แอบรักลุงข้างบ้าน
ตอนที่ 1 ขาดความอบอุ่น
“ในเมื่อไม่มีใครต้องการหนู ไม่อยู่แล้วก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องขวางหูขวางตาใครต่อใคร”
สาวน้อยวัยสิบแปดปีวิ่งร้องไห้เข้าไปในห้อง เมื่อผู้เป็นแม่เลี้ยงใส่ความว่าตนเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ช่วยงาน วิรดากับรุจิราพี่สาวต่างแม่
พ่อของเธอจะไปรู้อะไร ว่าลูกสาวอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ต่างจากซินเดอเรลลา ถูกโขกสับกลั่นแกล้งสารพัด ต่อหน้าทำเป็นดี รักใคร่หวานชื่น
ลูกขวัญ อย่างนั้นลูกขวัญอย่างนี้ น้องรุ้งอย่างนั้น น้องรุ้งอย่างนี้ แต่พอลับหลังเท่านั้นกลับถูกใช้งานเยี่ยงทาสในเรือนเบี้ย
รุ้งขวัญจึงเกลียดนักเกลียดหนากับละครทีวีน้ำเน่าของประเทศไทย เมื่อไหร่ก็เอาเรื่องเดิมมาสร้างใหม่ฉายวนซ้ำอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จะสนุกอะไรกันนักหนา ชอบใจหรือไงที่เห็นนางเอกอ่อนแอไม่มีทางสู้ ไม่มีปัญญาทำอะไรเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เรียกน้ำตาจากพระเอก
กระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกทุ่มไว้บนเตียง รุ้งขวัญหยิบฉวยข้าวของของตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดใส่กระเป๋าอย่างลวก ๆ เสื้อผ้ามีแค่ชุดชั้นในกับชุดนอนเท่านั้นที่เป็นของเธอ นอกนั้นล้วนเป็นของมือสองของรุจิราแทบทั้งสิ้น
เด็กสาวรื้อที่นอนออก แงะฝากระดาน ควานหากระปุกออมสินที่ซ่อนค่าขนมไว้ข้างใต้จากรุจิรา ที่ชอบเข้ามาซอกซอนสอดส่องเรื่องส่วนตัวของเธอไปเสียทุกเรื่อง พอกันที...ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมาเหยียบที่นี่อีก
ดำรงชัย พ่อของเธอเรียกแกร็บคาร์เจ้าประจำให้แล้วก็ปลีกตัวไปหลังบ้านทันทีด้วยความโกรธและเสียใจ ปล่อยให้แม่เลี้ยงกับพี่สาวมหาภัยยืนกอดอกเยาะเย้ยอยู่หน้าบ้าน
“ไปดีมาดีนะจ๊ะรุ้งขวัญ” แม่เลี้ยงกล่าวให้พร
“แต่ถ้าจะให้ดีก็ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมาเลย” รุจิราสำทับอย่างหน้าระรื่น
สาวน้อยเชิดคอสะบัดหน้าใส่ ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปเฉียดคนทั้งสอง
“โอ๊ย! นังนี่หนิ”
พี่สาวคนละแม่ร้องลั่นเมื่อล้อลากบดเข้ากับเท้างามของหล่อน
“เมื่อหนูไม่อยู่แล้ว ก็ขอให้มีความสุขกันทั้งแม่ทั้งลูกนะคะ” รุ้งขวัญเปิดประตูรถด้านหลังหันมากล่าวลาก่อนไป
“แน่นอน” วิรดาตอบ
สาวน้อยยิ้มเยาะ ทีนี้พ่อจะได้รู้เสียทีว่าการไม่มีเธออยู่มันเป็นยังไง
วิรดาเป็นคนเกียจคร้านงานบ้านไม่ทำ รุจิราก็ไม่ต่างจากแม่ แม้แต่ชุดชั้นตัวเองยังไม่ซักเลย เวลาหญิงสาวหายไปสองแม่ลูกรู้สึกสบายอกสบายใจแต่ไม่สบายกาย แล้วสักพักแม่เลี้ยงก็จะพูดเสียงอ่อนเสียงหวานให้พ่อตามเธอกลับมาอยู่บ้านอีก
