แอบรักลุงข้างบ้าน ตอน7
ตอนที่ 7
อัศวินกองขยะ
รุ้งขวัญเดินออกมาส่งอ้อมกับหนูนิดที่ขอตัวกลับก่อนเพราะรู้สึกไม่สนุก จากทีแรกคิดว่าจะมาเที่ยวกันเฉพาะหมู่เพื่อนสาว แต่ไป ๆ มา ๆ ดันมีรุ่นพี่ผู้ชายจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเข้ามาทำความรู้จักสนิทสนม
ดูก็รู้ว่าพวกนี้คิดจะเข้ามาจีบเล่นเพราะเห็นว่าเป็นเด็กเฟรชชี่
เธอเองก็รู้สึกไม่สนุกเหมือนกันแต่เมื่อมิ้งกับ
ปานวาดอยากจะลองเล่นสนุกด้วยก็เลยไม่ขัด และเมื่อเธอกลับเข้าไปรวมกลุ่มที่โต๊ะ เพื่อนที่เหลือก็นั่งจับกันเป็นคู่แล้ว เหลือโจอี้คนเดียวที่รอเธออยู่อย่างกระวนกระวายใจ จนรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ไม่กลับไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน
หญิงสาวยอมรับว่าโจอี้เป็นคนหน้าตาดีมาก ถ้าได้ควงคงจะเก๋ไม่เบา แต่ทว่ากลับรู้สึกไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลยและออกจะน่ารำคาญเสียด้วยซ้ำกับการพยายามทำตัวเท่ห์ ๆ หล่อ ๆ ของเขา จึงทำเป็นไม่สนใจ ทำตัวสนุกอยู่กับเสียงเพลงและบรรยากาศรอบกายไปคนเดียว แต่แล้วความอดทนก็สิ้นสุดลงเมื่อเขาพยายามชวนดื่มบ่อย ๆ ทั้งยังเข้ามาใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้นอีก รุ้งขวัญจึงหาทางเลี่ยงโดยการขอตัวไปเข้าห้องน้ำและฉวยโอกาสแอบหนีออกมา คิดว่าอีกสักพักค่อยโทรไปบอกเพื่อนว่าเธอกลับบ้านไปก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะหนูชื่อรุ้งขวัญ เป็นคนที่ไปโรงพยาบาลกับลุงหนูเมื่อวันก่อน คุณน้าว่างไหมคะ? ช่วยมารับหนูที่.....อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูติดต่อคันอื่นแทน”
ฝ่ายนั้นไม่ว่าง เพราะมีลูกค้าเหมาไปพัทยา เธอจึงคิดว่าจะโทรเรียกแกร็บคาร์เจ้าประจำ หรือไม่อย่างนั้นก็จะเดินออกไปโบกรถกลับเอง แต่โจอี้ก็ตามมาเจอเข้าเสียก่อน
“น้องรุ้งออกมาทำไมครับเนี่ย พี่ตามหาตัวแทบแย่แหนะ ไหนว่าจะไปเข้าห้องน้ำยังไง?”
