หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

โอนรถทำอย่างไร ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

โพสท์โดย ไฟแนนซ์รถ

       

 

       สำหรับหลายๆ คนที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับการซื้อรถยนต์ ทั้งจากซื้อต่อจาก ญาติ คนสนิท ต่าง ๆ หรือ ซื้อมาจากในอินเตอร์เน็ต ก็ตามแต่ พอจะไปโอน มันเกิดอาการกังวลจิตใจว่าจะต้องอย่างไร วันนี้อยากมา Share เรื่องราว ขั้นตอนการทำธุรกรรม การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ยังไม่รู้นะคะ 

 

การโอนขอแบ่งเป็นหัวข้อ หลักๆ คือ

 

 

        1. โอน ตรง

        2. โอน ลอย

 

หลักฐานที่ใช้

 

         •    ใบคู่มือจดทะเบียนรถ

         •    สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 

              ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผุ้มีอำนาจลงนาม

         •    แบบคำขอโอนและรับโอน (กรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว)

         •    หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ                             

               กรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง

 

สถานที่ติดต่อ

 

      สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขาที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้

 

ขั้นตอนการดำเนินการ

 

•    นำรถเข้ารับการตรวจสอบ ที่งานตรวจสภาพรถยนต์ (ยกเว้นกรณีโอนปิดบัญชีจากผู้ให้เช่าซื้อไปยังผู้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบรถ)

•    ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียม ที่งานทะเบียนรถ 

•    รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน

 

หมายเหตุ การโอนกรรมสิทธิ์รถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันโอน (หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท)

 

อ้างอิง: ขั้นตอนต่าง ๆ เข้าไปที่เวปไซด์ http://www.dlt.go.th/th 

 

วิธีที่ 1 การโอนกรรมสิทธิ์ ตรงกับเจ้าของ

 

    หลังจากทำสัญญาซื้อขายกันเสร็จสรรพ ก็ทำธุระกรรมได้เลย วิธีนี้ทำได้ง่ายๆ โดยผู้ซื้อและผู้ขาย หรือ คนโอนกับคนรับโอน จับมือกันไปหวานแหววกระหนุงกระหนิงไปทำร่วมกันได้เลย  สามารถนำรถยนต์เข้าไปตรวจที่อาคารตรวจสภาพได้เลย 

หมายเหตุ:  รถที่จะนำไปโอนกรรมสิทธิ์ได้นั้น ต้องมีสภาพตรงตาม คู่มือจดทะเบียน (เล่ม)  เช่นหากมีการติดตั้ง แก้ส NGV / LPG ก็ต้องแจ้ง แก้สลงในคู่มือให้เรียบร้อย แต่หากยังไม่ได้แจ้ง แต่มีเอกสาร สามารถดำเนินการพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ กรณีที่คล้ายคลึงกันก็เช่น เปลี่ยนสี ติดตั้งต่อเติมรถ เปลี่ยนเครื่องยนต์ เป็นต้นค่ะ

     ตำแน่งการเซ็นที่ถูกต้องคือ

 

ผู้ขายเซ็น ตรงที่ทำเครื่องหมายไว้

 

 

 

 

 

ส่วนผู้ซื้อ เซ็น ตรงที่ทำเครื่องหมายไว้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อดีของวิธีนี้คือ

 

      ผู้ขายมั่นใจได้ว่า รถคนนี้กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้ซื้อทันที หากมีการปรับกรณีผิดวินัยทางจราจร หลังจากวันที่ทำธุรกรรม ไม่ต้องมาแบกความเสี่ยงเรื่องภาระต่างๆ  หรือ ภายหลังจากการขายแล้วไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์แล้วรถเกิดเป็นของกลางในการก่อคดี ต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุ ยาเสพติด เจ้าของกรรมสิทธิ์ล่าสุดจะเป็นบุคคลแรกที่ทางตำรวจจะติดตาม เรียกตัวมาสอบถาม 

ข้อเสีย

    ต้องเสียสละเวลาไปด้วยกัน ซึ่งระยะเวลาในการทำธุระกรรมทางทะเบียนขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ และจำนวนผู้ใช้บริการ ณ ขณะนั้นด้วย  แต่หากเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตัวเองได้ อาจจะมอบอำนาจให้คนที่ไว้ใจได้มาดำเนินการแทน แต่ระยะเวลาในการดำเนินการก็เท่าเดิม หรืออาจเลี่ยงไปใช้วิธีโอนลอยได้

