แอบรักลุงข้างบ้าน ตอน11
ตอนที่ 11
คู่ขาวัยดึก
อิสระออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วบอกให้เมฆาพาตนไปส่งยังธนาคารที่เดิมอีกรอบ เขาเข้าไปทำธุระข้างในโดยที่รุ่นน้องยืนรออยู่ข้างนอกเหมือนเดิม และกำลังไล่มองตัวเลขที่อยู่บนแผงลอตเตอรี่
“ซื้อเลขอะไรดี?” ถามความเห็นเมื่อรุ่นพี่ออกมาตบบ่าเรียก
“ฉันไม่เล่นพนัน”
“ไม่ใช่พนัน เขาเรียกว่าการเสี่ยงโชค...ฮะ เลขอะไรดี?”
“ไม่ต้องซื้อหรอกเพราะนายมีโชคแล้ว”
พูดจบก็ยัดแบงค์พันหลายใบใส่กระเป๋าเสื้อให้รุ่นน้องคู่ใจในอดีต ที่เคยมีบาดแผลและความหลังหลายอย่างร่วมกัน
“เอ๊ะ! นี่อะไร?”
“นายถูกหวยแล้วไง กลับกันเถอะ”
กอดคอพากันเดินกลับขึ้นรถไปอย่างมีความสุข โดยมีรถยุโรปคันโตแล่นตามไปห่าง ๆ จนถึงที่หมายรถคันนั้นก็จอดซุ่มดูอยู่ ครั้นรถรับส่งผู้โดยสารแล่นกลับออกไป เจ้าของรถหรูก็สวมแว่นกันแดดลงมา เดินผ่านประตูบ้านยายนวลมองลอดรั้วเขาไปข้างใน แล้วก็เดินเลยไปตรงซอกข้างหน้า ที่เห็นผู้ชายเดินหายเข้าไปในดงกล้วยสองคนและกลับออกมาแค่เพียงคนเดียว
บุคคลปริศนาสำรวจพื้นที่โดยรอบพร้อมมองหาคนอยู่อาศัย แล้วก็สะดุ้งตกใจกับเสียงทักเข้มที่ลอยมาจากทางด้านหลัง
“เข้ามาหาใคร?”
แขกไม่ได้รับเชิญหันกลับมาทางต้นเสียงช้า ๆ ถอดแว่นตากันแดดออกพร้อมคลี่ยิ้มเรียวบางอย่างตื่นเต้นระคนดีใจที่ได้เจอคนที่คิดว่าน่าจะใช่
“พ่อเทพ พ่อเทพจริง ๆ ด้วย จำฉันได้หรือเปล่า?”
เก๋งคันงามแล่นออกจากซอยนั้น แล้วตรงไปยังห้องพักรายวันเปิดบริการ 24 ชั่วโมงที่ใกล้ที่สุด
หลังประตูปิดลงสาวใหญ่วัยห้าสิบกว่าที่ยังดูดีเพราะการประทินโฉมและการดูแลจากสถาบันเสริมความงามราคาแพง ก็โยนกระเป๋าทิ้งเข้ามาโอบกอดพ่อเทพบุตรของตนในทันที
เธอเงยมอง ยกมือทาบใบหน้าสำรวจร่องรอยชีวิตอันแสนโหดร้าย ที่ทำลายชายหนุ่มที่เธอเคยหลงจนหัวปักหัวปำ เหลือเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่แสนรันทดและน่าเวทนายิ่ง
“พ่อเทพเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน”
“มันก็เป็นธรรมดาของสังขาร ที่ต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลา”
เขาพูดเฉยชาอย่างห่างเหิน จับมืองามที่เคลือบสีเลือดนกนั้นออกห่างแล้วขยับหนีไปนั่งยังโซฟามุมห้อง
