็นเรื่องปกติ
โลกของเรานั้นกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้แต่ละพื้นที่
มีการใช้ชีวิต ค่านิยม วัฒนธรรม และจารีตประเพณีที่ไม่เหมือนกัน
การที่เราได้ไปเจอกับสิ่งที่แตกต่างจากที่ที่เราคุ้นเคย
อาจจะทำให้เกิดอาการแปลกใจหรือตกใจได้
จึงมีความจำที่เราต้องทำความเข้าใจความแตกต่าง
ของวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ไว้บ้าง
เพราะหลายสิ่งหลายอย่างคนไทยอาจไม่คุ้นเคย
แต่เป็นเรื่องปกติและไม่ได้ผิดมารยาทอะไรในต่างประเทศเลย
ก็คล้าย ๆ กับชาวต่างชาติที่รู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจกับพฤติกรรมธรรมดา
ของคนไทยนั่นเอง แล้วมีเรื่องอะไรบ้างนะที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นเคย
ในวัฒนธรรมของต่างชาติ
- การงีบตอนกลางวัน
หลายประเทศในยุโรปและอเมริกาใต้ มีวัฒนธรรมที่เรียกว่า “การนอนกลางวัน”
หรือซีเอสตา (Siesta) ใช่แล้ว! เป็นวัฒนธรรมเลย เราจึงมักเห็นร้านรวงต่าง ๆ
ปิดกันหมดในช่วงบ่าย ประมาณบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น
เพื่อให้ผู้คนกลับบ้านกลับช่องไปงีบเอาแรง รวมถึงคนทำงานทั่วๆไป
ก็สามารถงีบหลับกลางวันได้ทุกแห่ง เช่น เก้าอี้ทำงาน ใต้โต๊ะ ในรถ เป็นต้น
แต่ปัจจุบันจะเหลืออยู่ไม่กี่ที่เท่านั้นที่ยังยึดมั่นวัฒนธรรมนี้อยู่อย่างเหนียวแน่น
ด้วยเหตุผลของโลกทุนนิยม
วัฒนธรรมนี้ไม่ได้มีมาเล่น ๆ เหตุผลดั้งเดิมนั้นเป็นเพราะตอนบ่ายอากาศมันร้อนมาก
จนทำงานไม่ได้ก็ไปนอนซะ หลัง ๆ มาเริ่มมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ
คือหลังจากกินข้าวกลางวัน การตื่นตัวจะลดลงจนเกิดอาการง่วงนอน
ซึ่งถ้าง่วงก็นอนเถอะ อีกทั้งยังมีงานวิจัยอีกว่า การงีบในตอนกลางวันนั้น
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังช่วยให้อายุยืนขึ้นได้อีกด้วย
- การเดินกิน
การเดินกินอาหารกินเล่นอย่างลูกชิ้นปิ้ง หมูย่าง ที่ใส่มาในถุง
หรือไอศกรีมไม่ใช่เรื่องแปลกในบ้านเรา (แต่อาจจะโดนดุบ้าง)
แต่ถ้าเริ่มเป็นจานเป็นถ้วย ต่อให้เป็นกระดาษแบบพกพาได้
เราก็ต้องเริ่มหาที่นั่งแล้ว แต่ในบางประเทศ
เราสามารถเจอคนที่เดินกินแบบจริง ๆ จังได้เลย
ใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวจากถ้วยกระดาษในขณะที่ยังเดินไปด้วย
ซึ่งก็ทำให้คนไทยเราเหวอได้เหมือนกัน เพราะเราถูกปลูกฝังให้นั่งกินเป็นที่เป็นทาง
กินเสร็จก็หาที่ทิ้งให้เรียบร้อย บางบ้านเข้มงวดถึงขั้นที่ถ้าไม่ใช่ตามร้านอาหาร
ต้องซื้อเอากลับไปกินที่บ้านเท่านั้น
ในบ้านเรา และยังมีอีกหลายที่เหมือนกันที่ถือว่าการเดินกินเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพ
และไม่มีมารยาท แม้กระทั่งการดื่มน้ำจากขวดโดยไม่มีหลอด
