5 เมืองที่แปลกที่สุดในโลก เห็นแล้วต้องอึ้ง!!
มนุษย์เรามีความสามารถในการปรับตัวทำให้เราสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้หรือว่าจะเป็นที่ร้อนจกดกิน70 องศาหรือหนาวจัดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งแต่ก็มีมนุษย์ล้ำหน้าไปกว่านั้นอาศัยอยู่ในที่ที่แปลกและอันตรายได้เช่นกันกับรวมหมู่บ้านและเมืองที่แปลกที่สุดในโลก
1. เมืองโออากะชิมะ Oakashima
ทุกวันนี้โลกเรายังมีภูเขาไฟที่ไม่ดับสนิทมากถึง 1,350 แห่ง ซึ่งคงจะไม่ต้องบอกก็คงไม่มีใครอยากไปสร้างบ้านติดกับภูเขาไฟอย่างแน่นอน แค่ในทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นกับหมู่บ้านที่มีชื่อว่าโออากะชิมะเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟซึ่งเกาะเล็กๆแห่งนี้เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟในทะเลฟิลิปปินส์ในช่วงปี 1,780 สร้างความเสียหายให้ชุมชนรอบข้างมากพอสมควรผู้จึงคนอพยพหนีออกไปหมดแต่พอภูเขาไฟสงบลง คนก็เริ่มย้ายกลับมาอยู่อาศัยสร้างหมู่บ้านอีกครั้งในปัจจุบันเกาะแห่งนี้มีประชาชนราว 150 คนเลี้ยงชีพด้วยการทำการเกษตรและตกปลา นำเข้าสินค้าวิถีสโลว์ไลฟ์ประชาชนยืนยันที่จะใช้ชีวิตบนเกาะนี้ถึงแม้ว่ามันยังเป็นภูเขาไฟที่ไม่ดับก็ตาม
2. เมืองฮัวคาชิน่า Huacachina
เราน่าจะเคยเห็นในหนังเวลามีคนหลบเข้าไปในทะเลทรายสิ่งแรกที่เราต้องทำเพื่อให้รอดชีวิตก็คือตามหาน้ำหรือโอเอซิส และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนในเมืองนี้ทำ เมืองปูคาชินาตั้งอยู่ในประเทศเปรู ท่ามกลางทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่มันเป็นเมืองที่สวยงามรูป ดูเหมือนจะเป็นรีสอร์ทในฝันเลย เนื่องจากมันเป็นโอเอซิสที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นปาร์มที่เขียวชอุ่ม เมืองมีขนาดเล็กมากๆประชาชนอาศัยอยู่ในเมืองมีเพียง 90 คนเท่านั้นพวกเขาดำรงชีพด้วยการส่งออกทรายเพื่อเป็นส่วนผสมของอุตสากรรมธุรกิจโรงแรมภัตตาคารหรู ขี่อูฐ เล่นเซริฟบอร์ด กลางวันที่นี่จะร้อนมากๆ แต่กลางคืนก็หนาวจับใจ
3. เมืองวาดิ ดาวาน wadi dawan
โดยปกติแล้วถ้าเราจะสร้างบ้านก็ต้องเลือกพื้นที่ราบเรียบ และแข็งแรงแล้วค่อยไปติดตั้งรั้วให้มิดชิดเพื่อบ่งบอกอาณาเขตว่าเป็นที่อาศัยของเรา แต่หมู่บ้านนี้ไม่ต้องติดรั้วเพราะมันอยู่บนก้อนหินขนาดมหึมา เมืองวาดิ ดาวาน ตั้งอยู่ในเยเมน ทั้งเมืองอาคารและบ้านช่อง สร้างด้วยอิฐโครน ที่ปั้นแล้วค่อยๆ ต่อกันขึ้นไปใช้โครงเป็นไม้ค้ำและเจาะช่องเพื่อเปิดประตูและหน้าต่าง เห็นแบบนี้แต่พวกเขามีไฟฟ้าใช้นะครับอินเตอร์เน็ตก็มี และขนส่งเข้าถึง แต่คนในพื้นที่นิยมขี่ลามีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 1,000 ครอบครัวเป็นคนซาอุดิอาระเบียกับเยเมนปะปนกันไป เมืองนี้มีความเก่าแก่มากกว่า 700 ปีคนที่นี่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเป็นมิตรมากๆ ผู้คนเรียกที่แห่งนี้ว่าแมนฮัทตันหรือชิคาโกแห่งเยเมน
4. เมืองกีธอร์น Giethoon
เขาว่ากันว่าพื้นที่แถวนั้นจะเจริญขึ้นถ้ามีถนนหรือรถไฟตัดผ่าน มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ก็จะก้าวกระโดดแล้วถ้าไม่มีถนนไม่มีรถไฟมีแต่แม่น้ำลำคลองอย่างเดียวแต่เจริญสุดๆล่ะครับหมู่บ้าน Giethoon ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นหมู่บ้านสีเขียวโดยสมบูรณ์ ห้อมล้อมไปด้วยแม่น้ำลำคลองขึ้นชื่อว่าเป็นเวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์ผู้คนเดินทางไปมาในหมู่บ้านด้วยการเดินกับขี่จักรยานเท่านั้น ถ้าจะออกจากหมู่บ้านก็ต้องพายเรืออย่างเดียว ไร้ซึ่งคาร์บอน อากาศบริสุทธิ์และสงบเงียบ สถาปัตยากรรมบ้านสไตด์หลังคาโค้งมน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทำการเกษตรแบบยั่งยืนรายได้หลักของหมู่บ้านมาจากขายสินค้าเกษตรการท่องเที่ยวและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
5. เมืองพีดี้ คลูเลอร์ cooler Pedy
ที่ผ่านมาเราน่าจะได้ยินข่าวเรื่องเหม่องถล่ม ซึ่งถ้ำกับเกมทองไม่ควรใช้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างยิ่ง แต่ไม่ใช่กับหมู่บ้านนี้มีชื่อว่า cooler Pedy ในออสเตรเลียภายนอกดูเหมือนเมืองที่แห้งแล้งกันดารแต่คนไม่ได้อาศัยอยู่บนพื้นดินพวกเขาอาศัยอยู่ใต้ดินที่นี่แต่ก่อนเคยเป็นเหมืองเพชรโอปอล ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายคนงานก็เริ่มขุดหินเข้าไปทำเป็นบ้าน ตัวเองจนเจ้าของที่เกิดไอเดียทำเป็นเมืองไปเลยทุกคนอาจจะคิดว่ามันก็มีแค่บ้านเท่านั้นแหละแต่เปล่าเลยมันมีทั้งโบสถ์ 5 ที่สาธารณูปโภคครบทุกอย่าง พึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์ และกังหันลมถ้าคุณอยากย้ายมาอยู่แค่บอกเจ้าของเหมือง และเอาสิวกับเครื่องเจาะหินมาทำบ้านตัวเองได้เลย ออกแบบได้ตามใจชอบแค่อย่าเจาะจนทะลุไปบ้านคนอื่นก็พอมีผู้อยู่อาศัยมากถึง 2,500 ครัวเรือน
อ้างอิงจาก: google ,YouTube