โสมวดียืนหน้าเศร้าหมอง มองเทพบุตรในอดีตของหล่อนที่ร่วงหล่นจากสวรรค์ ด้วยคำสาปร้ายของใครกันนะ ที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นเพียงชายอนาถาคนหนึ่งและมีนิสัยเย็นชาถึงเพียงนี้
“พ่อเทพหายไปไหนมา ดูซิคงลำบากมาก ทำไมไม่ไปหาพี่ล่ะ”
“หึ! ไปหาพี่หรือ ขืนผมไปก็โดนยิงตายสิครับ”
อิสระนึกถึงวันนั้น ที่ทั้งสองกำลังนอนกอดก่ายกันอยู่หลังเสร็จกามกิจ สามีของเจ้าหล่อนก็เคาะประตูดังลั่นเตรียมจะบุกเข้ามาอาละวาด ทำให้เขาต้องกระโดดหนีลูกปืนที่ไล่สาดหลังลงมาอย่างหัวซุกหัวซุนเป็นที่น่าอดสูใจยิ่งนัก
“แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันเป็นอิสระกลายเป็นแม่ม่ายผัวตายไปตั้งแต่ปีกลายแล้วล่ะ”
“ผัวตาย เป็นอะไรตายหรือ?” หวังว่าคงจะไม่ถูกหล่อนฆ่าเพราะเงินประกันหรอกนะ
“จะเป็นอาไร้ ก็ได้ตายคาอกสาวน้อยสมใจไงล่ะ ทำฉันอับอายขายขี้หน้าหมด ดีนะที่อดทนถือทะเบียนสมรสไว้ไม่งั้นคงไม่ได้ซักบาท งานศพปวดหัวกับแขกกับข่าวไม่พอ ยังต้องมาปวดหัวกับอีหนูทั้งหลาย พากันมาร้องห่มร้องไห้ขอแบ่งสมบัติ แต่ฉันไม่ให้มันหรอกนะ สมน้ำหน้า!”
เธอพูดจบอย่างสะใจ แล้วก็ขยับตัวตามไปนั่งชิด ยกมือลูบแผงอกอย่างเคยทำ
“พี่ว่าเราไปอาบน้ำให้หายร้อนก่อนเถอะ ค่อยมาพูดจากันให้เย็นชื่นใจ พ่อเทพอยากกินอะไรล่ะจ๊ะ”
เขาจับมือเจ้าหล่อนที่ลูบคลำอยู่พร้อมทำท่าถอนหายใจหนัก
“ขอโทษครับ ผมอยู่นานไม่ได้”
“ทำไมล่ะจ๊ะ พ่อเทพมีธุระหรือ?”
อิสระลุกผละจากคุณนายโสมวดีไปนั่งยังเตียงตรงกันข้าม แล้วมองจ้องหน้าพูดจาขึงขัง
“ผมดีใจนะครับที่ได้เจอพี่และรู้ว่าสบายดี แต่เราสองคนมีชีวิตแตกต่างกันพอสมควร พี่ก็เป็นคุณนายนับหน้าถือตา ส่วนผมก็แค่ผู้ชายจร ๆ หาเช้ากินค่ำ ทางที่ดีเราจบกันเถอะ อย่าเจอหรือรื้อฟื้นอะไรกันอีกเลย”
“ทำไมพูดเช่นนี้ล่ะจ๊ะ แต่ไหนแต่ไรมาพี่ก็ไม่เคยรังเกียจเราอยู่แล้ว เอ็นดูอย่างไรก็เอ็นดูอย่างนั้น ถึงแม้ตอนนี้พ่อเทพจะดู เอ่อ...ดูโทรมไปบ้างก็เถอะ แต่พี่ก็ยังรักและปรารถนาในตัวเธอเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย”
เขาชักหน่ายใจกับเสน่ห์ของตนเสียจริง ให้ตายสิ โลโซซอมซ่อขนาดนี้แล้วก็ยังจะ.....
