วิวาห์เลี้ยงเดี่ยว ตอนที่ 9 ชิมไหม (3)
ดาวโหลด Ebook คลิ๊กที่ภาพด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ
+++++++++
“บอสคะ พรุ่งนี้วันเกิดคุณนพรัตน์ มีงานเลี้ยงตอนกลางคืนถ้าบอสจะไป...” พูดยังไม่ทันจะจบวาทีก็พูดแทรกขึ้น “ไม่ล่ะ เย็นนี้คุณไปจัดการซื้อของขวัญให้หน่อยแล้วกัน” วาทีหยิบบัตรเครดิตที่เมื่อก่อนใบนี้เขาจะให้อนุรักษ์ที่เป็นเลขาฯ พกไว้สำหรับซื้อของขวัญให้ลูกค้า หรือของอื่น ๆ มายื่นให้กับมัตสยา “เก็บไว้เลยนะเผื่อผมสั่งให้ซื้อของแบบฉุกเฉิน”
“ค่ะ” มัตสยารับบัตรเครดิตมาถือไว้ อึ้งเล็กน้อยตอนแรกนึกว่าจะให้เงินสดเสียอีก แต่มาให้บัตรแถมให้พกไว้เลยนี่มันสุดยอดเจ้านายจริง ๆ ไม่ต้องกังวลว่าราคาของจะเกินเงินที่มีแล้ว
หลังจากออกจากห้องประชุมในช่วงบ่ายมัตสยาก็รีบเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จเพื่อที่จะได้รีบออกไปหาซื้อของขวัญให้ลูกค้า วันนี้เธออยากกลับบ้านตรงเวลาหลังจากที่เลิกค่ำมาหลายวันแล้ว และในขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งทักขึ้น
“ตาทีอยู่ไหม”
มัตสยาเงินหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายเธอก็รีบลุกขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณนาย”
“ตาทีอยู่ในห้องใช่ไหม” นางถามย้ำพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปที่ประตูห้อง
“อยู่ค่ะ เชิญค่ะ”
“ขอบใจ”
มัตสยายิ้มรับ เมื่อปิดประตูแล้วเดินย้อนกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่วันนี้มาคนเดียว จากที่ปกติจะต้องมีสาวสวยสักคนมาด้วย และนั่นมันก็เป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าเธอเตรียมตัวเออออไหลตามคำพูดของวาทีได้เลย
ถ้าเขาบอกว่าติดงานก็คือต้องติด เขาบอกว่าต้องไปเจอลูกค้าก็ต้องออกไปข้างนอกทั้งที่ไม่ได้มีนัดลูกค้าอะไรเลย และอีกสารพัดสิ่งที่แล้วแต่คนเป็นเจ้านายจะเอาเรื่องงานขึ้นมากล่าวอ้าง แต่วันนี้มาคนเดียวแสดงว่าเธอรอด “รีบทำงานต่อดีกว่า” บอกตัวเองแล้วรีบทำงานที่ค้างต่อให้เสร็จแต่ทำไปไม่เท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
“เข้ามาหาผมหน่อย”
“ค่ะ” มัตสยาวางสายแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย ลางสังหรณ์ของเธอมันกำลังบอกว่าสิ่งที่คิดว่าจะรอดเหมือนจะไม่รอดเสียแล้ว
“คุณเคลียร์งานจะเสร็จหรือยัง”
“ค่ะ นี่อีกนิดเดียว" มัตสยาตอบพลางแอบปรายตามองนางนิลมณีด้วยความรู้สึกกดดันเหมือนเคย
“งั้นรีบไปเคลียร์ให้เสร็จ เราจะออกไปดูของขวัญวันเกิดให้คุณนพรัตน์กัน” วาทีพยักพเยิดหน้า นั่นทำให้มัตสยาที่ยืนทำหน้างง ๆ อยู่ต้องรีบรับคำแล้วเดินออกจากห้องไปทั้งที่ยังค้างคาใจ
“กับอีแค่ของขวัญวันเกิดให้ลูกค้าแกต้องไปเลือกเองเลยเหรอ” นางนิลมณีถามเสียงเข้ม ขมวดคิ้วมองลูกชายอย่างหงุดหงิด
“ลูกค้าคนสำคัญครับ และเขาค่อนข้างเรื่องมาก เรื่องของขวัญผมเลยเป็นคนเลือกให้เขาทุกปีครับ” วาทีให้เหตุผล และก้มหน้าทำงานต่อ
“แกเลิกเอาเรื่องงานมาบังหน้าได้ไหม”
“แม่ก็เห็นว่าผมงานยุ่งจริง ๆ ไม่ใช่แค่ข้ออ้าง”
“แต่แกรับปากแม่ว่าจะจัดการเรื่องนั้นเอง แต่จนแล้วจนรอดแกก็ยังเงียบ แม่ทำใจเย็นอย่างแกไม่ได้หรอกนะ แก
