เรื่องจริง ของ มาร์กอส โรดิเกซ ปันโตข่า ชายที่ถูกเลี้ยงดูโดยฝูงหมาป่า 12 ปี จนความเป็นมนุษย์ของเขาสูญหายไป…
เรื่องจริง ของ มาร์กอส โรดิเกซ ปันโตข่าชายที่ถูกเลี้ยงดูโดยฝูงหมาป่า 12 ปี จนความเป็นมนุษย์ของเขาสูญหายไป…
👉🏿📰เรื่องนี้เท่าที่อ่านดูมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆเลยนะครับถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงแสดงว่าสัตว์ก็มีสามัญสำนึกที่เอื้ออาทรต่อกันแม้ว่าจะเป็นต่างสายพันธุ์ในเรื่องนี้เด็กผู้ชายคนนี้ มาร์กอส โรดิเกซ ปันโตข่า ถูกทอดทิ้งแล้วหมาป่าเอาไปเลี้ยงดูเป็นเวลาถึง 12 ปี นั้น ..ถึงแม้ว่าตอนจบของเรื่องราวนี้จะเป็นอะไรที่น่าเศร้า...
แต่มันก็ต้องเป็นไปตามธรรมชาติของมันมนุษย์ก็ควรจะอยู่กับมนุษย์
หมาป่าถึงแม้จะมีสัญชาตญาณของความที่เอื้ออาทรในเหตุการณ์ แต่หมาป่าก็ย่อมเป็นหมาป่าที่รักอิสระเสรีก็คงจะอยู่ในกลุ่มฝูงหมาป่าเหมือนเดิม
👉🏿คิดว่าทุกคนคงจะรู้จัก “เมาคลี และ ทาร์ซาน” กันเป็นอย่างดี ทั้งคู่เป็นเด็กผู้ชายที่เติบโตและอาศัยอยู่ในป่าโดยมีสัตว์เป็นผู้เลี้ยงดู
โดยที่เมาคลีถูกเลี้ยงโดยครอบครัวหมาป่า ส่วนทาร์ซานอาศัยอยู่กับฝูงลิง หลายคนอาจจะคิดว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูโดยสัตว์นั้นเป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้น
👉🏿แต่ในความเป็นจริงเด็กที่ถูกเลี้ยงดูและอาศัยอยู่กับสัตว์นั้นมีมากมาย โดยนักจิตวิทยาเรียกเด็กเหล่านี้ว่า Feral Child หรือบางทีก็เรียกว่า Wild Child และนี่คือ 1 ตัวอย่างของคนที่เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของฝูงสัตว์ครับ
🧔🏻ชายชาวสเปนชื่อว่า “มาร์กอส โรดิเกซ ปันโตข่า” เกิดปี 1946 หลังจากสูญเสียแม่ไปเมื่ออายุได้เพียง 3 ขวบ พ่อบังเกิดเกล้าก็ขายเขาให้กับคนเลี้ยงสัตว์ เพราะต้องการแต่งงานใหม่โดยไม่มีลูกติด
🧔🏻มาร์กอส ใช้ชีวิตอยู่กับคนเลี้ยงสัตว์นาน 4 ปี จนกระทั่งคนเลี้ยงสัตว์ได้เสียชีวิตไป ทิ้งให้เด็กชายมาร์กอสวัย 7 ขวบ ต้องอยู่คนเดียวตามลำพังบนเทือกเขา เซียร์รา โมเรนา (Sierro Morena)
👉🏿ซึ่งก็นับว่าบนความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีปนอยู่บ้าง เพราะในระหว่างที่คนเลี้ยงสัตว์มีชีวิตอยู่นั้น เขาก็ได้ถ่ายทอดวิชาเอาตัวรอดต่างๆให้กับ มาร์กอส ทั้งการวางกับดัก การล่ากระต่าย การตามหาไข่นกกระทา และนี่แหละครับ คือจุดเริ่มต้นของชีวิตแบบ “เมาคลีลูกหมาป่า” ของจริง
🧔🏻มาร์กอสต้องเริ่มเรียนรู้การอยู่รอดโดยมีพวกสัตว์คอยเป็นไกด์ให้
🌄– “วันหนึ่งผมได้เข้าไปในถ้ำและเริ่มเล่นกับลูกหมาป่าที่อยู่ในนั้น จากนั้นผมก็หลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนที่แม่หมาป่าเอาอาหารมาให้ลูกๆของพวกมัน เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาหวาดกลัว
🐺🧔🏻แต่ตอนนั้นผมคิดไม่อะไรไม่ออกแม้กระทั่งความกลัว นอกจากขโมยชิ้นเนื้อพวกนั้นจากพวกหมาป่า เพราะผมหิวมาก หลังจากเธอให้อาหารลูกๆเสร็จแล้ว เธอก็โยนเนื้อชิ้นหนึ่งมาให้ผม
ในหัวยังคงคิดว่าเธอจะเข้ามากัดผมรึเปล่า ปรากฏว่าไม่ใช่… เธอแลบลิ้นแล้วเลียผม หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวหมาป่า”
👉🏿การใช้ชีวิตกับฝูงหมาป่า ทำให้เขามีพี่น้อง และมีแม่ที่คอยปกป้องดูแล เขาต้องกินนอนอยู่ในถ้ำ ต้องเรียนรู้วิธีล่าแบบหมาป่า และแน่นอนว่าต้องเรียนรู้วิธีสื่อสารแบบหมาป่าเช่นกัน
👉🏿ในช่วงว่าง มาร์กอส จะเลียนแบบเสียงของสัตว์ต่างๆ ซึ่งพอเขาเหงาเขาก็จะโห่ร้องออกไป และเมื่อได้รับการตอบกลับเขาก็จะรู้สึกดีเพราะรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง จากนั้นมาร์กอสก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากการพูดเป็นคำ มาเป็นการร้องคำรามเหมือนสัตว์แทน