“นั่นแหละครับปัญหา”
“มันจะเป็นปัญหาอะไรล่ะ”
สาวใหญ่วัยดึกลุกขึ้นมาผลักเขานอนลงแล้วถกกระโปรงขึ้นคร่อมทับบนตัว จนหนุ่มรุ่นน้องต้องรีบยกมือห้ามปรามใหญ่
“พี่ครับใจเย็นก่อน ฟังดี ๆ นะ ผมไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่สามารถมอบความสุขให้กับพี่ได้อย่างแต่ก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะให้พี่ทำเอง พี่จะปลอบประโลมเยียวยารักษาบาดแผลที่ผ่านมาให้เธอเอง”
ม่ายสาวพราวเสน่ห์ไม่ทนฟังคำทักท้วงอะไรอีก โน้มตัวลงซุกไซ้เป็นการใหญ่หวังปลุกอารมณ์พิศวาสในกายตามประสาวัวเคยค้าม้าเคยขี่เช่นเดิม แต่ตั้งใจทำอยู่เป็นนานก็ไม่เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายยังนอนนิ่งไม่ไหวติงหรือมีทีท่าจะตอบสนองใด ๆ เจ้าหล่อนแปลกใจจึงโงหัวขึ้นมามองสบสายตานิ่งเฉยของอีกฝ่าย แล้วก็ต้องตาลุกวาวอย่างใจหาย
“พ่อเทพ อย่าบอกนะว่า...”
“ครับ”
โสมวดีมาส่งหนุ่มรุ่นน้องด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ตรงหน้าประตูรั้วบ้านยายนวลแล้วก็ถอยรถกลับออกไปในทันที
อิสระรีบวิ่งขึ้นบ้านตนด้วยกิริยาร้อนรนหลังจากที่แสร้งนิ่งขรึมอยู่นาน แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องตกใจแกมระอา เมื่อเห็นรุ้งขวัญในชุดนักศึกษานอนหลับคาหนังสือในที่นอนของเขาอย่างไม่ระวังตัว ทั้งเสื้อก็บาง กระโปรงก็สั้นจุ๊ดจู๋
‘ให้ตายสิ!’ ชายหนุ่มสบถหัวเสียแล้วก็ปิดประตูดังโครมวิ่งหายไปท้ายสวนโดยทันที
รุ้งขวัญได้อธิบายให้เขาฟังในเช้าวันต่อมา ว่าเธอมาหาในตอนเย็น พอตกค่ำยุงเริ่มชุมก็เลยเข้าไปอ่านหนังสือรอในห้องแล้วเกิดเผลอหลับไป
เผลอหลับเก่งจริง ๆ เดี๋ยวก็ลักหลับเสียเลยนี่แม่คุณ... อิสระบ่นในใจกับอารมณ์กรุ่น ๆ ของเมื่อวานที่ยังไม่หายดี
“แล้วคุณลุงไปไหนมาหรือคะ?”
“มีธุระ” ตอบห้วนสั้นอย่างแข็งกระด้าง
“ธุระอะไร ก็เราไปธนาคารกันเสร็จตั้งแต่เช้าแล้วนี่คะ?”
เห็นท่าทางอึกอักลำบากใจ เธอเลยกลัวว่าจะโดนตะคอกใส่และตะเพิดไล่อย่างในวันนั้นอีก ที่เผลอล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวมากเกินไป จึงสงบปากสงบคำเสีย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากรู้ทุกเรื่องในชีวิตของเขาไปเสียหมด
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีแค่เจอเพื่อนเก่า”
“เหรอคะ”
“โทรศัพท์ก็มี แล้วทำไมไม่โทรหา” เขาว่า
“ว้า! หนูลืม...แหะ ๆ ว่าแต่หนูโทรหาคุณลุงได้ใช่ไหมคะ?”
