หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดุจหนึ่ง

เนื้อหาโดย อักษราลัย

งานชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการดูซีรี่ส์ เด็กในเรื่องกรีดแขนตัวเอง ทั้งที่อยู่ในวัยที่ควรสดใส เธอมีอายุแค่สิบสี่ แต่มีแรงกดดันมากมาย
......

ดุจหนึ่ง
โดย : อักษราลัย


ดุจหนึ่งขยับมือดึงก้านโยกฝักบัวปล่อยน้ำให้รินไหลลงมา น้ำอุ่นจัดแบบที่เขาชอบเมื่อชะโดนเลือดตรงรอยแผลที่แขนนั้นทำให้น้ำที่ไหลลงพื้นมีสีแดงจาง ๆ จากเลือดของเขาเอง แขนด้านซ้ายมือมีรอยแผลเป็นแบบคีลอยด์ที่นูนโป่งขึ้นมาจากผิวหนังเป็นเส้น ๆ เรียงต่อๆ กันเหมือนรอยบัดกรีตะกั่ว มันดูงดงามมากในสายตาของเขา ความรู้สึกแสบของแผลเมื่อโดนน้ำ ช่วยให้เขาสงบ รู้สึกมีตัวตน สบายหายอึดอัด

เขาชอบความรู้สึกยามกดคัตเตอร์กรีดลงไปที่แขนพอให้เลือดออก แต่ต้องระวังไม่ให้ลึกจนเกินไป ไม่งั้นเลือดจะซึมตลอดแล้วแม่อาจเห็นได้ ความรู้สึกดีนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญจากการโดนคัตเตอร์บาด จากที่รู้สึกด้านชา ไม่รัก ไม่เกลียด ไม่กลัวอะไร ความชินชากับความรู้สึกต่าง ๆ อารมณ์คล้ายกับตอนดัดฟัน ใหม่ ๆ จะเจ็บตึง แต่พอชินแล้ว ก็รู้สึกเฉย ๆ ทั้งที่แรงกดแรงตึงยังมีอยู่ และมันจะดีขึ้นมากหลังจากเขากรีดแขนตัวเอง จนกว่าจะมีเรื่องใหม่เกิดขึ้น เพื่อให้เขาใช้มันเยียวยาความเจ็บปวดข้างในอีกครั้ง และอีกครั้ง

.

ดุจหนึ่ง...คือบุตรชายคนเดียวของท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ชื่อ "ดุจหนึ่ง" คือ ชื่อที่แสดงว่าพ่อมีความตั้งใจที่จะให้เขาต้องเป็นหนึ่งในทุกเรื่อง เขามีหน้าที่รับคำสั่งทั้งจากพ่อและแม่ในเรื่องที่ต่างกัน พ่อนั้นขอให้เขาเรียนดี แบบที่ต้องดีที่สุด เกรดจะตกไม่ได้เพราะนั่นคือความขายหน้าของพ่อ ส่วนแม่มักจะพยายามให้เขาเป็นคนหล่อ สุภาพ ผู้ดี สมกับเป็นลูกข้าราชการระดับสูง ยิ่งเมื่อพ่อได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี พ่อและแม่ยิ่งกวดขันเขามากขึ้น

เขาเรียนพิเศษตั้งแต่ชั้นประถม ไม่สิก่อนเริ่มเข้าเรียนอนุบาลเขาก็ต้องเรียนพิเศษกับครูแล้ว วันเวลาของเขาหมดไปกับการติว การเรียนพิเศษ หลากหลายวิชาที่ถาโถมเข้ามาจนแทบไม่เหลือเวลาส่วนตัว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาครั้งใดก็อิจฉาเพื่อนคนอื่น แม้เพื่อนเหล่านั้นบางคนจะจนใส่กางเกงตูดปะ แต่ก็ไม่เห็นมีความกดดัน ความเครียดในสีหน้าพวกนั้นเลยสักนิด

.

โรงเรียนดังฉายาจตุรมิตร ที่พ่อเป็นศิษย์เก่า และเขาสอบเข้าได้เป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนนสูงจนได้อยู่ห้องคิงส์ ดุจหนึ่งดีใจจนเนื้อเต้นเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่สุด เมื่อนำข่าวดีมาบอกพ่อ พ่อแค่พยักหน้าและตอบเขากลับมาว่า
"มันต้องได้อยู่แล้ว แล้วอย่าลืมทำลายสติถิคะแนนแต่ละวิชาที่พ่อทำไว้ด้วยละ"

วันก่อนพ่อเรียกเขาเข้าห้องเชือด จริงๆ ก็ห้องทำงานของพ่อนั่นแหล่ะ โต๊ะไม้พะยุงลายสวยตั้งเด่นอยู่กลางห้องข่มให้เขาตัวเล็กลงไปอีก ชั้นหนังสือด้านหลังที่ทำจากไม้สัก แออัดไปด้วยหนังสือหายาก หนังสือชั้นครู หนังสือที่ใครว่าดี พ่อมีสะสมไว้จนแน่นเต็มทุกชั้น กลิ่นหนังสือผสมกลิ่นไม้ทำให้ห้องนี้ดูลึกลับมีมนตร์ขลัง แอร์ที่หนาวจับขั้วหัวใจ ทำให้สมกับสมญานามที่เขาเรียกห้องนี้ว่า 'ห้องเชือด'

