เจ้ากรรมนายแมว
เรื่องของน้ำเหมย
เมื่อกลางปีที่แล้ว ฉันมีได้ซื้อน้องแมวมาตัวหนึ่งจากคนรู้จัก น้องเป็นแมวพันธุ์สก็อตติชน่ารักน่าชังมากค่ะ น้องเป็นแมวที่ไม่ร้องกวนใจ ด้วยประสบการณ์ที่เคยเลี้ยงแมวมาก็เยอะแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นแมวบ้านๆ แมวมักจะร้องกวนเวลากินข้าวพยายามร้องขออาหารให้เราแบ่งอาหารให้มันด้วย แต่น้องแมวตัวนี้ไม่เป็นอย่างนั้น น้องไม่ก่อกวนใดๆเลย ถึงเวลาน้องก็จะไปกินอาหารที่ฉันเทใส่ไว้ให้เท่านั้น
ส่วนเรื่องที่อยู่ที่นอนนั้นฉันเลี้ยงน้องไว้บนคอนโดค่ะ เป็นเรื่องทั่วๆไปของคอนโดที่ห้ามเลี้ยงสัตว์ แต่หลายๆห้องก็จะมีสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆเลี้ยงไว้ ขอแค่อย่าให้ทำความเดือดร้อนให้ใครเท่านั้น เรื่องพฤติกรรมน้องหรอคะนับว่าน่ารักมากเลยทีเดียว น้องจะนอนทั้งวัน ตื่นช่วงตี1ตี2แล้วน่าจะอ้อนเราด้วยการมานอนที่หน้าอกของฉัน ก็จะมีให้หายใจไม่ออกอยู่บ้างจนสะดุ้งตื่น และน้องจะหลับตื่นอีกทีจนสายเลยทีเดียว ทำให้บางทีฉันก็ตื่นสายตามเพราะโดนกวนตอนกลางคืน
นี่ก็อาจจะเป็นหนึ่งในข้อเสียข้อหนึ่งเลยก็ได้ที่เลี้ยงแมวตัวนี้ เพราะมีบ่อยครั้งทำให้ฉันตื่นสายจนไปทำงานเพลียๆ บางทีด้วยงานที่เคร่งเครียดมากก็จะทำให้ฉันรู้สึกรับแรงกดดันตอนทำงานได้น้อย บางทีก็อยากจะระเบิดใส่หัวหน้าไปเลยให้มันจบๆไปเลยก็มี แต่ก็มาคิดถึงหน้าลูกน้อยว่าต้องทนเท่านั้น คิดถึงว่าจะไม่มีเงินมาซื้อแห้งซื้อเปียกให้ลูก
จนกระทั่งวันหนึ่ง เป็นวันที่ฉันนั้นจำได้ไม่มีวันลืมเลย เย็นวันนั้นหัวหน้ามาแจ้งว่า วันพรุ่งนี้ลูกค้าVIPรีเควสฉัน ให้ฉันเป็นคนดูแลในช่วงที่เขาเข้ารับบริการจนจบ เขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทเรา ถ้าเขาพอใจหน้าที่การงานของเราไปได้ดีด้วย ฉันดีใจเป็นอย่างมาก เย็นวันนั้นฉันกลับไปถึงคอนโดพร้อมทั้งอาหารเปียก อกไก่ และมุ่งตรงไปบอกเรื่องที่น่ายินดีนี้กับแมวน้อยที่น้ำหนัก5กิโลของฉัน
"ปลาเผาลูก วันนี้แม่ซื้อเปียกกับอกไก่มาให้หนูด้วยนะ พรุ่งนี้แม่มีงานใหญ่ ไซต์หม้องานวัดเลยลูก เรามากินฉลองกันเถอะนะ แล้วคืนนี้อย่ากวนแม่นะลูก" ปลาเผาแมวน้อยของฉันก็ร้องเมี๊ยวตอบรับและเดินไปกินอาหารเม็ด โดยไม่มีท่าทีจะสนใจอกไก่และอาหารเปียกที่ฉันฉีกไว้ให้เลย
