หัวใจบ่มรัก ตอนที่ 2 ฉันไม่ใช่เด็กกะโปโลแล้วนะ (5)
ดาวโหลด Ebook คลิ๊กที่ภาพด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ
+++++++++
วรรณวลีสวนกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดดัก เมื่อพศวัตยังคงทำท่าจะคุยเรื่องการใช้สรรพนามที่ใช้เรียกกันระหว่างเธอกับเขา
“คุณบอกว่าจะคุยกับฉัน มันคงไม่ใช่เรื่องนี้หรอกใช่ไหม”
“ไม่ใช่”
“เรื่องงาน”
คราวนี้พศวัตพยักหน้ารับ ทั้งที่ยังคงไม่เคลียร์เรื่องที่หญิงสาวเปลี่ยนจากที่ในอดีตเคยเรียกเขาว่า ‘พี่’ มาตอนนี้เป็น ‘คุณ’ ที่ฟังดูแสนจะห่างเหินไปเสียแล้ว
“งั้นก็รีบว่ามาสิคะ ฉันจะได้รีบกลับไปพักผ่อนเสียที”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ป้องปากหาวอย่างไม่ได้เสแสร้งหรือแกล้งเร่งให้ชายหนุ่มคุยธุระให้เสร็จ หากแต่ตอนนี้เธอรู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆ เพราะตั้งแต่เดินทางมาถึงยังไม่ได้หลับสักงีบ
“พี่ก็แค่อยากถามเราเฉยๆ ว่าคิดยังไงถึงอยากไปทำงานกับพี่”
ถึงวรรณวลีจะเรียกแทนตัวเขากับเธอซะห่างเหิน แต่พศวัตก็เลือกที่จะไม่บ้าจี้ตามเขายังคงเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เหมือนแต่ก่อน
“ถามอย่างนี้หมายความว่าคุณไม่อยากให้ฉันไปทำงานด้วยใช่ไหมคะ”
“พี่พูดอย่างนั้นเมื่อไหร่กัน”
“ถึงไม่พูดแต่สีหน้าของคุณมันบ่งบอกตลอดเวลาว่ารู้สึกอย่างนั้น ฉันไม่ใช่เด็กอมมือนะถึงจะไม่รู้…แต่ก็เอาเถอะยังไงฉันก็คงยังไม่ไปทำงานอาทิตย์นี้หรอกนะคะ ถ้าคุณมีปัญหาไม่อยากให้ฉันไปทำงานด้วยก็ไปคุยกับคุณลุงและพ่อแม่ของฉันเอาเองแล้วกันนะคะ”
บอกพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร หากแต่ข้างในเธอรู้สึกน้อยใจมากเลยทีเดียวที่สังเกตเห็นว่าไม่ว่าตอนอยู่ที่โต๊ะอาหารหรือตอนที่นั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น เวลาที่พ่อแม่ของเธอหรือพ่อของเขาเองก็ตามที่เอ่ยถึงเรื่องที่เธอจะไปทำงานกับเขา พศวัตจะต้องมีสีหน้าแปลกๆ เหมือนกำลังพยายามเก็บอาการเก็บความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ และไอ้ความรู้สึกนั้นก็คงไม่พ้นความอึดอัดหรือลำบากใจเป็นแน่แท้
“มันไม่ใช่อย่างที่เราพูดมาเสียหน่อย พี่แค่กำลังคิดว่าจะให้เราไปช่วยงานตำแหน่งไหนดีถึงจะเหมาะกับคุณสมบัติของเราต่างหากเล่า เพราะเอาตามจริงตำแหน่งที่ว่างในบริษัทของพี่มันไม่มีตำแหน่งไหนเหมาะกับคุณสมบัติของเราเลยนะ คือคุณสมบัติของเราน่ะมันสูงเกินตำแหน่งงานน่ะ”
พศวัตแก้ตัวเท่าที่คิดว่าฟังดูเข้าท่าและมีเหตุผลที่สุด ทั้งที่จริงแล้วเขาจะให้เธอมาเป็นผู้ช่วยก็ย่อมได้ แต่เวลานี้วรรณวลีเป็นสาวเต็มตัวและสวยผุดผาดจนเขาเองก็ยังรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ จึงกังวลว่าจะหักห้ามใจและปฏิบัติกับหญิงสาวได้อย่างเช่นวันวานหรือเปล่า
“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เพราะนั่นมันคือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันเลือกที่จะไปหาประสบการณ์จากบริษัทอื่นก็เพราะต้องการเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นไม่ต้องการสิทธิพิเศษที่เดินเหินไปไหนหรือทำอะไรก็มีแต่คนมาเอาใจ ทำอะไรก็ไม่ผิด ฉะนั้นถึงตำแหน่งที่คุณว่าว่างมันจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดในบริษัทฉันก็เต็มใจจะทำไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก็ดีเหมือนกันนะคะฉันจะได้เรียนรู้และสัมผัสกับงานและคนในหลายๆ ระดับด้วย”
ฟังหญิงสาวร่ายมาเสียยาวจบ พศวัตก็กดยิ้มมุมปากพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก้าวเท้าเข้าชิดหญิงสาวอีกก้าว พร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาที่มีแววซุกซนขี้เล่นเข้าไปจนเกือบจะชิดใบหน้าสวยได้รูปของวรรณวลีที่ผงะและถอยหลังอย่างตกใจ
