หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อาณาจักร "ลังกาสุกะ กีรติกามา" ต้นกำเนิดคำว่า "ชยัม"ซำ เสียม หรือ "สยาม"

โพสท์โดย อับดุล รอเเย๊ะส์


คำเรียกเหล่านี้เป็นคำที่ชาวต่างชาติใช้เรียกผู้คนในแผ่นดินไทยมาแต่ดึกดำบรรพ์นานมา...หาใช่คำใหม่อะไรไม่ เป็นคำที่ชาวต่างชาติเรียกเราไม่ใช่คำที่เราใช้เรียกตัวเอง
“เสียมหลอก๊ก” หมายถึงชื่อของประเทศไทยในสมัยก่อนประวัติศาสตร์สุโขทัย ในปัจจุบันเป็นที่รู้แน่นอนและยอมรับกันแล้วว่า “อาณาจักรละโว้” หมายถึง “อาณาจักรลพบุรี” ซึ่งมี “เมืองละโว้” หรือ“เมืองลพบุรี” เป็นศูนย์กลางของอาณาจักร มีพื้นที่ครอบคลุมบ้านเมืองบริเวณรอบอ่าวไทยและเลยขึ้นไปถึง เมืองหริภุญชัยในลุ่มแม่น้ำปิง แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีคนใดรู้ว่า “อาณาจักรสยาม” ซึ่งเคยเป็นชื่อดั้งเดิมของ “ประเทศไทย” ตั้งอยู่ที่ไหน
เรื่องราวการเสด็จลงเรือจาลังกาทวีปมายัง “กรุงสุวรรณปุระ” ในสมัยตันพุทธศตวรรษที่ 3 ของ “เจ้าชายสุมิตร" แห่งราชวงศ์โมริยะ แม้ว่าปรากฏอยู่แต่เฉพาะใน “คัมภีร์มหาวงศ์พงศาวดารลังกา” และตำนานเก่าแก่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ศรีวิชัย ที่รุ่งเรืองอยู่ในคาบสมุทรภาคใต้ แต่นักประวัติศาสตร์ต่างชาติกลับมีความเห็นว่า “อาณาจักรศรีวิชัย” เป็นประวัติศาสตร์ของชนชาวมาลายู เพราะไม่มีใครทราบว่าต่อมา “เจ้าชายสุมิตร” ได้อภิเษกสมรสกับราชธิดาของกษัตริย์กรุงสุวรรณปุระ เมืองไทรบุรี เมืองทราวดีที่เก่าแก่ที่สุด ในมาเลเชีย เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติทรงเป็นปฐมกษัตริย์ “สุวรรณปุระ” สืบราชวงศ์มาจนถึง พุทธศตวรรษที่ 8 พระเจ้ามะโรงมหาวงศ์ หรือราชามารงมหาวังสา และลูกหลานแยกย้ายแตกกระจายกันสร้างอาณาจักรใหม่ใหม่ลังกาสุกะที่ปัตตานี และเมืองไชยา เลยถึงเขตแดนนครศรีธรรมราชและเมืองตามพรลิงค์ อาณาจักรศรีวิชัยบริเวณดินแดนขอบฝั่งชายทะเลของสี่ประเทศ สมัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์ศรีวิชัย เมื่อครั้ง “ราชทูตเสียงจุ่น” แห่งราชสำนักสุย เดินทางมาเยือน “ราชสำนักเชี๊ยะโท้ว” ในปีพ.ศ. 1150 และเข้าเผ้าถวายพระราชสาส์นต่อ “พระเจ้าหลี่ฟูโตเส” ราชทูตจีนจดบันทึกว่า
กษัตริย์ผู้ครอง “กรุงเชี๊ยะโท้ว” แซ่เดียวกับพระพุทธเจ้า หรืออยู่ในสกุล "ไศเลนทรวงศ์"
การศึกษาค้นคว้าเพื่อทราบว่า “พระเจ้าหลีฟูโตเส” ย้อนหลังขึ้นไปถึงสมัย “เจ้าชายสุมิตร” แห่งราชวงศ์โมริยะซึ่งทรงเป็นพระราชนัดดา (หลานตา) ของ พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งชมพูทวีป ซึ่งเสด็จมายัง “สุวรรณปุระ” เมืองไทรบุรี ประเทศมาเลเชีย ภายหลังได้ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์ ทำให้ทราบเรื่องราวในอดีตว่า “พระเจ้าจันทรคุปต์” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมริยะทรงมีเชื้อสาย “ศากยะวงศ์” บรรพบุรุษของพระองค์หลบหนีรอดพ้นจาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของ “พระเจ้าวิฑูทภะ” แห่งแคว้นโกศล ขึ้นไปหลบซ่อนอยู่บนภูเขาหิมาลัยซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงนกยูงป่า จึงขนานนามราชวงศ์ใหม่ว่า “ราชวงศ์โมริยะ”แปลว่า “ราชวงศ์นกยูง”