คืนนั้นฉันซักซ้อมพูดกับตัวเองหน้ากระจก พูดวนซ้ำไปซ้ำมา เช็ครอยยิ้ม เช็ครูปปากว่าพูดแล้วทำแบบนี้จะสวยไหมจนเลยเวลาเข้านอนปกติ จนกระทั่งถึงเวลาที่ปลาเผาแมวน้อยของฉันมันตื่นนอน มันร้องทักฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเหลือบมองนาฬิกาจึงรู้ว่าควรเข้านอนได้แล้ว ฉันนอนหลับสนิทและแมวก็เหมือนเป็นใจ จนกระทั่งฉันรู้สึกหายใจไม่ออกจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เจอปลาเผาที่นั่งเลียขนตัวเองอยุ่ใกล้ๆหมอน มันเลียที่มือทั้งสองข้างของตัวเองโดยไม่สนใจฉันเลย พอมองนาฬิกาจึงรู้ว่านี่ตี5แล้ว ฉันจึงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
เช้าวันนี้เป็นวันที่ฉันคิดว่าดีกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา แมวน้อยของฉันไม่รบกวนเวลานอนของฉัน มันช่างสดชื่นจริงๆ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฉันกำลังจะลาปลาเผาเหมือนอย่างทุกๆวันที่ผ่านมา
"แม่ไปทำงานก่อนนะจ๊ะ เจ้าเหมียวน้อยของแม่" เจ้าปลาเผาก็เหมือนจะรู้ภาษา ร้องเหมียวตอบรับแต่ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้วชักเกร็ง ฉันหน้าเสียเรียกวิ่งเข้าไปอุ้มปลาเผา เรียกชื่อปลาเผา แต่ปลาเผาไม่ตอบสนองอะไรเลย ฉันคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องเอาแมวไปโรงพยาบาลสัตว์ ฉันอุ้มเจ้าปลาเผาขึ้นรถแล้วมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลสัตว์ โดยไม่สนใจงานวันนี้ โทรศัพท์มีสายเข้ามาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะกี่สายฉันก็ไม่รับจิตใจไปห่วงอยู่กับที่เจ้าปลาเผาผู้ที่เหมือนแก้วตาดวงใจของฉันน้ำตาที่ไหลอัตโนมัติมันหยุดไม่ได้จริงๆ
เมื่อเจ้าปลาเผาถึงโรงพยาบาลสัตว์ก็แทบจะปกติ สัตวแพทย์ก็ซักประวัติและตรวจเจ้าปลาเผาเมื่อตรวจเสร็จสัตวแพทย์มาแจ้งเจ้าปลาเผาไม่ได้เป็นอะไรในเบื้องต้น ขอให้สังเกตอาการอีกครั้ง และแนะนำให้แอดมิดไว้ที่โรงพยาบาล แต่ด้วยราคาที่สูงจึงขอนำกลับมาดูแลเองก่อน
เรื่องของเจ้าปลาเผาทำให้กินเวลาไปแล้วถึงบ่ายโมง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่ทำงานฉันจึงได้มุ่งตรงไปยังที่ทำงานพร้อมกับทั้งเจ้าปลาเผา เมื่อไปถึงที่ทำงานจึงได้ทราบข่าวดีว่าดิฉันได้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน เนื่องจากลูกค้าVIPและถือเป็นหุ้นส่วน ท่านนั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง และได้ถอนทุนคืนไปแล้ว ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง จึงได้เชิญดิฉันออกภายใน30วัน เหมือนตึกถล่มลงมาทับร่างกาย ชาไปหมด พูดไม่ออก เพราะภาระหนี้สิน ไหนจะครอบครัวที่ต้องดูแลอีก ฉันได้แต่ยืนร้องไห้และกอดปลาเผาไป ฉันคิดในใจว่าก็ยังดีที่มีเวลาตั้งตัวอีก 30วัน