ทำงานเพื่อบริษัทงก ๆ ในขณะที่ตาเรย์วิ่งไปประจบเอาอกเอาใจคุณปู่ แล้วจะมาชุบมือเปิบแม่ทำใจไม่ได้จริง ๆ เอาอย่างนี้ถ้าวันนี้แกไม่ไปพบหนูมิ้นกับแม่ แม่จะให้เวลาแกแค่อาทิตย์นี้ ถ้ายังหาใครไม่ได้แกต้องทำตามคำสั่งของแม่โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ถ้าแกขัดอีกเราจะได้เห็นดีกัน” นางนิลมณียื่นคำขาดแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย ในขณะที่วาทีทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับถอนหายใจ ปิดแฟ้มงานแล้วลุกขึ้นหยิบเสื้อสูทขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของมัตสยา
“งานเสร็จยัง”
มัตสยาเงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้า “ค่ะ”
“งั้นเราไปกัน” พูดจบก็เดินนำออกไปก่อนทันที ทำให้มัตสยารีบเก็บของแล้วหยิบกระเป๋าวิ่งตาม และทันชายหนุ่มที่หน้าลิฟต์ “คุณนายกลับแล้ว เดี๋ยวมัทไปเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรผมว่าง” เขาตอบหน้าตายทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งทำตัวยุ่งอยู่แท้ ๆ
“ถ้าบอสว่างก็น่าจะไปกับคุณนายดูนะคะ” มัตสยาแนะนำอย่างรู้สึกเห็นใจนางนิลมณี เพราะถ้านางมาแล้ววาทีเอาเรื่องงานมาอ้างอย่างนี้ไม่พ้นเรื่องพาไปดูตัวแน่ ๆ ก็ลูกชายอายุอานามขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมแต่งงานเอาแต่ทำงาน แถมยังหัวรั้นสุด ๆ เห็นแล้วยังรู้สึกปวดหัวแทน
“ไม่ล่ะวุ่นวาย ปวดหัว ไม่มีเวลาให้ก็งอน แล้วอย่างนี้คิดว่าจะไปกันรอดไหมล่ะ” วาทีหันมาเลิกคิ้วมองเลขาฯ สาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ผู้หญิงไม่เหมือนกันทุกคนหรอกนะคะ อาจจะมีสักคนที่เข้าใจบอสก็ได้” มัตสยาเกลี้ยกล่อม เพราะเท่าที่รู้เขาไม่แม้แต่จะพูดคุยกับผู้หญิงเหล่านั้นเลย แต่ไม่รู้นะว่านอกรอบจะยังไง
“เข้าใจเหรอ เข้าใจยังไง คุณลองยกตัวอย่างมาซิ เอาตัวคุณเป็นมาตรฐานก็ได้” วาทีเดินออกจากลิฟต์แล้วมาหยุดยืนอยู่ในท่าเอามือทิ้งสองข้างล้วงกระเป๋าและรอคอยฟังคำตอบจากเลขาฯ สาวที่เดินตามออกมาติด ๆ
“อืม...” มัตสยาครางขมวดคิ้วกลอกตาไปมาก่อนจะหันมายิ้มแหย ๆ ให้ชายหนุ่ม “ไม่รู้สิคะ เพราะถ้าเป็นมัทกับบอสเรื่องเวลาคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะทำงานด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอดน่าจะเบื่อหน้ากันมากกว่าอยากเจอมั้งคะ” พูดความคิดเห็นออกไปแล้วมัตสยาก็ชะงักกะพริบตาปริบ ๆ ทบทวนในสิ่งที่เพิ่งพูดแล้วเธอก็ต้องยกมือขึ้นปิดปาก ถอยออกห่างชายหนุ่มโดยอัตโนมัติพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ “อะ เอ่อ ขอโทษทีค่ะ ที่มัทพูดอะไรไร้สาระออกไป” เธอค้อมศีรษะให้ชายหนุ่มไปหลายครั้ง ก่อนจะแก้สถานการณ์ด้วยการถามไปเรื่องอื่น “เอ่อ แล้วเราจะต้องกลับมาบริษัทอีกไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก ซื้อของเสร็จก็กลับได้เลย” วาทีตอบกลับด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ เดาไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกยังกับความคิดเห็นที่น่าอายนั้นของเธอ
“งั้นมัทขอไปรถตัวเองได้ไหมนะคะ”
“อื้อ งั้นเจอกันที่...” วาทีบอกชื่อห้างดังแห่งหนึ่งออกไป
“ค่ะ” มัตสยารับคำแล้วรีบเดินไปที่รถของตัวเองพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าว “พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ยัยมัทน่าอายชะมัด” เธอยกมือกุมแก้มตัวเองแล้วตบมันเบา ๆ หวังไล่ความอายแต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเลย
++++++++
อ่านล่วงหน้าที่เว็บอื่น ๆ
ธัญวลัย : https://www.tunwalai.com/story/604304
เด็กดี : https://writer.dek-d.com/kesmani/writer/view.php?id=2271834
Readawrite : https://www.readawrite.com/a/5e596cf1b2c61bcfe164112da000b3a2