ก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสม อีกทั้งยังรวมไปถึงเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัย
เพราะอาจจะหกเลอะเทอะ เดินสะดุดจนตะเกียบทิ่มคอ
และเรื่องของการกำจัดขยะหลังกินเสร็จแล้ว
- การกอดจูบในที่สาธารณะ
โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันตก การกอด การเอาแก้มชนกัน การจุ๊บกัน
ถือเป็นการทักทายปกติ บางทีเราอาจเห็นคู่รักจูบดูดดื่มทักทายกันเลยก็มี
ซึ่งการจูบกันกลางถนนก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
แต่จะมีกฎหมายห้ามการแสดงความรักที่เกินไปกว่านั้นในที่สาธารณะ
คนบ้านเราจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้เท่าไร เพราะคนไทยมองว่าการแสดงความรักแบบนี้
ควรจะไปแสดงออกในที่ส่วนตัวและลับตาคนมากกว่า
เลยตกใจและไม่สะดวกใจเท่าไรนักเวลาเห็น
ที่จริงแล้ว คนหัวสมัยใหม่ก็อาจจะตกใจนิดหน่อยเวลาเห็น
แต่ถ้าเป็นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ต้องอธิบายให้พวกท่านฟัง
- การใช้เท้า
เป็นเรื่องที่ทำเอาคนไทยหลายคนถึงกับเหวอเลยทีเดียวกับ “การใช้เท้า” ในต่างประเทศ
เราอาจเห็นคนยกเท้าขึ้นมาพาดไว้บนโต๊ะ ใช้เท้าเขี่ยของให้กัน
หรือแม้แต่ใช้เท้าชี้นู่นนั่นนี่แทนมือ เป็นเพราะเขาไม่ค่อยถือเรื่องของการใช้เท้า
โดยมองว่าเท้าก็เป็นอวัยวะในร่างกายเหมือนกับศีรษะนั่นแหละ
เขาถึงสามารถใช้เท้าได้เป็นเรื่องปกติ แต่คนไทยจะถือมาก
เนื่องจากเรามองว่าเท้าเป็นอวัยวะที่ต่ำกว่าอวัยวะอื่น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่ถือเรื่องการใช้เท้า
ถึงเขาจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ดูไม่สุภาพและไม่เหมาะสมอยู่ดี
- ไม่มีสายฉีดชำระในห้องน้ำ
อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้คนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศถึงกับทุกข์ใจอย่างหนัก
เมื่อพบว่าไม่มีสายฉีดชำระในห้องน้ำ ทุกข์เบาไม่เท่าไร แต่ทุกข์หนักคือแทบจะร้องไห้
การเข้าห้องน้ำเพื่อปลดทุกข์ดูจะเป็นทุกข์กว่าเดิม
อันที่จริง บางที่ในไทยก็เป็นส้วมแบบชักโครกที่ไม่มีสายฉีด (มีกระดาษชำระหรือไม่มีก็ได้)
อย่างตามโรงแรมหรือห้างสรรพสินค้า
ส่วนห้องน้ำแบบนั่งยอง ก็จะมีตุ่มหรือถังน้ำพร้อมขันไว้ให้ใช้ล้างทำความสะอาด
เมื่อเจอแบบนี้ หลายคนจึงแก้ปัญหาด้วยการพกกระดาษชำระแบบเปียกติดตัวไว้
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่สะอาดเหมือนใช้น้ำล้าง แต่ก็มั่นใจกว่าการใช้กระดาษชำระบาง ๆ ธรรมดา ๆ
หรือพกขวดน้ำไว้สำหรับจัดการกับธุระในห้องน้ำโดยเฉพาะ
แต่ในบางประเทศ ห้องน้ำส่วนน้อยก็มีสายฉีดชำระให้เห็นบ้าง
อย่างร้านสะดวกซื้อ ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากสำหรับคนที่เจอ