ระหว่างทางขับรถกลับคอนโดนั้น เจ้าปลาเผาร้องระงมและเดินไปมาในรถ ไปนั่งที่เบาะข้างๆบ้าง นั่งที่คอนโซลบ้าง สักพักเจ้าปลาเผาก็กระโดดใส่ฉัน เป็นจังหวะทางโค้งบนทางด่วนพอดี เจ้าปลาเผาวิ่งลงไปบริเวณคันเร่งฉันด้วยความตกใจจึงจะเหยียบเบรกแต่เหยียบไม่ได้เนื่องจากเจ้าปลาเผามันขวางอยู่ พอเหยียบไปเจ้าปลาเผาร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกัดที่ขาฉัน ทำให้ฉันยิ่งตกใจควบคุมรถไม่ได้จึงหักรถเสียหลักพุ่งตกลงจากทางด่วน
"ตูม!!!!!!" เสียงดังสนั่นก่อนภาพของฉันมันจะมืดลง ฉันลืมตาขึ้นมาอีกทีพอพบว่าตัวเองอยู่นอกรถแล้วพร้อมกับเจ้าปลาเผา เจ้าปลาเผานั่งเลียมือตัวเองก่อนค่อยๆหันหน้ามามองฉัน ฉันคิดว่าอย่างน้อยเราสองคนก็ไม่เป็นไร ด้วยความเป็นห่วงฉันจึงจะเข้าไปอุ้มปลาเผา ฉันพูดกับมันว่า "ปลาเผาลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่นี่แล้ว" ก่อนฉันจะได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนในชีวิต เจ้าปลาเผาตอบโต้กลับเป็นภาษาคนพูดขึ้นว่า "นี่ฉันเองนะน้ำเหมย นพวรรณเพื่อนรักเธอไง ต่อไปนี้หายกันนะ เลิกแล้วต่อกัน" มันมองหน้าฉันก่อนวิ่งเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง ฉันมองไปรอบๆเจอซากรถของตัวเองไฟลุกท่วมมีคนช่วยกันดับไฟและเห็นใครคนหนึ่งที่บริเวณที่นั่งคนขับ จึงรู้ได้ทันทีโดยสัญชาตญาณว่านี่คือฉันเอง ฉันตายแล้ว นี่คงเป็นการเอาคืนของนพวรรณสินะ
เรื่องของปลาเผา
สวัสดีครับ ผมชื่อปลาเผา ผมเกิดจากแม่สก็อตติชและพ่อสก็อตติช ผมมีพี่น้องทั้งหมด 3 ตัว แม่ของผมจึงมีนมให้ผมดูดทุกตัว มันคือช่วงเวลาที่อบอุ่นมากๆเลยครับตอนนั้น ตอนนั้นนอกจากแม่ของผมแล้วก็ยังมีมนุษย์ที่มาแวะเยี่ยมเยียนผมจนผมคุ้นเคยด้วย เขาเรียกแทนตัวเขาว่า "แม่" แต่ผมไม่ค่อยอยากใส่ใจเขาเท่าไหร่นักหรอก เขาจะมาพร้อมอาหารและน้ำดื่มมาให้แม่ผมทุกวัน เจ้ามนุษย์แม่นี่จะมีของแปลกๆมาเลียขนให้แม่ผม เขาไม่ใช้ปากเลียแต่เขาเอาของแปลกๆเลียให้แม่ผม เลียไปเลียมาก็เอาขนออกไปทิ้ง แม่ผมบอกว่ารู้สึกดีจริงๆเวลามนุษย์แม่มาเลียขนให้
ผมอยู่กับแม่ผมได้ประมาณ2เดือน ในแต่ละวันผมวิ่งเล่นกับพี่น้องผมได้ดูดนมของแม่ทุกวัน พวกเราได้นอนกอดกันเสมอๆ จนวันหนึ่ง มนุษย์แม่ผมพาผม แม่ผมและพี่น้องใส่กรงและเดินทางพาไปนอกรัง พวกเราตื่นกลัวกันมาก ผมและพี่น้องร้องตลอดทางถึงแม้ว่าแม่ผมจะบอกว่าให้อยู่เงียบๆแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