เธอแอบทำหน้าเมื่อยเมื่อเขาพยายามตามติดเป็นตังเม เหมือนลูกแหง่ขาดแม่ไม่ได้
“รุ้งว่าจะกลับแล้วค่ะ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อ่านหนังสือ ฝากบอกเพื่อนข้างในด้วยนะคะว่าหนูกลับไปก่อนแล้ว”
“อ้าว! ทำไมรีบกลับอย่างนี้ล่ะครับ ยังไม่ทันได้สนุกอะไรกันเลย”
พูดอย่างเสียดาย พร้อมคิดว่าจะลากเธอกลับไปด้วยได้อย่างไร ในขณะที่เจ้าตัวยังไม่มึนเมาเหมือนแผนการที่วางไว้ก่อนหน้า
“เอาไว้วันหลังละกันค่ะ วันนี้รุ้งขอตัวก่อน พี่โจอี้เข้าไปสนุกข้างในต่อกับเพื่อน ๆ เถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องรุ้งดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวน พอดีรุ้งโทรเรียกรถให้มารับแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมา ไว้เจอกันวันหลังนะคะพี่โจอี้ สวัสดีค่ะ”
พูดจบก็รีบก้าวเดินหนี ก่อนที่ชายหนุ่มจะตามตื๊อเธอไปมากกว่านี้ และมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ ยังเดินตามหลังมาและอ้อมดักข้างหน้าไว้ได้ทัน
“เปลี่ยนใจให้พี่ไปส่งเถอะครับจะได้ปลอดภัย พี่เป็นห่วง”
ปลอดภัยกับผีน่ะสิ ดูก็รู้ว่าแกคิดจะฟันฉันอยู่
“ไม่ต้องห่วงค่ะ รุ้งดูแลตัวเองได้ พี่รีบกลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ”
“ทำไม! มันเป็นอะไร! ถึงได้แสดงท่าทางรังเกียจกันนักหนา มีคนมาเอาอกเอาใจอย่างนี้ไม่ชอบหรือ เล่นตัวดีนักนะ ทำเป็นหยิ่ง”
ชายหนุ่มแสดงอารมณ์โกรธเมื่อสุดระงับได้ เพราะรู้สึกเสียหน้าเนื่องจากไม่เคยมีใครปฏิเสธหนุ่มหล่อเช่นตนอย่างนี้มาก่อน กลัวเพื่อนชายด้วยกันจะเยาะเย้ยถากถางแล้วยังต้องมาแพ้พนันอีกด้วย
ทางด้านรุ้งขวัญเองก็ตกใจไปกับกิริยาหยาบคายของรุ่นพี่ รู้สึกรับรู้ถึงอันตรายจากคนใกล้ตัวที่พุ่งตรงมาหาจึงรีบจ้ำอ้าวหนี แต่กลับถูกฉุดกระชากข้อมือแน่นเหมือนคีมเหล็ก ง้างอย่างไรก็ง้างไม่ออก
“ปล่อยนะ!”
“อย่ามาสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย จับนิดจับหน่อยเอง ทีเธอไปเอนเตอร์เทนให้ไอ้ป๋าไอ้เสี่ยทั้งหลาย โดนจับมามากกว่านี้ยังไม่เห็นเป็นไรเลย”
“พูดบ้าอะไรของนายน่ะ หยาบคาย!”
ตวาดโกรธอย่างฉุนเฉียวหน้าตาแดงก่ำ พยายามสะบัดมือออก
“รับไม่ได้หรือ? อย่ามาทำซื่อใสไร้เดียงสา ใคร ๆ เค้าก็รู้กันว่าเธอทำงานเป็นเด็กเอน อ้อ! หรือเพราะไปกับหนุ่ม ๆ อย่างฉันมันไม่ได้ค่าตัวสินะ”
“เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย! หยุดนะ ถ้าไม่หยุดคุกคามฉันจะร้องให้คนช่วย”
“เอาซิ! เอาเลย! ฉันก็จะประกาศให้คนเขารู้เหมือนกันว่าเธอทำงานอะไร และฉันก็จะไม่ป่าวประกาศแค่ตรงนี้ด้วย จะกระจายข่าวให้รู้ทั่วมหาลัยเลย ดูซิว่าเธอจะทนเรียนอยู่ที่นี่ได้จนจบมั้ย”
รุ้งขวัญช็อกกับคำขู่ที่ไม่เป็นจริง รู้สึกหวาดวิตก หากเขาทำอย่างที่พูด ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่เคยคิดว่าจะสนุกคงวุ่นวายและไม่มีวันสงบสุขแน่ เพราะไม่รู้ว่าเธอจะถูกมองอย่างเข้าใจผิดจากคนรอบตัวอย่างไรบ้าง คิดอีกที หรือนี่จะเป็นแค่แผนแกล้งเล่นของรุ่นพี่สายรหัสที่ใช้หมอนี่มา ถ้าเป็นอย่างนั้น เล่นกันแรงถึงขนาดนี้ก็คงต้องได้เห็นดีกันบ้างแล้วล่ะ เพราะมันออกจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว
ขณะที่เธอคิดสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น นึกอะไรไม่ออก ไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายนี้อย่างไร จู่ ๆ อัศวินขี่ม้าขาวก็ออกมาช่วยเธอไว้ทัน โดยการปรากฏกายออกมาจากหลังถังขยะ
พระเอกคนนั้นได้แอบฟังอยู่ตั้งแต่ครั้งแรก ที่ได้ยินเสียงตวาดดังของโจอี้ให้ดึงความสนใจของเขาไปจากงานที่กำลังทำอยู่
ชายสูงวัยก้าวออกมายืนท่ามกลางคนทั้งสองอย่างเงียบเชียบโดยที่มืออีกข้างหนึ่งหิ้วถุงดำอยู่
“คุณลุง!”