‘คิดถึงลูกขวัญจังเลยค่ะ ทำไมไปอยู่บ้านนั้นนานจังเลยคะ’
‘นั่นสิคะคุณพ่อ หนูก็คิดถึงน้องเหมือนกัน’ รุจิราพูดเมื่อทนทำงานบ้านมาหลายวันแล้วจนมือด้าน
‘ก็คงอยากจะอยู่กับแม่นาน ๆ มั้ง’
‘ไปเยี่ยมเป็นบางครั้งได้แต่อย่าให้อยู่นานเลยค่ะ ลูกขวัญหน้าตาน่ารัก โตเป็นสาวขึ้นทุกวัน’
‘ไม่เป็นไรหรอกมั้ง คุณอย่าคิดมาก ทางนั้นเขาก็มีลูกสาวเหมือนกัน’
‘ลูกสาวเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันค่ะ ยัยขวัญไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของเค้าซักหน่อย ไม่เคยเห็นข่าวหรือคะ เดี๋ยวก็ลุงข่มขืนหลาน เดี๋ยวก็ลูกพี่ลูกน้องข่มขืนกัน และยังมีแม่แท้ ๆ ที่รู้เห็นเป็นใจให้พ่อเลี้ยงมีอะไรกับลูกตนอีก เห็นข่าวพวกนี้แล้วฉันสะอิดสะเอียนรับไม่ได้จริง ๆ เลยค่ะ’
‘นภาเขาไม่ใช่คนอย่างนั้น เขารักรุ้งขวัญมาก’
‘ฉันรู้ค่ะว่ายัยนภาไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่คนอื่นฉันไม่รู้ด้วยหรอกค่ะ หรือคุณรู้จักคุณประชาเขาดีคะ’
‘เฮ่อ! เอาล่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวผมโทรตามให้ก็แล้วกัน’ ดำรงชัยตัดบท มองไม่เห็นสองแม่ลูกที่แอบลอบส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แก่กันและกัน
ดำรงชัยกับนภาตกลงแต่งงานกัน แต่กลับพบว่าทั้งสองมีบางเรื่องที่เข้ากันไม่ได้ ไม่เหมือนกับวิรดาเพื่อนรักเพื่อนสนิทของนภา แล้วเรื่องวุ่นวายของหนึ่งชายสองหญิงก็เกิดขึ้น เมื่อวิรดาดันท้องก่อนนภา ได้ลูกสาวมาเป็นโซ่ทองคล้องใจก่อนเมียตบเมียแต่งเสียอีก
หลังจากนั้นไม่นานนภาก็ท้องตาม เธอหวังว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกชาย แต่ในเมื่อไม่ใช่ เธอก็รักลูกสาวคนนี้เหมือนกันและรักมากด้วย มากจนกลายเป็นเกลียดชัง
วิรดากับรุจิราเข้าไส้
เจ้าหล่อนขอหย่าขาดจากสามี แต่ดำรงชัยไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้ หากภรรยาคิดจะยึดครองบุตรสาวเป็นของตนเพียงคนเดียว ดังนั้น รุ้งขวัญจากเด็กสาวธรรมดาจึงกลายเป็นลูกครึ่งไปโดยปริยาย ครึ่งหนึ่งเป็นลูกของนภา ส่วนอีกครึ่งเป็นลูกของดำรงชัยและต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านสองหลังนี้
ดูเผิน ๆ เหมือนเธอโชคดี มีทั้งพี่สาว น้องสาว และมีบ้านสองหลังให้อยู่อาศัย แต่ใครเลยจะรู้ว่ารุ้งขวัญไม่ได้เป็นสมาชิกของครอบครัวใดเลย
เป็นส่วนเกินของวิรดากับลูกสาว เป็นเนื้องอกของประชาสามีใหม่ของแม่ ไม่มีที่ใดเลยที่รุ้งขวัญจะสามารถเรียกว่าบ้านของเธอได้จริง ๆ
ฮอนด้าซิตี้สีเทาวิ่งเข้าไปสุดซอยตันและจอดสนิทตรงหน้าประตูอัลลอยสีน้ำเงินเข้ม เด็กสาวกล่าวขอบคุณคนที่มาส่งแล้วกดออดประตูเรียกหาคนข้างใน