จนถึงที่ๆหนึ่ง เขาเปิดกรงออก ผมโดนมนุษย์แม่จับไว้และมนุษย์ชุดสีขาวก็เดินมาหา เขาเอาอะไรสักอย่างมาจิ้มผม มันเจ็บแต่ทนได้ แต่ผมกลัวจึงพยายามขู่ พยายามจะข่วนและกัดมนุษย์แม่เพื่อป้องกันตัว สุดท้ายผมก็โดนเก็บใส่กรง และพี่น้องของผมก็โดนเช่นกัน แม่ผมบอกผมว่านี่จะทำให้ผมไม่ป่วย และหลังจากนี้พวกลูกๆจะได้ย้ายรังใหม่ จะมีมนุษย์แม่คนใหม่มารับ ผมและพี่น้องได้ยินก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก แต่แม่ผมบอกว่าสักวันลูกจะลืมและมีความสุขกับมนุษย์แม่คนใหม่อย่างแน่นอน
คืนนั้นทั้งคืนผม แม่ผม พี่น้องของผม พูดคุยกันเรื่องรังใหม่ แม่ผมเล่าว่าแม่ก็มีรังเก่ามนุษย์คนนี้พาแม่มาจากรังเก่า แม่ผมบอกว่าตอนแรกแม่อยากจะออกไปนอกรังเก่าอยู่แล้ว แต่มนุษย์แม่ก็พาแม่ผมมาอยู่รังนี้แทน หลังจากนั้นในทุกๆวันมนุษย์แม่จะเล่นกับแม่ผม มนุษย์แม่จะเอาอาหารมาให้ เอาน้ำมาให้ แต่สิ่งที่แม่ผมไม่ชอบเลยก็คือมนุษย์แม่จะพาออกไปนอกรัง ไปหามนุษย์ชุดขาวทุกๆปี จนเมื่อแม่ผมมีพี่ๆและพี่ๆของผมก็จะมีมนุษย์แม่มารับย้ายรังเสมอ
ผม พี่และน้องได้ฟังก็อุ่นใจอยู่บ้าง และตื่นเต้นจริงๆ พอเช้าวันรุ่งขึ้น ความสนใจของผมและพี่น้องก็เปลี่ยนไป ผมอยากออกไปนอกรังกัน อยากวิ่งไล่จับผีเสื้อตัวนั้น ผมคันกรงเล็บและฟันจริงๆอยากจะข่วนโซฟาเหลือเกิน
ผมวิ่งเล่นกันทั้งเช้าวันนี้ ช่วงเที่ยงๆได้ยินเสียงคนเข้ามาที่รังของผม เสียงมนุษย์แม่บอกให้เขาเข้ามาที่รัง ผมมองดูเธอเป็นมนุษย์ผู้หญิงผิวขาวเหลือง ผอมและสูงกว่ามนุษย์แม่ผม กลิ่นตัวเธอเป็นกลิ่นที่ผมคุ้นเคยแต่ผมจำไม่ได้ว่ากลิ่นนี้มาจากไหน น้ำเสียงของเธอนุ่มน่าฟังกว่ามนุษย์แม่ผม พูดช้ากว่า ท่าทางดูอ่อนโยนไปหมด ผมคุ้นชินกับท่าทางเหล่านี้มากแต่ผมจำไม่ได้ว่าผมเห็นมาจากไหน ผมมัวตะลึงกับมนุษย์คนนี้ ผมมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอเหมือนสะกดผม และเธอก็มองมาที่ผม เธออุ้มผมขึ้นและเธอก็ทักทายผม เอาหน้าเธอมาใกล้กับหน้าผม "ไงจ๊ะ ปลาเผาลูกแม่ เรากลับบ้านกันนะลูก"
ตามสัญชาตญาณแล้วผมรู้เลยว่านี่คือการที่ผมต้องย้ายรังแล้ว ผมเดินไปหาแม่ผมและพี่น้องของผม ผมร้องไห้บอกกับแม่ผมว่า ผมจะแข็งแรงครับแม่ ผมจะมีความสุขที่รังใหม่กับมนุษย์แม่ใหม่ แม่ไม่ต้องห่วงผมนะครับ แม่ผมเลียหัวผม ผมเดินไปเอาหน้าชนกับพี่น้องของผม ก่อนที่มนุษย์แม่ใหม่จะเอาผมใส่กรงและพาผมย้ายรัง
ผมหลับในกรงก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มนุษย์แม่เปิดประตูกรง ผมเดินออกมา รังๆนี้เป็นรังที่ผมคุ้นเคยมาก กลิ่นรังนี้ เบาะนอน เหมือนผมรู้จักดีทุกซอกทุกมุม ผมเดินออกมาและไปนั่งบนที่นอนมองมนุษย์แม่ ผมพยายามนึกแต่นึกไม่ออก