รุ้งขวัญดีใจแทบจะน้ำตาร่วง เมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าในเวลาคับขันเช่นนี้
“คุณลุงช่วยขวัญด้วยค่ะ คุณลุง”
โจอี้มองหน้ารุ่นน้อง มองหน้าชายนิรนาม และมองคนทั้งสองสลับกันไปมา ไม่แน่ใจว่ารู้จักกันจริงหรือหญิงสาวแสร้งหาทางเอาตัวรอด
“ปล่อยมือ” เสียงสั่งห้าวต่ำดูมีอำนาจ ช่างขัดกับภาพลักษณ์มอซอแสนอนาถาอย่างที่เห็น
“หลีกไปไอ้ขยะ! อย่ามายุ่ง!”
“คุณลุงช่วยหนูด้วย หนูกลัวเค้า”
หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ พยายามสะบัดหนีแต่ไม่อาจต้านแรงผู้ชายได้ และเมื่อเขาบีบรัดแน่นขึ้นมาอย่างรุนแรงด้วยความโมโหเธอก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำท่าจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
“โอ๊ย!”
“ปล่อย...มือ”
อัศวินกองขยะย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม พร้อมกับล้วงมือเข้าไปในถุง หยิบขวดเบียร์ออกมาฟาดกับเสาไฟฟ้าเต็มแรง ยื่นปลายแหลมคมเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเอาจริง
“จะให้เสียบที่ท้องหรือหน้าหล่อ ๆ”
คำพูดกดดัน แววตากร้าวกระด้างพร้อมท่าทางเอาจริงไม่ใช่แค่ขู่กันเล่นเฉย ๆ เสียแล้ว ทำให้คนที่หนุ่มกว่ายินยอมปล่อยมือแต่โดยดีและก้าวถอยหลังไป ทว่าเลือดร้อนกลับยิ่งประทุหนักขึ้นเมื่อเห็นคนที่ตนกำลังล่าแต้มโผเข้าไปหาเขาและกอดเอวแน่น แถมยังร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหยามน้ำหน้าจากหญิงสาวและชายแก่ทั้งคู่
“รสนิยมต่ำ”
หนุ่มวัยรุ่นพูดเหยียดหยาม มองสบตากับชายสูงวัยที่ท่าทางดุดันเอาเรื่องเหมือนกัน จึงถอยออกมาอย่างหัวเสีย ไม่คิดต่อกรด้วยเพราะตนกลายเป็นผู้แพ้ไปแล้ว คิดสู้ไปก็เท่านั้น
“ไม่เป็นไร เขาไปแล้ว”
เอ่ยเสียงอ่อนโยน พร้อมลูบหัวคนตัวเล็กที่เงยหน้าชุ่มน้ำตาขึ้นมามอง
“กลับบ้านไหม?”
