แร่ที่มีมูลค่ามากที่สุดที่สามารถขุดเจาะได้ในประเทศไทย

แร่ที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่ผลิตได้ในประเทศไทย
(ข้อมูลโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
กระทรวงอุตสาหกรรม, ปี 2564 )

หินปูน (สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง)
เป็นหินตะกอนที่ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนใหญ่
มักใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นวัสดุก่อสร้าง ด้วยคุณสมบัติต่างๆ
เช่น ความทนทาน ความอเนกประสงค์ และการสกัดหินที่ค่อนข้างง่าย
ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างต่างๆ
รวมถึงการก่อสร้างอาคาร ถนน สะพาน และเป็นวัตถุดิบสำหรับคอนกรีต
ในปี 2564 ไทยผลิตแร่นี้ได้คิดเป็นมูลค่า 19,313 ล้านบาท
จากปริมาณแร่ 107.29 ล้านตัน

หินปูน (สำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์)
เป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตปูนซีเมนต์ ปูนซีเมนต์ทำขึ้น
โดยการให้ความร้อนแก่ส่วนผสมของหินปูนและวัสดุอื่นๆในเตาเผา
จากนั้นจึงผ่านกระบวนการต่อไปเพื่อผลิตปูนเม็ด ซีเมนต์เป็นสารยึดเกาะที่สำคัญ
ที่ใช้ในคอนกรีตและมอร์ต้า ซึ่งมีความสำคัญในโครงการก่อสร้างทั่วโลก
ในปี 2564 ไทยผลิตแร่ชนิดนี้ได้คิดเป็นมูลค่า 19,024 ล้านบาท
จากปริมาณแร่ 76.09 ล้านตัน

ลิกไนต์
เป็นถ่านหินชนิดหนึ่งซึ่งมักเรียกกันว่าถ่านหินสีน้ำตาล เป็นถ่านหินเกรดต่ำ
ที่มีความชื้นสูงและมีปริมาณคาร์บอนต่ำ เมื่อเทียบกับถ่านหินประเภทอื่น
โดยทั่วไปแล้วลิกไนต์จึงเป็นที่ต้องการน้อยกว่าถ่านหินเกรดสูงกว่า อย่างไรก็ตาม
ยังคงถูกใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในภูมิภาคที่มีความอุดมสมบูรณ์ของแร่ชนิดนี้
ในปี 2564 ไทยผลิตลิกไนต์ได้ คิดเป็นมูลค่า 13,652 ล้านบาท
จากปริมาณแร่ 14.22 ล้านตัน

ยิปซั่ม (ชนิดก้อน)
เป็นแร่ธาตุที่ประกอบด้วยแคลเซียมซัลเฟตไดไฮเดรต
ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
ยิปซั่มส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง
และเป็นสารยึดเกาะในปูนปลาสเตอร์และผนังแห้ง
ในปี 2564 ไทยผลิตยิปซั่ม (ชนิดก้อน) คิดเป็นมูลค่า 5,156 ล้านบาท
จากปริมาณแร่ 8.78 ล้านตัน

หินดินดาน (สำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์)
เป็นหินตะกอนเนื้อละเอียด ประกอบด้วยโคลนและอนุภาคขนาดเท่าดินเหนียว
หินดินดานใช้ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ โดยใช้เป็นวัตถุดิบ
นำมาบดเป็นผงละเอียดแล้วผสมกับหินปูนและวัสดุอื่นๆ
เพื่อผลิตปูนเม็ดซึ่งผ่านกระบวนการต่อไปเพื่อทำปูนซีเมนต์
ในปี 2564 ไทยผลิตหินประเภทนี้ได้ คิดเป็นมูลค่า 3,899.5 ล้านบาท
จากปริมาณแร่ 15.59 ล้านตัน