"เป็นไงจ๊ะ บ้านของเรานะปลาเผา หนูไม่ตื่นเต้นเลยหรอลูก หนูเดินสำรวจก่อนได้นะ" ผมรู้สึกรำคาญมนุษย์แม่คนนี้เล็กน้อย ผมได้แต่ตอบไปว่า รู้แล้วหน่า ฉันเคยมาที่นี่มาก่อน เธอก็ได้แต่พูดไปคนละเรื่องกับผม มาชมว่าผมคุยเก่งอีกต่างหาก
เธอจัดเตรียมอาหารให้ผม ผมยอมรับเลยว่าอาหารที่เธอหามาให้อร่อยกว่าที่รังเก่ามาก ผมจึงเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ เธอให้อาหารผมแบบบุฟเฟ่เลยทีเดียว ผมไม่เคยท้องหิวแม้แต่นาทีเดียว และที่สำคัญเธอมีของเล่นให้ผมหลายอย่างแต่ละอย่างนั้นผมให้ความสนใจแค่พอดูมันวิ่งไปมาเท่านั้นเพราะมันเสียเวลานอนกลางวันของผม เธอมีที่นอนให้ผมนุ่มนิ่ม ตอนเช้าผมก็ได้มานั่งมองนก รับแสงอาทิตย์ทุกเช้า ตอนเย็นเราจะมานั่งดูทีวีด้วยกันนับว่ามีความสุขแม้จะอยู่กันแค่สองคนก็ตาม
วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนฝัน ผมก็มาอยู่รังใหม่นี้ได้3เดือน มีอยู่วันหนึ่งมนุษย์แม่เปลี่ยนชุดเป็นชุดที่เธอใส่ไปทำงานในทุกๆเช้า และเธอก็ทำชิ้นส่วนหลุดลงพื้น ผมเลยจะเข้าไปช่วยเก็บ เมื่อผมเห็นความทรงจำทั้งหมดที่เคยผ่านมามันวิ่งเข้ามาในหัว ผมจำได้ในทันทีว่าผมเป็นใคร
ผมแทบไม่อยากเชื่อตัวเอง ผมสามารถอ่านภาษามนุษย์ได้ ชื่อนี้ ป้ายนี้ผมจำเธอได้จริงๆ
เรื่องของนพวรรณ
สวัสดีค่ะ ดิฉันชือนพวรรณ ดิฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคอีสาน แต่จริงๆดิฉันเป็นคนภาคกลางนะคะ ดิฉันไม่เคยเข้ามาในกรุงเทพเลยจนดิฉันเรียนจบและได้เข้ามาหางานทำในกรุงเทพ ชีวิตในกรุงเทพแสนวุ่นวายจริงๆ ไม่ว่าจะที่มหาวิทยาลัยหรือที่บ้านเกิดดิฉัน ก็ไม่วุ่นวายเท่านี้ รถก็มากเท่านี้ คนก็มากเท่านี้ มากทั้งจำนวน มากทั้งความ ยิ่งสังคมที่ทำงานที่มีแต่ผู้หญิงยิ่งมากเรื่องเข้าไปใหญ่ แต่ดิฉันโชคดีมากๆเลยค่ะ ดิฉันมีเพื่อนรักชื่อน้ำเหมย สาวเหนือที่ทั้งใจดี ดูสง่าและอ่อนโยน ทั้งท่าทางทั้งเสียงเป็นที่เย้ายวนคนมองเห็นจริงๆ ต่างจากดิฉันที่ทั้งแห้งทั้งดำ เสียงเหน่อและแหลมแสบหู
ดิฉันดีใจมากจริงๆค่ะที่ได้เป็นเพื่อนรักกับน้ำเหมย น้ำเหมยคอยช่วยเหลือฉันทุกๆเรื่องเสมอ โดยเฉพาะเรื่องงาน บ่อยๆครั้งที่ดิฉันจะโดนลูกค้าคอมเพลน ขอเปลี่ยนให้คนอื่นมาดูแล แต่โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นน้ำเหมยนี่แหละค่ะ ส่วนเรื่องความจริงใจนั้นน้ำเหมยคือที่สุดของที่สุด ดิฉันมั่นใจเต็มร้อยถึงแม้จะมีการนินทาว่าร้ายแต่น้ำเหมยไม่ใช่คนอย่างนั้นแน่นอน