รุ้งขวัญพยักหงึกหงักแทนคำตอบ ยืนก้มหน้าปาดน้ำตาพยายามกลั้นความเจ็บปวดที่ข้อมือของตนเองและความรู้สึกภายในใจที่ถูกหยามเกียรติอย่างไร้ศักดิ์ศรีด้วยสภาพที่น่าสงสาร
ผู้อาวุโสสำรวจคนตรงหน้าพลางถอนหายใจเล็กน้อยกับชุดเดรสสั้นรัดรูปของเธอ เขาทิ้งถุงขยะที่ถืออยู่ในมือแกะผ้าขาวม้าที่มัดเอวตัวเองออกพันเข้ากับเอวคอด จากนั้นถอดเสื้อนอกคลุมทับ จับจูงไปยังจักรยานเก่า ๆ ให้เธอนั่งซ้อนท้ายกลับบ้าน ระหว่างที่ออกตัวปั่นก็ได้ยินเสียงล้อเลียนจากคนที่เห็นเหตุการณ์แถวนั้นลอยตามหลังออกมาด้วย
“วีดวิ้ว...วันนี้คงจะได้กำไร เก็บของดีได้เว้ยเฮ่ย”
หญิงสาวอายซบหน้ากับแผ่นหลังจับยึดเสื้อกล้ามไว้แน่น ในวินาทีวิกฤตเมื่อกี้เธอนึกหน้าคนที่อยากพึ่งพาไม่ออกเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ หรือคุณยาย
คุณยายคงไม่ต้องพูดถึงเพราะเธอเพิ่งมาอยู่ด้วยได้ไม่นาน และก็โตมากแล้วท่านเลยไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่
คุณแม่นั้นก็ใส่ใจกับสามีใหม่และลูกสาวที่ร่างกายบอบบางไม่ค่อยแข็งแรงอย่างรจนา
ส่วนคุณพ่อก็ยุ่งกับธุรกิจการงานจนเผลอลืมลูกสาวอีกคนที่เกิดจากภรรยาเก่าในหลาย ๆ ครั้ง รุ้งขวัญก็เลยไม่รู้จะคิดถึงใคร
บางครั้งก็อยากจะอ้อน อยากจะกอด อยากจะพูดคุยปรึกษาปัญหาชีวิต อยากมีคนห่วงใย อยากเรียกร้อง อยากเป็นที่รัก และอยากมีใครที่เห็นว่าเธอสำคัญจริง ๆ ไม่ใช่การแสดงละครเพื่อหวังจุดประสงค์บางอย่างแบบโจอี้
คนคนนั้นอยู่ไหนกันนะ คนที่จะมอบความรักและความอบอุ่นให้กับคนที่ไม่มีใครต้องการเช่นฉัน ในชีวิตนี้จะมีคนที่รักฉันจริงบ้างไหม?
จักรยานที่ปั่นไปตามทางอย่างช้า ๆ ได้ชะลอหยุดลง หญิงสาวสงสัยว่ามาจอดทำไมตรงนี้ ชายสูงวัยกลับบอกให้เธอยืนเฝ้าจักรยานให้แล้วหายตัวไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมเครปญี่ปุ่นและน้ำส้มคั้นในมือ
เขาพารุ้งขวัญไปแวะจอดทานของว่างมื้อดึกด้วยกันที่ม้านั่งสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำ มองทิวทัศน์จากแสงไฟประดับประดาในเวลากลางคืนรับลมเย็นผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่สบายรื่นรมย์
ลุงหนูนั่งกินไปพร้อมสายตาที่ทอดไกลไปถึงไหนก็ไม่รู้ ในขณะที่เธอกลับชำเลืองแลมองอยู่ที่คนข้างตัว
“หนูไม่ได้ทำ”
เสียงอู้อี้ของคนที่พูดไปด้วยกินไปด้วย ดึงสติที่กำลังเหม่อลอยกลับมาให้ความสนใจกับคนใกล้ตัว
“หนูไม่ได้ทำอย่างที่ผู้ชายคนนั้นว่านะคะ...ฮึ”
ท้ายเสียงทำจมูกย่นอย่างไม่พอใจ รู้สึกโกรธและแค้นเคืองไม่หาย เพิ่งเจอหน้ากันวันแรกแท้ ๆ กลับมาว่าร้ายใส่กันได้
“อะไรหรือ?”