😁เขาใช้ชีวิตเช่นนั้นนาน 12 ปี จนกระทั่ง มาร์กอสในวัย 19 ถูกหน่วยดูแลและป้องกันพลเรือนและได้พรากเขาจากถิ่นอาศัยตามธรรมชาติอันเป็นที่รักมายังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในสเปน
หลังกลับมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ แทนที่เจ้าหน้าที่น่าจะส่งมาร์กอส ให้ไปเรียนหนังสือหรือไปโรงเรียน แต่เจ้าหน้าที่กลับส่งมาร์กอสให้ไปเป็นทหาร เขาได้เรียนวิธีการยิงปืนฆ่าคน ก่อนวิธีการคุณเลขบวกเลขเสียอีก
🧔🏻👉🏿จนมาร์กอสกลับมาจากสงครามหลังได้เข้าร่วมอยู่ในกองทัพในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็โชคดีเพราะได้แม่ชีคอยดูแล สอนให้เขากินอาหารอย่างถูกต้อง สอนให้เขาเข้าสังคม และช่วยทำกายภาพบำบัดโดยใช้ไม้ดัดหลังเพื่อทำให้มาร์กอสกลับมาเดินหลังตรงได้เหมือนคนทั่วไป
🧔🏻เขาเล่าว่า หลังจากที่พยายามปรับตัวมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ทั่วไป เขาทั้งถูกโกง ถูกดูถูกเหยียดหยาม ถูกเอาเปรียบจากเจ้านาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนมักใช้ประโยชน์จากความไร้เดียงสาของเขา อย่างเช่น การเข้าร้านตัดผมครั้งแรกเขาหลอนเป็นอย่างมาก เพราะกลัวช่างเอามีดโกนมาปาดคอ หรือเขาไม่สามารถรับมือกับเสียงดังจากรถและผู้คนที่วุ่นวายได้ เพราะขนาดมดยังเดินเป็นเส้นตรงเลย
🧔🏻ทุกวันนี้ มาร์กอส อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ที่เขาเช่า ห้องนอนไม่มีเตียงหรือเฟอร์นิเจอร์ใดๆ มีแค่ผ้าห่มกับกระดาษหนังสือพิมพ์ยับๆ…
🤔หลายคนสงสัยว่า หากเขาไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ล่ะก็ ทำไมเขาถึงไม่กลับไปอยู่กับฝูงหมาป่าเหมือนเดิมล่ะ คำตอบคือเขาพยายามกลับไปแล้ว แต่หมาป่าพวกนั้นไม่ได้มองเขาเป็นพี่น้องอีกต่อไป ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลามาร์กอสส่งเสียงเรียกออกไป พวกมันจะเข้ามาหา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว โดยมาร์กอส
บอกเหตุผลว่า “ผมกลิ่นตัวเหมือนมนุษย์ ผมฉีดน้ำหอม”
📰ข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ “กาเบรียล เจเนอร์ มานิลา” นักเขียนและนักมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัย Balearic Island ที่เลือกเขียนงานวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับมาร์กอส ซึ่งทำให้เรื่องราวของลูกหมาป่าคนนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่เจเนอร์ ไม่ได้เชื่อทุกสิ่งที่มาร์กอสเล่า
👉🏿เขาใส่บทวิเคราะห์ของตัวเองเข้าไปว่า 🧔🏻– “มาร์กอส เป็นนักเล่าเรื่องที่เก่ง ผมคิดว่าเรื่องจริงคือเขาอยู่อย่างโดดเดียวบนเทือกเขาจริง แต่เรื่องการเลี้ยงดูจากสัตว์เขาน่าจะจินตนาการไปเอง แต่ก็แปลกนะไม่ว่าผมจะถามอีกกี่ครั้ง เขาก็เล่าเหมือนเดิมทุกครั้ง และผมได้เดินทางไปหาแม่ชีที่เคยสอนเขา ซึ่งก็ได้ข้อมูลมาตรงเปี๊ยบกับที่มาร์กอสเล่า ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องการ การตรวจสอบอย่างละเอียดเลยหล่ะ”
🖼️ปัจจุบัน มาร์กอส ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายเรื่อง “ความรักที่เขามีต่อสัตว์ และ ความสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม” ซึ่งใช้ประสบการณ์โดยตรงของเขาให้เป็นประโยชน์นั่นเอง และ
ดูเหมือนเด็กๆจะชอบเรื่องราวของเขามากด้วยสิ อิอิ
📰มีสารคดี และภาพยนต์มากมายที่นำเรื่องราวของมาร์กอส ไปเผยแพร่แต่เรื่องที่เข้าท่าที่สุดก็คงจะเป็น หนังเรื่อง Among Wolves หรือ Entrelobos ผมก็ไม่รู้นะว่าสนุกมั้ย แต่ BBC เค้าบอกมาว่าดีก็เชื่อเขาหน่อยละกัน
อ้างอิงจาก: google BBC facebook และ YouTube