“นังอรไปดูซิใครมา...นังอร!...นังอร! ไปไหนของมันอีก ตกส้วมตายเสียแล้วมั้งอีนี่ บ้านตัวเองไม่รู้จักขี้ชอบมาขี้บ้านคนอื่น”
เจ้าของบ้านยันตัวลุกจากการนอนกลางวันอย่างเกียจคร้าน เดินไปหน้าบ้านเห็นกระเป๋าเดินทางแบบลากวางคู่กับปลายเท้าของใครคนหนึ่งที่ยืนลับเสาประตูอยู่ก็นึกว่าเป็นพนักงานเร่ขายของ กะจะด่าเปิงให้กระเจิดกระเจิงเสียหน่อย
หนอยแน่ เห็นกูเป็นคนแก่คิดจะมาต้มตุ๋นหลอกลวงเดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะได้รู้ฤทธิ์คนอย่างอีนวล คนแก่อย่างกูไม่เคยเสียรู้ใครง่าย ๆ หรอก
“ยาย...ยาย ฮือ ๆ”
รุ้งขวัญร้องไห้โผเข้ากอดญาติผู้ใหญ่ทันทีอย่างสุดระงับ น้ำตาไหลออกมาเป็นสายคล้ายเด็กอนุบาลกลัวการไปโรงเรียนวันแรก
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร หลานรักของยาย ไปเข้าบ้านกันก่อน”
สาวน้อยเช็ดน้ำตาป้อยลากกระเป๋าเข้าบ้านเดินตามยายที่จับจูง แล้วก็นั่งเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“กูว่าแล้วเชียวอีงูพิษวิรดา ทำกับลูกกูไม่พอมาทำกับหลานกูอีก เสียดายที่เคยให้มันมากินมานอนบ้านนี้ ไม่ต้องกลับไปบ้านหลังนั้นให้มันโขกสับอีกแล้ว อยู่กับยายนี่แหละ หลานคนเดียวยายเลี้ยงได้”
ยายนวลอดีตผู้ดีปลายแถวเจ้าของตลาดและห้องเช่าจากสมบัติเก่าของตระกูลหยิบพัดออกมาพัดอย่างหัวเสีย
“เปิดพัดลมซินังอร กูหัวร้อนเหลือเกิน”
แม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานลุกไปเปิดพัดลมพร้อมกับเข้าไปรินน้ำเย็นในครัวมาสองแก้ว
“น้ำใบเตยเย็น ๆ กินแล้วชื่นใจค่ะหนูขวัญ”
“ขอบคุณค่ะป้าอร”
“มาอยู่กับคุณยายก็ดีเหมือนกัน ยายนวลจะได้ไม่เหงา มีหลานสาวมาอยู่ด้วยคงรู้จักอยู่ติดบ้านบ้าง”
“อะไรอีนังอร กูไปทำงานของกูหรอก” ตะคอกใส่เสียงฉุน
“ค่ะ ค่ะ ทำงานก็ทำงานค่ะ” ป้าอรรับอย่างรู้ทัน
“งั้นเดี๋ยวป้าขึ้นไปจัดห้องนอนให้ก่อนนะคะ คุณหนูอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกคุณยายแล้วกัน หอบผ้าหอบผ่อนหนีมาแค่นี้เอง”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องขนเอาอะไรของมันมาหรอก เดี๋ยวนังนั่นมันจะตามมาทวงอีก ไป...ไปตลาดกับยาย อยากได้อะไรชี้เอาเลย”
“โอ้โห! ยายนวลขี้ตืดคงเหลือแต่ชื่อ คุณหนูเหมามาหมดทั้งร้านเลยนะคะ” สาวใหญ่รุ่นลายครามยุ
“อย่าว่าแต่ทั้งร้านเลย จะเหมามาหมดทั้งตลาดเลยก็ยังได้”
“ไม่ต้องถึงขาดนั้นหรอกค่ะคุณยาย”
สาวน้อยตอบหน้าตาแช่มชื่นเบิกบานคลายความเศร้าใจลงได้บ้าง
“คุณยายคะ หนูยังไม่ได้บอกใครเลยค่ะว่าหนูหลบมาอยู่ที่นี่”
“ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้นแหละ ดูซิว่าจะรู้ตัวกันเมื่อไหร่ว่าลูกสาวหายไปทั้งคน”
“แม้แต่กับแม่หรือคะ?”
“ใช่ ปล่อยพวกมันตามหากันเอง”
“จะดีหรือคะ?”