ข้อปฏิบัตสำคัญของวิธีนี้ 

 

1.    กรอกรายละเอียดลงในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน เพราะว่าถ้าคุณกรอกไม่ครบทางเจ้าหน้าที่จะให้คุณไปกรอกใหม่แล้วค่อยมารับบัตรคิว

2.    ติด อากรแสตมป์กรณีมีใบมอบอำนาจ 10 บาท / 1 ใบมอบอำนาจ

3.    ตรวจดูวันหมดอายุของบัตรประชาชน เป็นสำคัญ

4.    ผู้ซื้อดูวันต่อภาษีด้วย หากภาษีหมดจะถูกบังคับให้ต่อภาษีก่อนจึงจะสามารถโอนได้ 

5.      ดูด้านหลัง สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่ม) หน้าบันทึก 18-19 ว่ามีการแจ้งขอใช้ในเขตพื้นที่ใด ต้องไปทำเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ ที่เขตพื้นที่รับผิดชอบนั้น

เช่น เจ้าของกรรมสิทธิ์ทะเบียนอยู่ต่างจังหวัด แต่ใช้รถยนต์ทะเบียน กรุงเทพต้องการทำเรื่องขอใช้ป้ายทะเบียนในกรุงเทพ แต่ต้องเลือกว่า จะใช้ในเขตใด 

 

ตามรายการต้านล่างนี้

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1

1005 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 

โทร. 0-2415-7337

 

รับผิดชอบในเขตพื้นที่

เขตบางขุนเทียน บางคอแหลม จอมทอง ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ คลองสาน สาทร ทุ่งครุ บางบอน และยานนาวา

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2

51 ถนนสวนผัก แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 

โทร. 0-2882-1620-35

 

รับผิดชอบในเขตพื้นที่

เขตตลิ่งชัน บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ หนองแขม พระนคร บางแค และ             ทวีวัฒนา

 

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3

ตรงข้ามซอยสุขุมวิท 62/1 2479 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260

โทร. 0-2332-9688-91

 

รับผิดชอบในเขตพื้นที่

เขตพระโขนง ประเวศ สวนหลวง คลองเตย บางนา วัฒนา และบางจาก

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4

34 หมู่ 6 ถนนร่วมพัฒนา แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กรุงเทพฯ 10530 

โทร. 0-2543-5500-2

 

รับผิดชอบในเขตพื้นที่

เขตมีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง บึงกุ่ม สะพานสูง คันนายาว และคลองสามวา

 

กรณีไม่ได้ระบุว่าขอใช้ป้ายในเขตอื่น หรือจังหวัดอื่น ให้ดูตาม เขตหรือ จังหวัดในหน้าผู้ครองครอง คนสุดท้ายได้เลยค่ะ

ของต่างจังหวัด ดูข้อมูลได้ที่ http://www.dlt.go.th/th/index.php?option=com_weblinks&view=category&id=54&Itemid=57

 

วิธีที่ 2 การโอนลอย 

 

    วิธีนี้คำ ฮอตฮิตติดปาก ใครๆ ก็พูดๆกัน ว่าโอนลอย แล้วโอนลอยคืออะไร   โอนลอย คือการที่เจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม เซ็นผู้โอนไว้แต่ไม่ได้ระบุ ว่าจะโอนให้ใคร  โดยให้เอกสารสำหรับการโอนไปทั้งหมด 

       •    ใบคู่มือจดทะเบียนรถ

       •    สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 

            ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผุ้มีอำนาจลงนาม

       •    แบบคำขอโอนและรับโอน 

       •    หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ   กรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง

 

ข้อควรระวังสำหรับวิธีโอนลอย

 

         1.    ห้ามลงวันที่ในใบคำขอโอน

         2.    ดูตำแน่งวันหมดอายุบัตร  โดยให้คุณประเมินดูว่าระยะเวลา ที่คุณจะไปดำเนินการโอนเมื่อใด มีเวลาพอก่อนวันบัตรหมดอายุหรือไม่

         3.    ลายเซ็นในหน้าผู้ครอบครองสุดท้าย ได้เซ็นหรือยังและลายมือชื่อนั้นต้องตรงกับเอกสารที่ใช้กรอก