นอกจากนั้นเมื่อครั้ง “เจ้าชายอโศกกุมาร” เสด็จไปเป็นอุปราชปกครอง นครอุชเชนี พระองค์พบกับธิดาผู้เลอโฉมของพ่อค้าผู้มั่งคั่งเมืองเวทิศามีนามว่า “พระนางเวทิศาเทวี” และได้อภิเษกสมรสเป็นชายาของมหาอุปราช มีหลักฐานว่าบรรพบุรุษของ พระนางเวทศาเทวี ก็เป็นเชื้อสาย “ศากยะวงศ์” ซึ่งหลบหนี้ลี้ภัยรอดพ้นจาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปลอมแปลงมาเป็นพ่อค้าอาศัยอยู่ในเมืองดังกล่าว “พระนางเทวิศาเทวี” ทรงเป็นพระราชมารดาของ “พระมหินทเถระ” และ“พระนังสังฆมิตตาเถรี” ด้วยเหตุนี้ “เจ้าชายสุมิตร” จึงทรงเป็นพระราชนัดดา (หลายยาย) ของ “พระนางเวทิศาเทวี” เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอโศกทรงสร้าง “มหาสถูปสาญจี” ขึ้นเหนือเนินเขาเมืองเวทิศา เพื่ออุทิศส่วนกุศลและเป็นอนุสรณ์แห่งความรักให้แก่พระนาง
นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าภายหลังจาก “เจ้าชายสุมิตร” ได้เป็นกษัตริย์ครอง “กรงสุวรรณปุระ” จึงเปลี่ยนนามราชวงศ์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับคามเป็นมาของบรรพบุรุษของพระองค์ว่า “ไศเลนทรวงศ์”แปลว่า พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่เหนือภูเขา เพื่อแสดงนัยความหมายให้รู้ว่าทรงสืบเชื้อสาย “ศากยะวงศ์”มาอย่างไร
ราชอาณาจักรจีน มีการติดต่อทางพระราชไมตรีกับจดหมายเหตุของนักภูมิศาสตร์จีนคนหนึ่ง ซึ่งเคยเดินทางมาเยือน “อาณาจักรสยาม “ ได้จดบันทึกที่ตั้งของ “อาณาจักรสยาม” โดยอ้างอิงหลักฐานทางภูมิศาสตร์อันแหลมคมจนไม่มีใครหักล้างได้ว่า “แม่น้ำในประเทศสยาม เกิดมาจากภูเขาทางทิศตะวันตก แล้วไหลไปออกทะเลทางทิศเหนือหรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ”
ข้อมูลใหม่แบบพลิกโลกเหมือนดังเส้นผมบังภูเขา ตามปกติแม่น้ำส่วนใหญ่จะไหลจากทิศเหนือลงไปสู่ทิศใต้แต่ประเทศสยามมีลักษณะแปลกประหลาดพิสดารกว่าดินแดนทั้งหลาย คือมีเทือกเขาสูงซึ่งเป็นแหล่งเกิดของต้นลำธารหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ กลายเป็นแม่น้ำหลั่งไหลจากทิศใต้ไปออกทะเลทางทิศเหนือหรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ที่ประสงค์จะพิสูจน์ความจริงขอให้สังเกตุว่า แม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำตาปี ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำกลันตัน แม่น้ำในรัฐตรังกานู แม่น้ำในรัฐปาหัง แม่น้ำในรัฐยะโฮร์ ในประเทศมาเลเซีย แม่น้ำเหล่านี้ไหลมาจากทิศใต้ไปออกทะเลทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือทั้งสิ้น ก่อนจะพัฒนาเป็นอาณาจักรลังกาสุกะและศรีวิชัยในที่สุด
การสร้างอาณาจักรใหม่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 7 ซึ่งตรงกับตำนานการอพยพแยกย้ายกันสร้างเมืองใหม่ของ พระเจ้ามะโรงมหาวงศ์ และลูกหลานแยกย้ายแตกกระจายกันสร้างอาณาจักรใหม่ใหม่ตามกลุ่มลุ่มน้ำที่ไหลทางทิศใต้ไปออกทะเลทางทิศเหนือหรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกหลานเจ้าชายสุมิตร แห่งไศรเลนทร์วงค์ กลุ่มนี้เองที่สร้างอาณาจักรลุ่มน้ำในสุวรรณาภูมิขึ้นมา เช่นเมืองคูบัว เมืองเพชรบูรณ์ในช่วงสมัยทวารวดีนั้นได้ปรากฎคติพระมหาธาตุกลางเมืองแล้วในประเทศไทย