ดิฉันว่าสิ่งเดียวที่ดิฉันทำงานที่นี่ต่อไปได้นั่นก็คือวินัยที่ดิฉันมี ทำให้เจ้านายยังคงจ้างดิฉันอยู่ต่อไป ดิฉันไม่คิดจะใหญ่จะโตเหมือนคนอื่นหลอกค่ะ คิดเพียงแต่ว่าไม่ให้โดนไล่ออกทำงานเป็นวันๆไปก็เท่านั้น อยากหาเงินส่งให้พ่อกับแม่ที่แก่แล้วของดิฉันที่บ้านนอก
แต่แล้ววันหนึ่ง วันที่เหมือนสายฟ้ามันฟาดกลางกบาลของดิฉันก็มาถึง วันนั้นดิฉันไม่สบายจึงได้ฝากเพื่อนรักอย่างน้ำเหมยให้ช่วยดูลูกค้าหน้าร้านแทนฉันหน่อย ฉันขอลาป่วยครึ่งวัน ดิฉันเดินไปเก็บของเตรียมกลับที่พัก แต่ด้วยสังขาลที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ดิฉันจึงขอหลับที่มุมหนึ่งของห้องอาหาร จนตอนเย็นดิฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงน้ำเหมยคุยกับเพื่อนๆที่ทำงานอย่างสนุกสนาน บทสนทนาที่เหมือนตบหน้าดิฉันกลางห้าแยกลาดพร้าว
"โอ๊ย วันนี้ไม่สบายอีกละ Eเหน่อเนี่ย ทิ้งลูกค้าให้ฉันดูแลหมดเลย" น้ำเหมยพูดขึ้นมาแม้ไม่เรียกชื่อก็รู้ว่าหมายถึงใคร
"แล้วไปรับปากมันทำไมละว่าจะดูลูกค้ามันให้ 55555 มึงบ่นๆอย่างนี้ แต่เดี่ยวมึงก็ไปคุยดีกับมัน" เพื่อนอีกคนพูดแย้ง
"ก็นี่ไงคะ พอกรุไปดูลูกค้ามันให้ สุดท้ายกรุก็อ้อนนิดอ้อนหน่อยเดี่ยวเค้าก็ขอเปลี่ยนคนดูแลมาเป็นกรุเอง แล้วสุดท้ายกรุก็จะเป็นลูกค้ากรุไงค่า อย่าโง่5555555" น้ำเหมยหัวเราะลั่น
"ส่วนเรื่องที่ลูกค้าคอมเพลนเรื่องที่มันแนะนำลูกค้าผิดพลาดนะ ความจริงแล้วกรุแนะนำให้ลูกค้าทำเองแหละ เค้าจะได้ย้ายมาเป็นของกรุได้ไง" น้ำเหมยยังคะนองปากพูดออกมา
"เมิงก็นะ กรุว่าแบบนี้มันเกินไป Eเหน่อมันโดนใบเตือนเลยนะเมิง แล้วไหนจะเรื่องวันนี้อีก เมิงไม่รู้หรอว่าคุณนิมิตเค้าเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเค้าถือหุ้นเป็นอันดับ3เลยนะ แล้วเค้าไปคุยกับบอสแล้วด้วยว่าเค้าจะไม่เอาEเหน่อไว้แล้ว เพราะเป็นจุดด่างของบริษัท เมิงไปพูดยังไงวะ" เพื่อนร่วมบทสนทนาพูดแย้งขึ้น
"อ้าวหรอ กรุไม่รู้ว่าเขาจะใหญ่โตขนาดนั้น กรุแค่เห็นว่าเค้าน่าจะมีกำลังซื้อเยอะ กรุเลยอยากได้เอง ถึงว่าทำไมมีสิทธิ์ลดได้ถึง30% กรุเลยบอกเค้าไปว่าถ้าเค้ามาให้กรุดูแล กรุจะดูแลเค้าถึงใจเลยหละ ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนก็ให้คอมเพลนEเหน่อไปซะจะได้เปลี่ยนคนดูแล ส่วนจะถึงใจขนาดไหนเมิงก็รู้ๆอยู่ว่ากรุจะทำอะไร" น้ำเหมยพูดอย่างไม่สะทกสะท้านกับความผิดเลย