“ทำไมจะโทรไม่ได้ล่ะ”
“ตลอดเวลา”
“อือ”
เข้าวันต่อมา รุ้งขวัญก็เดินมาหาที่บ้านเหมือนเดิม
“คุณลุง! ไหนบอกว่าจะรับโทรศัพท์ตลอดเวลาไงคะ ทำไมเมื่อคืนไม่เห็นรับสายหนูเลย”
“โทรมาหรือ?”
“ใช่ค่ะ”
“พอดีออกไปข้างนอกไม่ได้พกไปด้วย กลัวหาย”
“โธ่เอ๊ย! แล้วก็บอกว่าโทรได้ตลอดเวลา”
“ทำไม มีอะไรหรือ?”
จะมีอะไรล่ะ ก็คิดถึง...คิดถึง...คิดถึง แต่พูดไม่ได้น่ะสิ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากจะลองโทรศัพท์ใหม่...คุณลุงไม่พกโทรศัพท์ติดตัวแล้วซื้อมาจะมีประโยชน์อะไร”
“ค่อยโทรกลับทีหลังก็ได้ ไม่ใช่นักธุรกิจพันล้านซักหน่อยจะได้มีธุระยุ่งทั้งวัน”
“คุณลุงไม่ใช่นักธุรกิจพันล้านแต่ก็เหมือนนั่นแหละค่ะ ไม่เคยว่างเลย”
“ช่วยไม่ได้นี่นาเกิดมาจน ก็ต้องขยันทำมาหากินเก็บออมไว้เผื่อแก่ตัวไปจะได้ไม่ลำบากเป็นภาระของสังคม”
“ก็หาคนดูแลสิคะ”
“ไม่มีปัญญาจ้างพยาบาลแพง ๆ หรอก”
“หนูหมายถึงภรรยาต่างหาก”
“ภรรยา?”
“ใช่ค่ะ”
“โธ่! คุณหนู จะไปหาที่ไหน คนจรไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างลุง อีกอย่างลุงไม่มีปัญญาหาเงินที่ไหนไปขอสาวหรอกครับ”
“ก็หาคนที่รักจริงใจ ไม่หวังทรัพย์สินเงินทองของนอกกายไงคะ”
“เฮ้อ! อะไร ๆ ก็ต้องใช้เงิน คนเราไม่มีความรักอยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีเงินใช้ อยู่ไม่ได้นะครับ ใครจะทนกินน้ำพริกผักนึ่งไปจนวันตาย”
“แต่ถ้ารักกันจริง หนูว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ เพราะว่าถ้าเราได้รักคนที่เรารัก เราก็มีความสุข พอมีความสุข ก็จะมีพลัง มีกำลังใจต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้”
“หึ คุณหนูพูดอย่างนี้เคยมีแฟนหรือครับ”
“ไม่เคยค่ะ”
“โธ่เอ๊ย! ไม่เคยแล้วก็พูดเป็นตุเป็นตะ บ้าละครหรือเปล่า ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในนิยายนะ”
“ทำไมจะไม่เหมือนคะ ชีวิตคนก็คือละคร นิยายที่แต่งมาก็มีแรงบันดาลใจมาจากเค้าโครงเรื่องจริงทั้งนั้นแหละ”
ชายสูงวัยระอาใจกับการต่อปากต่อคำเก่งของเพื่อนบ้านรุ่นหลาน จึงหยิกแก้มยุ้ยทั้งสองข้างโยกไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ย ๆ ปล่อยนะ”
หญิงสาวพยายามจับมือเขาออกแต่ลุงหนูกลับยิ่งแกล้งด้วยการบีบแก้มและปากเธอให้บู้บี้
“ไหนดูซิจะปากดีอีกไหม”
“อ่อยอู๋อ๊ะ”
“อะไรนะ?”