“ดีสิ ลองดูซิว่าพวกมันจะรู้ตัวเมื่อไหร่กัน พนันกับยายไหมล่ะว่าเดือนหนึ่งก็ยังไม่เอะใจกันหรอก”
ยายนวลท้าทายอย่างมีชัย
“หนูไม่มีอะไรพนันกับยายหรอกค่ะ”
“มีสิ” ฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัยบางประการ
“อะไรหรือคะ?”
“เปลี่ยนมาใช้นามสกุลยายไง”
สองยายหลานหายไปด้วยกันเกือบเย็นก็นั่งสามล้อถีบคนละคันกลับมาพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง ป้าอรที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านจึงพูดหยอกขึ้นมาอีก
“โอ้โห! วันนี้แม่ค้าคงดีใจยิ่งกว่าถูกหวย ยายนวลเล่นเหมามาหมดไม่เผื่อแผ่ลูกค้าคนอื่นเลย”
“อย่าเว่อร์ จะกลับไปรับหลานก็รีบกลับไป”
“ป้ากลับก่อนนะคะคุณหนู พรุ่งนี้มาใหม่ ทำเมี่ยงปลาเผากับบัวลอยไข่หวานไว้ให้แล้ว เผื่อยายหลานอยากฉลองกันสองคน”
“ขอบคุณค่ะป้าอร พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
รุ้งขวัญยกมือขึ้นทำความเคารพแม่บ้านเจ้าประจำ ไปเช้าเย็นกลับ ที่อยู่ดูแลยายนวลมามากกว่าสิบปีตั้งแต่ทำมาหากินเลี้ยงลูกจนกลายมาเป็นทำมาหากินเลี้ยงหลานตาดำ ๆ ถึงสองคน
“ไป! เข้าบ้านกันหลานรัก”
“ค่ะ คุณยาย”
เช้าวันใหม่
หลังทานอาหารแล้ว สาวน้อยก็ออกมาเดินเล่นสำรวจรอบบริเวณบ้านที่เคยมาอาศัยอยู่ไม่นานตอนแม่หย่ากับพ่อใหม่ ๆ ก่อนที่นายประชาแฟนเก่าจะเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตและแต่งงานกันภายในครึ่งปีให้หลัง
แปลกที่ตอนนภาอยู่กับดำรงชัยไม่ยักจะท้องเสียที แต่พอมาเจอนายประชาเข้าท้องไวยังกับอะไรดี และก็ได้ลูกสาวสุดน่ารักมาเป็นโซ่ทองคล้องใจอีกหนึ่งคน
ดังนั้นแล้วสามใบเถาเลือดคนละสายอย่าง รุจิรา รุ้งขวัญ และรจนาจึงมีอายุห่างกันเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง
“คุณหนูมาแย่งงานป้าอย่างนี้เดี๋ยวยายนวลก็ได้ไล่ป้าออกหรอกค่ะ นู่น! ไปนวดเส้นนวดสายให้คุณยายดีกว่า ทำงานหนักนั่งทั้งวันจนเส้นยึดไปหมดแล้ว”
แม่บ้านและหลานสาวหัวเราะคิกคักกันสองคน เว้นแต่หญิงชราที่นั่งหน้าตึงกับคำล้อเลียน
“ยายขวัญมานวดให้ยายดีกว่า ไม่ต้องไปช่วยมัน เดี๋ยวถูกไล่ออกแล้วจะไม่มีเงินเลี้ยงหลาน”
พูดประชดประชันทำตาขวางใส่เพราะอยู่กันมานานจนกลายเป็นเจ้านาย - ลูกน้องคู่กัดกันแทน
เมื่อหลานสาวคนสวยเอาอกเอาใจยาย โดยการนวดคลายเส้นให้จนหลับใหลขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วจึงว่างงาน ครั้นจะขึ้นไปนอนดูซีรีส์ข้างบนก็รู้สึกเบื่อ
อยู่ที่นี่สบายนัก แตกต่างจากตอนอยู่กับวิรดาและรุจิรา เดี๋ยวคนแม่ก็เรียก เดี๋ยวคนลูกก็เรียก แต่ถ้าวันไหนที่พ่ออยู่บ้าน วันนั้นมันจะกลายเป็นวันพักผ่อนของเธอไป แล้วแม่เลี้ยงใจร้ายก็ถือโอกาสใส่ความว่าเธอไม่เคยแตะต้องงานบ้าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกสาวคนโปรดอย่างรุจิราเพียงคนเดียว