ยกตัวอย่างเช่น พระประโทณเจดีย์และเจดีย์จุลประโทณกลางเมืองนครชัยศรี(นครปฐมโบราณ)
พระมหาสถูปวัดโขลงสุวรรณคีรีกลางเมืองโบราณคูบัว
พระมหาสถูปเขาคลังในกลางเมืองโบราณศรีเทพ
พระมหาสถูปวัดนครโกษากลางเมืองลวปุระ
ณ ปัจจุบันเมื่อพูดถึงคติพระมหาธาตุใจกลางเมือง หลายๆ ท่านมักจะคิดว่ามีวิวัฒนาการมาจากสถูปอิฐมอญที่มักสร้างเป็นแกนหลักของเมือง เพราะต้นสมัยอยธยาพระมหาธาตุเราเป็นทรงปรางค์กระมัง
และสำหรับคติการสร้างพระสถูปและพระมหาธาตุกลางเมืองนี้ ปรากฎในประเทศไทยอย่างน้อยๆ 1,500 ปีมาแล้ว
ในตำนานพื้นเมืองของปัตตานี กล่าวว่าผู้สร้างเมืองพระวัง หรือ โกตา ม้ะฮ์ลิฆา หรือ เสียม อัสลี ตามร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เมืองนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่ โบราณสถาน ในเมืองปรักหักพังหมด เหลือแต่เฉพาะกองอิฐ ซึ่งเชื่อกันว่า เคยเป็นเจดีย์ อุโบสถ วิหาร และเทวาลัย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 16 แห่ง และสระน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ศิลปวัตถุของ เมืองนี้จึงกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ กัน มีหลายอย่างด้วยกันคือ พระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดี พระโพธิสัตว์สัมฤทธิ์ ศิวลึงค์ เสมาธรรมจักร เครื่องถ้วยชามจีน เครื่องปั้นดินเผา เงินเหรียญชวา และเงินเหรียญอาหรับ เป็นต้น จากหลักฐานเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า เมืองลังกาสุกะเป็นเมืองที่ประชาชนนับถือพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน และศาสนาฮินดู ส่วนชาวเมืองนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นชนชาติใด ตามความเห็นของผู้บันทึกประวัติศาสตร์ปัตตานีคนหนึ่ง คือ อิบรอฮิม ชุกรี เชื่อว่าดินแดน ปัตตานี เป็นที่อยู่ของชาวสยามมาก่อนที่ชาวมลายูจะอพยพและนำเอาศาสนาอิสลามเข้ามา ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ในรัชสมัย พระเจ้าศรีวังสา กษัตริย์ซึ่งนับถือพุทธศาสนาองค์สุดท้ายของอาณาจักร ลังกาสุกะ ปกครองเมืองพระวัง และใน พ.ศ. 1052 ตามจดหมายเหตุจีนระบุว่า " มหานครกีรติกามา" เป็นเมืองทราวดีเก่าแก่ที่มีกำแพงล้อมรอบ กษัตริย์ประทับอยู่บนกูบช้างมีหลังคาทำด้วยผ้าสีขาว แวดล้อมด้วยองครักษ์ที่มีท่าทางดุร้าย และทหารตีกลองถือธงสีต่าง ๆ ประชาชนทั้งชายหญิงไว้ผมปล่อยยาว ใส่เสื้อไม่มีแขน" อาณาจักรลังกาสุกะนี้ ถูกอาณาจักรฟูนันโจมตีในพุทธศตวรรษที่ 11 แล้วกลายเป็นเมืองขึ้นต่อมา อาจกล่าวได้ว่ามนุษย์กลุ่มนี้นั่นแหละคือ สยาม” ชาว เสียมกุ เสียมมาจากคำว่า "ซำ" ที่แปลว่าตาน้ำ ใช้เรียกคนที่ชอบอาศัยใกล้ บ่อน้ำหรือแหล่งน้ำ และจากหลักฐานการตรวจความแตกต่างหมู่เลือดของชาวไทยในปัจจุบันพบว่าไม่มีความต่างของหมู่เลือดกับประชาชนทางภาคใต้แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยกับชนเผ่าไทในเขตภาคเหนือ หรือคำว่าขยับเดชจากการเรียกขานของชาวคุซราช
ยุคหลังสมัยทราวดีการสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เมืองปัตตานีโบราณสร้างโดยเจ้าศรีวังสา(เสียม อัสลี)หลานของพญามะโรงมหาวงค์แห่งสุววรณปุระเมืองไทรบุรี ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ สร้างกรุงโกตามหลิฆัย ในบริเวณบ้านปาโย หรือบาโย ซึ่งทุกวันนี้ได้แก่ บริเวณท้องที่ตำบลหน้าถ้ำ ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำปัตตานี ในบริเวณนี้ได้พบซากโบราณสถาน โบราณวัตถุจำนวนมาก แต่มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๗ เป็นส่วนใหญ่ ตามร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เมืองนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่ โบราณสถาน ในเมืองปรักหักพังหมด เหลือแต่เฉพาะกองอิฐ ซึ่งเชื่อกันว่า เคยเป็นเจดีย์ อุโบสถ วิหาร และเทวาลัย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 16 แห่ง และสระน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ศิลปวัตถุของ เมืองนี้จึงกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ กัน มีหลายอย่างด้วยกันคือ พระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดี พระโพธิสัตว์สัมฤทธิ์ ศิวลึงค์ เสมาธรรมจักร เครื่องถ้วยชามจีน เครื่องปั้นดินเผา เงินเหรียญชวา และเงินเหรียญอาหรับ เป็นต้น จากหลักฐานเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า เมืองลังกาสุกะเป็นเมืองที่ประชาชนนับถือพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน และศาสนาฮินดู ส่วนชาวเมืองนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นชนชาติใด ตามความเห็นของผู้บันทึกประวัติศาสตร์ปัตตานีคนหนึ่ง คือ อิบรอฮิม ชุกรี เชื่อว่าดินแดน ปัตตานี เป็นที่อยู่ของชาวสยามมาก่อนที่ชาวมลายูจะอพยพและนำเอาศาสนาอิสลามเข้ามา ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ในรัชสมัย พระเจ้าศรีวังสา กษัตริย์ซึ่งนับถือพุทธศาสนาองค์สุดท้ายของอาณาจักร ลังกาสุกะ ปกครองเมืองพระวัง และใน พ.ศ. 1052 ตามจดหมายเหตุจีนระบุว่า " มหานครกีรติกามา เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ กษัตริย์ประทับอยู่บนกูบช้างมีหลังคาทำด้วยผ้าสีขาว แวดล้อมด้วยองครักษ์ที่มีท่าทางดุร้าย และทหารตีกลองถือธงสีต่าง ๆ ประชาชนทั้งชายหญิงไว้ผมปล่อยยาว ใส่เสื้อไม่มีแขน"
จนถึงรุ่นหลาน พญา อินทิรา (สุลต่าน อิสมาเอลชาฮ์) เจ้าเมืองรุ่นที่4ของตระกูลศรีวังสาได้ย้ายเมืองและสร้างเมืองใหม่ให้ชื่อว่าลังกาสุกะ “บ้านประแว” คือเมืองยะรังเก่า ในท้องที่ตำบลยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เมืองเก่าของปัตตานี พญา อินทิรา ซึ่ง เคย นับถือ พุทธ ศาสนา มาก่อน ต้องยินยอมเปลี่ยนศาสนาตามคำสั่ง สุลต่าน มันสุร์ชาฮ์ กษัตริย์ มะละกาผู้รุกราน ด้วยการ ยอมรับ นับถือ ศาสนา อิสลามเพื่อแลกกับการถูกประหารกล่าวกันว่า ในสมัย ที่ ปัตตานี ถูก รุกราน จาก กองทัพ มะละกา ได้มีการยินยอมให้ ทำลาย พระพุทธรูป เทวรูป และ โบราณ สถาน ในเมือง โกตา มหลิฆัย หรือ ลังกา สุกะ เก่าไป จน หมดสิ้น
เมื่อเวลาผ่านไป
จนถึงเจ้าเมืองรุ่นที่ 8 สุลต่านมันซูร์ ซาฮ์4ยุคสมัยนี้เป็นที่จดจำว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของเมืองปัตตานี ปรากฏหลักฐานการเจริญสัมพันธไมตรีและทำการค้ากับนานาประเทศจนเจริญรุ่งเรืองจนเป็นคู่แข่งทางการค้าของกรุงศรีอยุทธยาในภาคใต้ ทางการทหารก็มีความเข้มแข็งคืออสามารถต้านรับศึกจากอยุทธยาได้อยู่เนืองๆ ยากจะพิชิตได้