         4.    ดูชื่อในเล่มทะเบียนและบัตรประชาชนตรงกันหรือไม่ หากไม่ต้องต้องขอเอกสารในการเปลี่ยนชื่อ มาประกอบด้วย

         5.    ใบมอบอำนาจ เตรียมไว้เผื่อ 2 ชุด สำหรับการย้ายจังหวัดจะใช้ เพิ่มอีกชุดกรณีต้องการใช้รถในจังหวัดอื่นหรือออกทะเบียนเป็นพื้นที่อื่น

         6.    กรณีเจ้าของรถเป็นช่าวต่างชาติ

 

               * ภาพถ่ายหนังสือเดินทาง ซึ่งได้รับการตรวจลงตราวีซ่าถูกต้องตามกฎหมาย

               * หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่หรือหนังสือรับรองการทำงานจากสถานฑูต กรมการกงสุล กองตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน หน่วยราชการอื่นๆ หรือองค์การระหว่างประเทศ

 

        7.    เก็บสัญญาซื้อขายและสำเนาบัตรของผู้ขาย ไว้ตลอดอายุรถยนต์ เพราะหากมีการปรับกรณีผิดวินัยทางจราจร หลังจากวันที่ทำธุรกรรม ไม่ต้องมาแบกความเสี่ยงเรื่องภาระต่างๆ  หรือ ภายหลังจากการขายแล้วไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์แล้วรถเกิดเป็นของกลางในการก่อคดี ต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุ ยาเสพติด เจ้าของกรรมสิทธิ์ล่าสุดจะเป็นบุคคลแรกที่ทางตำรวจจะติดตาม เรียกตัวมาสอบถาม คุณจะใช้สัญหาซื้อขายและ สำเนาบัตรของผู้ขายมาประกอบคำให้การได้

 

ตำแหน่งการเซ็นให้ถูกต้อง

สำหรับผู้โอน

 

 

ใบมอบอำนาจ

 

 

เซ็นสำเนาบัตรประชาชน ให้เซ็นรับรองว่า "ใช้สำหรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทะเบียน..............."

 

แบบคำขอต่างๆ ขอได้ที่

http://www.dlt.go.th/th/eform/index.php

ใน ความเป็นจริงแล้วจะมีการโอนหลายแบบ เช่นการ โอนย้ายปลายทาง การโอนจากไฟแนนซ์มาผู้เช่าซื้อ หรือการซื้อที่เจ้าของเพิ่งปิดไฟแนนซ์มา ซึ่งมีหลายกรณี เอาไว้โอกาสหน้าจะมาเหลาให้อ่านใหม่นะคะ 

ข้อมูลที่ให้หวังว่าเป็นประโยชน์กับคนอื่นไม่มาก็น้อย

 

โพสท์โดย: ไฟแนนซ์รถ
อ้างอิงจาก: Prayut ไฟแนนซ์ไม่เช็คเครดิต
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไฟแนนซ์รถ's profile


โพสท์โดย: ไฟแนนซ์รถ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เผยโฉม แอดมินเพจเชื่อมจิต งามซะ...เล่นเอาหนุ่มๆ อยากเชื่อมจิตกันใหญ่เลย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนุ่มกลัวเยาวชนติดยาบ้า..เลยอาสากว้านซื้อยามาเสพเองสาเหตุที่ผู้หญิงต้องไปสู่ขอผู้ชาย ในอินเดียไม่จบ! "ม้า อรนภา" เดือด อยู่เฉยๆ โดนขุดอดีตการเมืองเผยโฉม แอดมินเพจเชื่อมจิต งามซะ...เล่นเอาหนุ่มๆ อยากเชื่อมจิตกันใหญ่เลย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
จบจากโรงเรียนไหนเข้าจุฬาได้มากที่สุดประเทศที่ปั๊มลูกมากที่สุดในเอเชียรีวิวหนังสือ สิ่งที่ใช่จะมาในเวลาที่เหมาะสมภาพถ่ายเก่าๆ ของสงครามโลกครั้งที่สอง: เจ้าหน้าที่และทหารสหรัฐฯ ฝึกซ้อมที่ฐานทัพ Fort Benning ในสหรัฐอเมริกา
ตั้งกระทู้ใหม่