‘ไม่รู้ว่านภาสอนลูกยังไง ทำตัวแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ เดี๋ยวจะติดเป็นนิสัย โตขึ้นไปทำงานที่ไหนก็ลำบาก วิก็พยายามสอนพยายามบอกอยู่เหมือนกัน เลี้ยงเหมือน
ยายวานั่นแหละค่ะ รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แต่กลัวว่ายัยขวัญจะไม่เข้าใจในความหวังดีเพราะยังเด็ก คิดแต่ว่าวิเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายคอยแต่หาเรื่องกลั่นแกล้ง โธ่! นภาก็เป็นเพื่อนวินะคะ ลูกวิก็เหมือนลูกนภา ลูกนภาก็เหมือนลูกวินั่นแหละค่ะ’
ภรรยาพูดกรอกหูอย่างนั้นและลืมคำสำคัญไปอีกประโยคหนึ่งที่ว่า สามีนภาก็เหมือนสามีวิรดาด้วยเช่นกัน
แมวน้อยวัยกระทงลายขาวดำ เดินนวยนวดอยู่บนขอบกำแพงปูน ทำให้แววตารุ้งขวัญเปล่งประกายเจิดจ้าดีใจอย่างมากที่จะมีของเล่นแก้เซ็งแล้ว เลยพยายามเข้าไปใกล้เพื่อจะขอผูกมิตรไมตรีด้วย
“เมี๊ยว ๆ เมี๊ยว ๆ”
“เมี๊ยว ๆ เมี๊ยว ๆ มาทางนี้สิจ๊ะ มาทางนี้”
ส่งเสียงเรียกไป พร้อมย่างอย่างช้า ๆ ไม่ให้ตกใจตื่น แต่มันกลับหยุดนิ่งมองจ้องหน้าระวังภัย แล้วกระโดดผลุงหายเข้าไปในซอกกำแพง
“อ้าว! จะรีบไปไหนซะล่ะเจ้าแมวน้อย”
รุ้งขวัญวิ่งตามไปดู พอเข้าไปใกล้เห็นว่า กำแพงหลังบ้านของคุณยายทรุดและแตกร้าวเป็นรูโหว่กว้างขนาดลอดตัวผ่านได้ จึงลองชะโงกหน้าเข้าไป และได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งดังไม่ไกลนัก ตัดสินใจย่อ มุดตัวไปอีกฝั่งซึ่งมีต้นเฟื่องฟ้ารกครึ้มขวางทางจากกิ่งก้านใบ ยากต่อการผ่าน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับเธอแต่อย่างใด
ได้ยินเสียงที่คิดว่าเป็นกระดิ่งจากปลอกคอจึงเดินไปตามทาง พบศาลาท่าน้ำหลังคามุงจากสร้างยื่นล้ำเข้าไปในลำห้วย มีโมบายห้อยอยู่ที่ทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเสียงจากปลอกคอแมว เธอนึกชอบใจ เข้าไปนั่งเล่นชมวิวทิวทัศน์ของยอดไม้ใหญ่ที่ไหวตามแรงลมจากฝั่งตรงกันข้าม และมองใบไม้ที่ปลิดปลิวร่วงหล่นอยู่บนผิวน้ำลอยเอื่อยไปตามกระแส เพลิดเพลินอยู่นานจนลืมจุดประสงค์ตอนแรกที่ทำให้โผล่มายังสถานที่แห่งนี้ พอนึกได้ก็ลุกเดินขึ้นเนินไปตามหาเจ้าแมวเหมียวอีกรอบ
“เมี๊ยว ๆ เมี๊ยว ๆ”
ซ่า!!
“ว๊าย! อะไรกันนี่”
สาวน้อยสะดุ้งตกใจเมื่อถูกน้ำในห้วยสาดใส่โครมใหญ่อย่างไม่ทันตั้งตัว ลุกขึ้นยืนเหนือต้นกะเพราด้วยตัวเปียกมะลอกมะแล่ก เห็นคนแปลกหน้ายืนทำหน้าตาตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยแล้วเปล่งน้ำเสียงแหบห้าวออกมา
“โทษทีนึกว่าแมวจร”