โรคฝีดาษลิง "monkeypox" คืออะไร น่ากลัวแค่ไหน แล้วเราควรจะต้องระวังยังไงบ้าง..?
แจ้งข่าวล่าสุด..
🚨 ฝีดาษวานร รายที่ 12 ในไทย
กรมควบคุมโรค ยืนยัน พบผู้ป่วยรายที่ 12 เป็นนักท่องเที่ยวเพศชาย อายุ 25 ปี สัญชาติโอมาน เดินทางมาจากประเทศโอมาน แนะประชาชนเลี่ยงสัมผัสแนบชิดผู้ที่มีไข้-ผื่น ตุ่มน้ำ-ตุ่มหนอง บริเวณร่างกาย
.
ทั่วโลกตื่นตัวโรคฝีดาษลิง แพร่แล้วกว่า 15 ประเทศ อย่ารอให้สายเกินแก้
ออกมาตรการกักตัวผู้ป่วย"ฝีดาษลิง"21 วัน
วันนี้ 23 พ.ค. 65 สำนักข่าว Business Standard รายงานว่า เบลเยียมกลายเป็นประเทศแรกที่กำหนดมาตรการให้ผู้ป่วยโรค “ฝีดาษลิง” ต้องกักตัว 21 วัน หลังจากมีรายงานผู้ป่วย 4 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยหน่วยงานด้านสุขภาพของเบลเยียมได้ออกมาตรการ ให้ผู้ป่วยโรค “ฝีดาษลิง” ต้องกักตัว 21 วัน
ก่อนหน้านี้วันที่ 7 พ.ค. สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร มีการยืนยันกรณีโรคฝีลิงในอังกฤษ ในผู้ป่วยที่เพิ่งเดินทางจากไนจีเรีย และวันที่ 18 พ.ค. กระทรวงสาธารณสุขของรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ ได้ยืนยันผู้ป่วยชายที่ติดเชื้อหลังเดินทางกลับจากแคนาดา
ทั้งนี้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคในตระกูลเดียวกับไข้ทรพิษ โดยอาการต่าง ๆ ได้แก่ ผื่นขึ้นเป็นหลุมเป็นบ่อ มีไข้ เจ็บกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ ซึ่งโรคฝีดาษลิงอันตรายน้อยกว่าไข้ทรพิษ โดยมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 4% แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลเรื่องการแพร่กระจายที่ผิดปกตินอกทวีปแอฟริกา
#โรคฝีดาษลิง "monkeypox" คืออะไร น่ากลัวแค่ไหน แล้วเราควรจะต้องระวังยังไงบ้าง
เริ่มแรกมาดูกันก่อนค่ะว่าเรากำลังเจอกับอะไรกันอยู่
1.โรคฝีดาษลิงคืออะไร
"โรคฝีดาษลิง" หรือ ฝีดาษวานร เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส กลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เช่นเดียวกับไวรัสอีกหลายชนิด
พบครั้งแรกในลิงทดลองในปีพ.ศ. 2501 โรคนี้พบมากในแอฟริกากลางและตะวันตก ในสัตว์หลายชนิด เช่น กระรอก หนูป่า รวมทั้งคนก็สามารถติดเชื้อนี้ได้ เชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษในคน หรือ ไข้ทรพิษ (variola virus) และฝีดาษวัว (cowpox virus)
2. แล้วตอนนี้มันกลับมาระบาดอีกครั้งหรอ?
ตอนนี้เราพบการแพร่ระบาดในยุโรป โดยตรวจพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อที่ยืนยันได้คนแรกเป็นชาวอังกฤษ เพิ่งเดินทางกลับมาจากไนจีเรีย หลังจากนั้นมาก็พบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในอังกฤษ และหลายประเทศในยุโรป ได้แก่เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน และสวีเดน สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย
รวมตอนนี้พบแล้วทั้งหมด 12 ประเทศ โดยในส่วนของยุโรปพบผู้ติดเชื้อและต้องสงสัยว่า จะติดเชื้อมากกว่า 100 คนแล้ว
3. อาการของโรค?
* เมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน หรือ อาจนานถึง 21 วัน
* อาการเริ่มแรกจะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย
* จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา
* อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้
* โดยอาการรุนแรงมักพบในกลุ่มเด็ก ซึ่งในประเทศแอฟริกาพบอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10
4. แล้วเราควรป้องกันตัวเองยังไงบ้าง?
สำหรับการป้องกันควบคุมโรค ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค แนะนำให้
1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อหรือสัตว์ป่า 2) หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ
3) หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ หรือเดินทางเข้าไปในป่า
4) ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยงหรือนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศโดยไม่มีการ คัดกรองโรค
5) กรณีมีการเดินทางกลับจากประเทศที่เป็นเขตติดโรค ต้องทำการคัดกรองและเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน
หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบไปพบแพทย์ทันที และทำการแยกกักเพื่อมิให้ผู้ป่วยมีการแพร่กระจายเชื้อ