ในปี พ.ศ. 2184 แต่ความสัมพันธ์กับกลันตันกลับตกต่ำลง ราชวงศ์ศรีวังสาสิ้นสุดลงเมื่อ กองทัพรัฐกลันตันนำโดย รายาบากาล ยกทัพตีเมืองปัตตานีแตกในปี พ.ศ. 2231และครองครองอยู่12ชั่วคน รายากูนิงเจ้าเมืองรุ่นที่สิบของตระกูลศรีวังสาเสด็จหนีไปแคว้นยะโฮร์ และสิ้นพระชนม์ลงระหว่างทางที่แคว้นกลันตัน คนเชื้อสายศรีวังสาโดนสังหารทั้งหมดเหล่าอำมาตย์หนีไปจังหวัดตรัง หลังจากนั้นมาอาณาจักรปัตตานีก็ไม่สามารถกลับมารุ่งเรืองได้อย่างเก่าอีก และอยู่ภายใต้การปกครองของกลันตัน เศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้อาณาจักรอ่อนแอลงและกลายเป็นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในที่สุด


รูปประกอบ
Cr.
https://www.facebook.com/100086178617849/posts/142187788663841/?mibextid=Nif5oz
Cr.
https://fb.watch/hK0EyB0M7r/
Cr.
https://www.facebook.com/groups/797432901271530/permalink/903659797315506/?mibextid=Nif5oz

_________________________________
#เพจภาพและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: เป็ดปักกิ่ง, Thorsten
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ตำรวจเตือนหญิงขับสกุ๊ตเตอร์ไฟฟ้าขึ้นถนนใหญ่ เจอสวนกลับ ถ้าห้ามขับไปบอกร้านว่าห้ามขายสิหลายคนยังไม่รู้ เปิดใช้ซอสหอยนางรมแล้ว"ต้องทำแบบนี้"อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรมขออาสาจ่ายค่าทำแผล พระธีระ ถูกถีบเพจดัง เเฉ แก๊งทริปน้ำไม่อาบชนพระเเล้วหนี้ฮาวทูเสิร์ฟข้าวผัดไก่ให้ถูกใจลูกค้าฝรั่ง พนักงานทำดี ทำถึง เดินเสิร์ฟเฉย ๆ มันธรรมดาไปสินะสุดอาลัย ต่อ ตุดยอด เพื่อนรักของ แจ๊ส ชวนชื่น จากไปอย่างสงบหลังป่วยด้วยโรคมะเร็งจากหลอนกลายเป็นฮา หนุ่มเจอต้นเหตุผีอำ ชาวเน็ตแห่แชร์คลิปสุดไวรัลเลขเด็ด "มนต์สิทธิ์" งวด 1 ธันวาคม 67 มาแล้ว! ..แฟนหวยรีบมารวยกันเลยขยี้ตาแรง! "นิวเคลียร์" หน้าใหม่เป๊ะเวอร์ ผ่านไป 3 เดือนจำแทบไม่ได้สรุปดราม่า"ทริปน้ำไม่อาบวันนี้"เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.10" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567เบี้ยวไม่ไหว! เจ้าของรถขยะจัดหนัก แก้เผ็ดถึงหน้าบ้าน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ขยี้ตาแรง! "นิวเคลียร์" หน้าใหม่เป๊ะเวอร์ ผ่านไป 3 เดือนจำแทบไม่ได้หลังจากจูหยวนจาง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิงสังหารศัตรู 13 ฮ่องเต้หลังจากนั้นกลายเป็นเลือดผสมวัดป่าภูทับเบิก วัดสวย ในเพชรบูรณ์เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.10" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567สรุปดราม่า"ทริปน้ำไม่อาบวันนี้"เลขเด็ด "มนต์สิทธิ์" งวด 1 ธันวาคม 67 มาแล้ว! ..แฟนหวยรีบมารวยกันเลย
ประโยชน์ของชาเขียวโครงการช่วยเหลือให้เกิดสภาพคล่องของเศรษฐกิจรู้หรือไม่? แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ข้อมูลอะไรหลอกลวงคุณแผนที่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปอายุ 4,000 ปี
ตั้งกระทู้ใหม่