มิตรต่างวัยถามกลับอย่างงุนงง ด้วยว่าลืมเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ตนกลายเป็นอัศวินขี่จักรยานเก่า ๆ ไปช่วยสาวน้อยไว้ได้ทัน
“ก็เด็กเอนไง”
“เด็กเอน?”
เขาทำหน้าไม่เข้าใจจริง ๆ จึงถามต่อเพื่อให้เธอขยายความ
“คืออะไร?”
“ก็...”
เธอมองหน้าผู้อาวุโสตรง ๆ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างลำบาก
“ก็...”
“ก็อะไรล่ะ?”
“งานบริการอย่างหนึ่งค่ะ”
“บริการยังไง?”
เขาถามต่อน้ำเสียงชักจะฉุนแล้ว ด้วยหมดความอดทนกับอาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของรุ้งขวัญ
“ก็แล้วแต่ว่าเขาจะบริการอย่างไร เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว ชงเหล้า ปาร์ตี้ แล้วก็.....”
ทิ้งท้ายประโยคไม่กล้าพูดออกไป ด้วยความรู้สึกอายกระดากปาก พยายามคิดคำศัพท์มาอธิบายให้ดูไม่น่าเกลียด แต่ชายสูงวัยที่ผ่านโลกและผู้หญิงมาอย่างโชกโชนก็เข้าใจคำที่หายไปได้ดี ยืดตัวตรงบิดคอซ้ายขวาขับไล่ความเมื่อยกาย
“เข้าใจละ”
“หนูไม่ได้ทำจริง ๆ นะคะ” ย้ำชัดเจนอีกประโยค
“เชื่อ!” กินขนมเลอะแก้มเหมือนเด็ก ๆ อย่างนี้จะไปรู้ประสาอะไร คิดในใจแล้วก็หลุดคำพูดหนึ่งออกมา
“คนที่ไม่เคยกับคนที่เคยมันต่างกัน”
“อะไรนะคะ?”
เขายกมือขยี้จมูกหนึ่งทีคิดหาคำดี ๆ มาอธิบายแทนความคิดสกปรกนั้น
“ก็อย่างเหตุการณ์เมื่อกี้ไง นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหนูถูกกล่าวหาว่าร้าย อาจจะตกใจ ขวัญเสีย ร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก แต่ถ้าถูกว่าบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ เข้าจะกลายเป็นเริ่มชิน จากที่เคยโกรธมากก็อาจจะเหลือแค่โกรธนิดเดียวหรือไม่โกรธแล้ว และสามารถเมินเฉยกับคำกล่าวเท็จนั้นได้ในภายหลัง”
“แล้วทำไมเขาจะต้องมาว่าเราด้วยคะ ในเมื่อเราเองก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้”
“ก็อาจจะเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด การไม่รู้เท็จจริง หูเบา หรือเพราะสนุกปากที่ได้นินทาคนอื่นเล่น ถ้าเราทำอะไรไม่ได้ก็ต้องทำใจ ไม่เก็บเอาคำพูดของคนภายนอกที่ไม่รู้จักเราดีพอมาคิดมาก แคร์เฉพาะกับคนที่รักและเข้าใจเราจริง ๆ แค่นั้นก็พอ”
“คุณลุงเข้าใจหนูใช่ไหมคะ?”
“เข้าใจ”
เธอยิ้มคลี่ยิ้มบางออกมา รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจลงไปตั้งเยอะ
“หนูก็เข้าใจคุณลุงเหมือนกันค่ะ”
“เข้าใจอะไร?”
ถามกลับ แต่สาวน้อยไม่ตอบ กลับยิ้มบานยกนิ้วก้อยชูขึ้นตรงหน้า
“เราสองคนมาเกี่ยวก้อยทำสัญญากัน”
เขามองทำหน้างง รุ้งขวัญจึงยกมือของเขาขึ้นมาเกี่ยวก้อยทำสัญญามิตรภาพต่างวัยด้วยตัวเอง