“อ่อยอู๋”
“อ่อย อ่อยใคร...ใครอ่อยใคร” แกล้งทำยียวนกวนประสาทใส่บ้าง
“อ่อยอู๋ ๆ เอ็บ”
รุ้งขวัญเริ่มใช้มือตบตีใส่ชายสูงวัย แต่เขาก็ยังไม่เลิกแกล้งเสียที
“เอ็บ ๆ อ้บ ๆ แอ้บ ๆ กบร้องหรือ”
“อุนอุง”
“อุ๋งอิ๋ง กรุ๊งกริ๊ง ก๊องแก๊ง”
“อุนอุง!”
“ฮะ ฮะ ฮะ”
หัวเราะร่วนชอบใจใหญ่ ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ รู้สึกสนุกนักหนาที่เอาคืนยัยเด็กแสบได้บ้าง
“เจ็บหมดเลย หน้าหนูเป็นรอยหมดแล้ว ฮือ ๆ”
รุ้งขวัญซ้อนท้ายจักรยานยนต์รับจ้างกลับบ้าน มองรถเบนซ์สีขาวคันงามที่จอดชิดริมรั้วตนอย่างสงสัย
“คุณหนูกลับมาแล้วหรือคะ?” ป้าอรถามขณะเลิกงานพร้อมกันกับที่รุ้งขวัญเลิกเรียนกลับมาพอดี
“กลับมาแล้วค่ะ บ้านเรามีแขกหรือคะ?”
“มีค่ะ โน่นไง”
ชี้มือไปยังโถงกลางบ้านที่มีกลุ่มสตรีวัยเดียวกันกับยายนวลนั่งล้อมวงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดเช่นเดิม เธอจึงเดินขึ้นไปอาบน้ำและลงมาทานข้าวเย็นเพียงคนเดียว เสร็จแล้วก็เปิดโทรทัศน์นั่งดูอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
ผ่านไปชั่วโมง กลุ่มนั้นก็ส่งเสียงร้องโอดโอยบิดเนื้อบิดตัว ลุกเข้าห้องครัวไปหาอะไรกิน
“หนูขวัญทานข้าวด้วยกัน” เพื่อนในกลุ่มของคุณยายคนหนึ่งร้องชวน
“หนูกินเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ตอบเสร็จก็หันไปให้ความสนใจรายการทีวีของตนต่อ เมื่อกลุ่มยายนวลอิ่มหนำสำราญเจ้าของบ้านก็ขอแยกตัวขึ้นไปพักผ่อนชั้นบน
“ยายขวัญ ปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้วขึ้นไปนวดให้ยายหน่อยนะ”
“ค่ะ”
หญิงสาวรับปาก ลุกไปส่งแขกหน้าบ้านก็เห็นรถเก๋งคันนั้นไม่อยู่แล้ว ส่วนหมู่เพื่อนของคุณยายก็จูงจักรยานไฟฟ้าและจักรยานยนต์ออกมาขี่กลับบ้าน
เพราะฉะนั้นที่เข้าใจแต่แรกว่ารถคันนั้นเป็นของเพื่อนคุณยายจึงไม่ใช่ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ปิดประตูรั้วและประตูบ้านเข้าไปเก็บกวาดในห้องครัวแล้วก็ขึ้นไปนวดคลายเส้นให้ยายนวลต่อจนหลับใหล จากนั้นก็ปิดไฟให้ เดินกลับไปยังห้องของตน หยิบโทรศัพท์นั่งพิงหัวเตียงกดเบอร์หาผู้ชาย แต่แล้วเขาคนนั้นก็ไม่รับสายอีกเหมือนเดิม
‘เฮ้อ! เบื่อจังเลย’
ถอนหายใจแล้วเปิดยูทูบเสียบหูฟัง ค้นหาเพลงเพราะยุคแปดสิบที่เคยได้ยินจากร้านกาแฟในวันนั้น นั่งฟังใต้แสงโคมไฟสีเหลืองนวลที่ส่องจากโต๊ะข้างเตียงอย่างเดียวดาย