“ที่พูดมาน่ะแน่ใจนะว่าจะทำจริงๆ”
“นะ…แน่สิ คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ไม่เหมือน…ช่างเถอะ คุณมีธุระจะพูดกับฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ฉันจะได้ขอตัวไปนอนเสียที”
“เดี๋ยวสิ พี่รู้นะว่าเราน่ะยังโกรธพี่เรื่องเมื่อหลายปีก่อนและเรื่องวันนี้อยู่ พี่ขอโทษที่ผิดคำพูดแล้วผิดคำพูดอีก แต่ทั้งสองครั้งพี่อธิบายได้นะ”
แม้จะไม่พูดออกมาตรงๆ และปฏิเสธว่าไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองเขา แต่จากคำพูดเมื่อครู่ทำให้พศวัตรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกไปเอง อีกทั้งสิ่งที่เขาพูดออกมาก็รู้สึกผิดจริงๆ และเต็มใจจะอธิบายให้หญิงสาวได้รับรู้
แต่ดูเหมือนวรรณวลีจะไม่คิดอย่างนั้นเธอไม่อยากจะได้ยินคำแก้ตัวจากเขาแค่รู้ว่าวันนี้เขาไปรับเธอไม่ได้เพราะมีธุระกับผู้หญิงอีกคนที่คงจะสำคัญกว่าเด็กกะโปโลอย่างเธอ เธอก็ไม่อยากจะรับฟังอะไรทั้งนั้น
“ไม่จำเป็น คุณจะไปไหนมันก็สิทธิ์ของคุณไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย ดึกแล้วฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
เอ่ยจบร่างบอบบางก็หมุนตัวจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็ทำได้เท่านั้นเพราะมือใหญ่ของพศวัตมารั้งแขนเรียวเล็กของเธอเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิเปรี้ยว”
วรรณวลีชะงัก ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมามองแขนของตัวเองที่โดนชายหนุ่มจับและรั้งเอาไว้ แล้วรีบบิดสะบัดให้มันหลุดออกจากการเกาะกุมนั้นทันที เธอไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรมากมายแต่รู้สึกคล้ายกับว่ามีกระแสไฟวิ่งผ่าน
“มีอะไรคะ”
เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบคล้ายกับไม่รู้สึกอะไรทั้งที่จริงแล้วใจเต้นตึกตัก พร้อมกับถอยหลังพยายามรักษาระยะห่างจากชายหนุ่มเล็กน้อย
ถึงอย่างนั้นพศวัตก็ไม่ยี่หระยังเดินยิ้มเข้าไปจับไหล่บางทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้ โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะขัดขืน
“คุณจะทำอะไร ปล่อย…”
คำพูดต่อจากนั้นไม่สามารถหลุดออกมาจากลำคอของหญิงสาวได้ เมื่อพศวัตโน้มใบหน้าเข้าไปจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตอนนั้นคือร่างบอบบางได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจและคาดไม่ถึง
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะยัยเด็กกะโปโล”
เอ่ยจบชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินผละออกไปจนข้ามไปอยู่ในอาณาเขตของบ้านตัวเอง พศวัตก็เอี้ยวตัวกลับมามองอีกครั้ง เมื่อยังเห็นหญิงสาวยังอยู่ท่าเดิมจึงตะโกนล้อเสียงกลั้วหัวเราะ
“เอ้า ยืนนิ่งเลยไปนอนได้แล้วยัยเด็กกะโปโล”
“ฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อยตาแก่บ้า!”
หลังจากสติสตังที่กระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่เข้าทาง วรรณวลีก็ตะโกนโต้ตอบเสียงดังอย่างไม่พอใจระคนอาย ก่อนจะหมุนตัวเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าบ้าน พยายามไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะชอบใจของอีกฝ่ายที่ดังไล่หลังมา
“ตาแก่บ้าเอ๊ย! มาหาว่าเราเป็นเด็กกะโปโล คอยดูแล้วกันจะทำให้ถอนคำพูดนี้ให้ได้ ระวังตัวให้ดีเถอะไอ้พี่พต!”
+++++++++
อ่านล่วงหน้าที่เว็บอื่น ๆ
ธัญวลัย : https://www.tunwalai.com/story/1221
เด็กดี : https://writer.dek-d.com/kesmani/writer/view.php?id=835664
Readawrite : https://bit.ly/3T6CC3h