พอฟังมาถึงตรงนี้ดิฉันเลยรู้ชะตากรรมแล้วว่าดิฉันคงตกงานอย่างแน่นอน พ่อแม่ที่แก่ที่บ้านนอกของฉันอีกจะทำอย่างไร แต่ที่น่าเสียใจที่สุดคือเพื่อนรักของดิฉันทำไมถึงทำกับดิฉันได้ลงคอ เพื่อนรักนางฟ้าของดิฉันแท้จริงแล้วคือนางมารร้ายที่สุด ไม่อยากจะเชื่อว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมาที่โดนคอมเพลนจะเป็นเพราะเพื่อนรักของดิฉัน เขาไม่รักดิฉันเลยหรือ เวลาเขาไม่สบายดิฉันไปทำกับข้าวให้กินถึงคอนโด ไปเก็บกวาดห้องให้เวลาเขาไม่ว่าง เวลาเขาอกหักดิฉันจะอยู่เคียงข้างคอยเก็บอาเจียรให้เวลาเขาเมา คนที่เข้านอกออกในห้องกันได้ตลอดแท้จริงแล้วเขามองดิฉันเป็นแค่แม่บ้าน เป็นเบ๊เท่านั้น
หลังจากทุกคนออกไปจากห้องอาหาร และปิดไฟปล่อยฉันนอนซมด้วยพิษไข้และความเสียใจ มันมืดไปหมด มืดทั้งตามืดทั้งใจ ทั้งเจ็บทั้งแค้น ญาติสนิทก็ไม่มี พ่อแม่ก็พูดไม่ได้ ความเครียดเข้าถาโถมเข้าใส่ ดิฉันเดินอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัวแต่มารู้ตัวอีกทีดิฉันก็มาอยู่ที่ห้องพักตัวเองแล้ว มันแค้นใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ตั้งจิตรอธิษฐานว่าเกิดชาติหน้าฉันใด อย่าได้เกิดเป็นผู้หญิงอีกเลย และขอเอาคืนนังผู้หญิงใจบาปหยาบช้าคนนี้ให้ทนทุกทรมานแสนสาหัสเหมือนดิฉัน
ด้วยความคับแค้นใจประกอบกับร่างกายที่ทุกข์ทรมานจนเกินรับไหว ดิฉันเผลอหลับไป จนตื่นขึ้นมาอีกครั้งเห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนฟูกที่นอน นี่สินะคงเป็นความตาย ดิฉันยังไม่พร้อม พ่อแม่ของดิฉันจะอยู่เช่นไร ใครจะดูแล ความคิดวิ่งวนไปหมดในหัว มารู้ตัวอีกทีนึงดิฉันก็อยู่ดูดนมแมว และถูกน้ำเหมยเอามารับเลี้ยง
ดิฉันในร่างปลาเจ็บใจและแค้นอยากจะเอาคืนให้ผู้หญิงคนอื่นต้องรับรู้ต่อความเจ็บปวดที่ดิฉันได้รับจากเธอ ดิฉันเริ่มกินให้มากขึ้นจนนับได้ว่าเป็นแมวอ้วนมาก ตัวใหญ่มาก ตกกลางคืนดิฉันจะกวนให้น้ำเหมยแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน และจะปล่อยให้เธอนอนหลับใกล้จะเช้า เธอจะได้ตื่นไปทำงานสาย บางคืนหากเธอหลับแล้วไฟแค้นมันซุมทรวงอกแทบจะประทุ ดิฉันจะนั่งบนอกให้นางหายใจไม่ออก หรือไม่จะเอามือไปอุดจมูกของนาง แต่เสียทีที่นางจะตื่นมาเสียก่อน แต่อย่างน้อยก็ทำให้นางหยุดหายใจไปซักครู่ก็ยังดี
และแล้ววันนั้นก็มาถึง นางฟ้าคราบมารร้ายก็มาบอกกับดิฉันว่านางจะได้ดูแลลูกค้าVIP นี่คือโอกาสที่ดิฉันจะได้เอาคืน ดิฉันปล่อยให้นางดีใจแล้วนอนรอดูนางเป็นบ้าซักซ้อมพูดจาหน้ากระจก ทำหน้าทำตาอยู่คนเดียว เห็นแล้วขำจริงๆ ฉันต้องเตือนนางสักหน่อยแล้วว่าควรนอนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เธอจะสายนะ และก็ตามคาดเธอเข้านอนแต่โดยดี