เจ้าหญิงองค์สุดท้าย…ของเวียดนาม!!
เจ้าหญิงองค์สุดท้าย…ของเวียดนาม (จักรพรรดินีนาม เฟือง)
ภาพประกอบ: ทรงฉายในพระราชพิธีอภิเษกสมรส ปี 2477
โดย: Nguyen Dynasty photographer
—————
ประวัติ
จักรพรรดินีนาม เฟือง พระนามาภิไธยเดิม เหงียน หืว ถิ ลาน ศาสนนาม มารี-เตแรซ เป็นพระอัครมเหสีในจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย จักรพรรดิพระองค์สุดท้ายของเวียดนาม เป็นจักรพรรดินีพระองค์ที่สองและพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน
จักรพรรดินีนาม เฟือง มีพระนามาภิไธยเดิมว่า มารี-เตแรซ เหงียน หืว ถิ ลาน เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2457 ณ เมืองก่อกง อันเป็นเมืองแถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ขึ้นกับโคชินไชนา หนึ่งในสามดินแดนอาณานิคมอินโดจีนของฝรั่งเศส
อภิษกสมรส
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2477 ข่าวการหมั้นของเหงียน หืว ถิ ลาน กับพระเจ้าบ๋าว ดั่ย กษัตริย์แห่งอันนัม ได้เผยแพร่ออกไป พระเจ้าบ๋าว ดั่ย ได้กล่าวว่า “พระราชินีในอนาคตได้รับการเลี้ยงดูเหมือนเราในฝรั่งเศส เป็นการรวมระหว่างบุคลิกของนางคือ ความสง่าแห่งตะวันตกและเสน่ห์แห่งตะวันออก เราได้มีโอกาสพบนาง เชื่อว่านางเป็นผู้ที่ควรสรรเสริญเพื่อเป็นมิตรที่ดีของเราและผู้เท่าเทียมกับเรา เราแน่ใจในจริยวัตรและแบบอย่างที่ดี เราควรยกย่องนางเป็น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของจักรวรรดิ (First Woman of the Empire)”
ลังจากพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการที่พระราชวังฤดูร้อนในเมืองด่าหลัต พระเจ้าบ๋าว ดั่ย ได้อภิเษกสมรสกับเหงียน หืว ถิ ลาน ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2477 ที่เมืองเว้ พระราชพิธีจัดขึ้นตามหลักพระพุทธศาสนา ทำให้ผู้นำคาทอลิกของครอบครัวฝ่ายหญิงได้โต้เถียงอย่างรุนแรง คนในประเทศจึงไม่พอใจการเลื่อมใสในศาสนาของเจ้าสาว บางคนกล่าวว่าการสมรสนี้ “เป็นการจัดตามกลลวงของฝรั่งเศส” หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้เขียนว่า “ทำให้เกิดความไม่พอใจไปทั่ว” ในประเทศนี้ เหงียน หืว ถิ ลานปฏิเสธที่จะยอมละทิ้งคาทอลิกและได้ร้องอุทธรณ์ถึง สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 เพื่อให้ทรงงดเว้น พระองค์กล่าวว่า “จะให้กลับเป็นคาทอลิกถ้ายินยอมให้พระธิดาของพระนางเป็นคาทอลิก” นอกจากนี้การซับซ้อนของแผนการสมรสทำให้พระราชมารดาของกษัตริย์บ๋าว ดั่ย คือ เจ้าหญิงดวาน ฮวีทรงไม่พอใจ
พิธีสมรสสิ้นสุดลงใช้เวลาถึง 4 วัน เหงียน หืว ถิ ลานได้รับการสถาปนาพระอิศริยยศชั้น “เจ้าฟ้าหญิง” และเปลี่ยนชื่อเป็น “นาม เฟือง” อันแปลว่า “น้ำหอมแห่งแดนใต้” เป็นการยกย่องสถานที่ประสูติของพระนาง
#แต่งตั้งเป็นจักรพรรดินี
ในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2488 พระนางนาม เฟือง ได้รับการเลื่อนพระยศจาก “พระนางเจ้า” เป็น “สมเด็จพระนางเจ้า” พระนางได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี ตามพระสวามีที่ได้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิหลังจากการประกาศอิสรภาพจากฝรั่งเศส พระองค์ทรงต้องจำเป็นเข้าร่วมวงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา ในช่วงนี้ตังเกี๋ย โคชินไชนา และอันนัมได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการรวมตัวกันใหม่เป็นจักรวรรดิเวียดนามเป็นรัฐหุ่นเชิด อย่างไรก็ตาม พระจักรพรรดิได้ถูกโน้มน้าวให้สละราชบัลลังก์โดยหัวหน้าคณะปฏิวัติโฮจิมินห์ ผู้นำแห่งเวียดมินห์ อดีตจักรพรรดิได้กลับสู่เวียดนามในปี พ.ศ. 2492 ตามคำเชื้อเชิญของรัฐบาลพลเรือนเพื่อมาเป็นประมุขของประเทศ แต่พระองค์ต้องลี้ภัยอีกครั้งในปี พ.ศ. 2497
#อิทธิพลต่อแฟชั่น
พระจักรพรรดินีนาม เฟือง ได้เสด็จเยือนยุโรปอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2482 เริ่มเป็นที่นิยมเมื่อผู้รายงานวิจารณ์ว่า “กางเกงขายาวและลวดลายผ้าปักเสื้อคลุมสำหรับตอนเย็น ภาพเงาลวดลายเจดีย์และรูปแบบแขนเสื้อตรงกันข้าม” ทำให้ประหลาดใจไม่น้อยสำหรับผู้พบเห็น เมื่อพระนางเข้าพบสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 “ผู้เดินทางจากอินโดจีนนี้ไม่สวมสีดำที่เป็นประเพณีดั้งเดิม แขนเสื้อคลุมและผ้าคลุมยาว พระนางมาในชุดทอง ปักลายมังกรที่เสื้อคลุม ผ้าพันคอสีแดงและหมวกสีทอง พระนางทรงใส่กางเกงสีเงิน”
สมเด็จพระจักรพรรดินีนาม เฟือง ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2506 จากพระอาการพระหทัยวาย ที่โดแมน-เดอ-ลา-แปร์ช ที่ประทับใกล้ชาร์บีญัก จังหวัดกอแรซ ประเทศฝรั่งเศส
—————————
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย,
ภาพสีที่ถ่ายโดย Vien Hong Quang