เมื่อถึงเช้าตี5ดิฉันก็ทำหน้าที่ลูกแสนดีในการปลุกแม่ให้ตื่นโดยการนอนทับจมูกไปเลย ถ้าไม่ตื่นก็ตายมีให้เลือกแค่สองทาง บังเอิญว่านางมีท่าทีจะตื่น ดิฉันเลยมานั่งเลียมือเป็นการล้างมือเอาความแพศยาของผู้หญิงคนนี้ออกไปจากตัวของดิฉัน เมื่อนางแต่งตัวเสร็จดิฉันก็เริ่มแผนการต่อมาโดยการแกล้งชักลงกับพื้น มันได้ผล นางมารร้ายมันคงรักดิฉันมาก มันเรียกชื่อปลาเผาๆ แล้วอุ้มขึ้นรถไป รถยามเช้าในกรุงเทพก็ติด ฉันก็ยิ่งแสดงว่าใกล้จะตาย นางยิ่งร้อนรน แต่พอเมื่อถึงโรงพยาบาลสัตว์ ดิฉันก็หยุดแสดงพฤติกรรมนี้ต่อหน้าสัตวแพทย์และสัตวบาล และเป็นไปตามคาด ดิฉันทำให้นางพลาดจากงานนี้ได้และหนำซ้ำยังได้ผลพลอยได้เป็นการที่นางโดนปลดไปด้วยอีก ดิฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าความรักที่นางมีต่อแมวปลาเผาตัวนี้จะมีมากขนาดนี้
ในที่สุดช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง นางมารร้ายมันได้พรากงาน พรากความรักไปจากดิฉัน ทั้งรักจากพ่อแม่ รักจากเพื่อนอย่างมัน ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเอาคืน สิ่งสุดท้ายที่มันจะได้รับคือความตายที่ดิฉันจะมอบให้ ดิฉันพยายามร้องก่อกวนมันระหว่างขับรถให้มากที่สุด ดิฉันพยายามขึ้นไปมองหน้ารถจนถึงจุดที่อันตราย จุดเลี้ยวบนทางด่วน ดิฉันเห็นเป็นโอกาสจึงกระโดดใส่มัน ด้วยน้ำหนักตัวที่มากและท่าทีนางมารร้ายจึงตกใจ ไม่รอช้าดิฉันรีบมุดลงไปนอนทับคันเร่ง และขวางไม่ให้เหยียบเบรค แถมด้วยการกัดขาไป1ที เป็นไปตามคาดรถเสียหลักตกทางด่วน ดิฉันวิ่งไปหลับเบาะหลังช่วงเสี่ยววินาทีที่รถตกทางด่วน สุดท้ายก็หนีออกมาจากกระจกหน้าที่แตกก่อนไฟจะท่วมรถ นางมารร้ายโดนย่างสดก่อนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
ช่วงวินาทีสุดท้ายนางมารร้ายมันยังไม่รู้ตัว เรียกร้องหาแต่ดิฉัน ดิฉันจึงบอกให้มันรู้ว่า "นี่ฉันเองนะน้ำเหมย นพวรรณเพื่อนรักเธอไง ต่อไปนี้หายกันนะ เลิกแล้วต่อกัน" ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของวิญญาณนางมารร้ายทำให้ดิฉันสะใจยิ่งนัก ดิฉันวิ่งเข้าข้างทางและเดินทางกลับบ้านนอกด้วย4ขาของตัวเองไปหาพ่อและแม่
ดิฉันเดินทางกลับบ้านนอกกินเวลานับแรมเดือน ขอวัดกินข้าว วิ่งหนีหมาเป็นธรรมดา แต่เมื่อถึงบ้าน ดิฉันได้เจอพ่อกับแม่ จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ เมื่อท่านเห็นดิฉันในร่างปลาเผา ท่านก็นึกรักและเลี้ยงดูฉัน และเรียกชื่อใหม่ดิฉันว่า เสือหลง อย่างน้อยดิฉันก็ได้กลับมากอดพ่อกับแม่ที่บ้านนอก แม้ว่าจะเป็นแมวก็ตาม