"แกทำคะแนนตกไปสองคะแนน ในวิชาเคมี"
พ่อเริ่มพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ จ้องตาเขม็งใส่ ขณะมือดันแว่นให้ชิดขอบตา ในมือมีใบเกรดกางอยู่
"แต่ผมก็ยังได้เกรดสี่ และเป็นที่หนึ่งของห้องนะครับ"
เขาตอบพ่อด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ มือมีเหงื่อออกมาจนเต็มฝ่ามือ เหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ทั้งที่ตอนแรกเขารู้สึกเย็นจนหนาวด้วยซ้ำ
"แกจะได้แค่เกรดสี่ไม่ได้ แกไม่ควรจะทำผิดเลยสักข้อ เพราะแกเป็นลูกชั้น แกลืมไปแล้วหรือไง"
"ครับพ่อ ผมจะพยายามให้มากกว่านี้ครับ ขอโทษครับพ่อ"
"คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว แกไปได้แล้ว แล้วบอกสมให้เอารถออกด้วย พ่อจะไปงานเลี้ยง"
"ครับ"
เขาเดินออกมาจากห้องเชือด ลอบถอนใจอย่างโล่งอก สวนกับคนขับรถของพ่อจึงบอกให้เอารถออกพาพ่อไปงานเลี้ยง ก็เป็นแบบนี้แหล่ะเวลาที่พ่อมีให้เขาก็แค่เวลาเรียกมาตำหนิ นอกนั้นเวลาของพ่อคือนอกบ้าน

.

เมื่อเดินกลับเข้ามาห้องนอน เอาอีกแล้วความรู้สึกแน่น ๆ มันมาอีกแล้ว เขาเดินตรงไปหยิบคัตเตอร์กรีดลงบนแขนอย่างชำนาญ กดจนเลือดซึมออกมา ความรู้สึกแน่นอึดอึดเริ่มหายไป เขารู้สึกสบายใจขึ้น โล่งขึ้น ผ่อนคลายขึ้น เขาคลี่ยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ

เขาอาบน้ำนานเท่าไหร่ไม่รู้ เขาได้ยินคล้ายเสียงคนเรียกมาจากที่ไกล ๆ สติของเขาเลือนลาง ความเจ็บปวดที่แขนคราวนี้ทวีมากกว่าทุกครั้ง ก่อนทุกอย่างจะวูบดับไปเขาได้ยินเสียงแม่ตะโกน
"ว้าย ตาหนึ่ง ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที ตาหนึ่งกรีดแขนฆ่าตัวตาย"

เขาฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาล นอกจากแผลที่แขนแล้ว ที่หัวเขาก็มีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบ มีรอยเลือดออกและหัวปูด แม่เดินน้ำตาคลอเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าอมทุกข์ ทำให้แก่ขึ้นไปกว่าปกติที่มักจะสวยเช้งสมเป็นเมียรัฐมนตรี
"ทำแบบนี้ทำไม ไหนบอกแม่สิ แกมีทุกอย่างที่คนอื่นเขาไม่มี บ้านหลังใหญ่ เงินทองไม่เคยขาดมือ คนรับใช้เต็มบ้าน อยากได้อะไรก็ได้ นี่พ่อเขาก็เตรียมรถเบนซ์สปอร์ตไว้ให้แก ถ้าแกเอนทรานซ์ได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ"
เขาไม่ตอบได้แต่เบือนหน้าหนีไป อยากหายตัวไปที่ไหนสักที่ ที่ไม่มีพ่อกับแม่ ที่นั่นเขาคงมีอิสระมากกว่านี้

หมอเดินเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับแม่ แม่ตกใจจนทำกระเป๋าหลุยส์ใบสวยตกพื้น หมอเดินเข้ามาหาดุจหนึ่งแล้วบอกเขาว่า
"หมอคิดว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ พรุ่งนี้หมอเอกจะเข้ามาพบคุณตอนเจ็ดโมงเช้า หมอเอกจะคุยกับคุณพร้อมคุณแม่นะครับ"
เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหลับไปด้วยฤทธิ์ยา

.

หมอเอกมาพบเขาที่ห้องพัก หมอมองเขาด้วยแววตาแบบคนใจดี หมอพูดอธิบายเขากับแม่ว่า
"อาการที่ดุจหนึ่งที่เป็นอยู่คืออาการทางจิตที่บางคนมองว่าเรียกร้องความสนใจ แต่ที่จริงแล้วคนไข้มีความอึดอัด เครียด มีทุกข์อย่างแสนสาหัส จนไม่รู้จะระบายออกมายังไงจึงเลือกทำร้ายตัวเอง เมื่อทำร้ายตัวเองจะทำให้รู้สึกสบายขึ้น สาเหตุบางส่วนมาจากความอึดอัดที่ได้รับความกดดันจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัว ที่มีการสื่อสารกันแบบซ้ำ ๆ เช่น ต้องตั้งใจเรียน ต้องทำเกรดให้ดี ทำอะไรก็ผิด หรือไม่ดีพอไปหมด บางคนรับแรงกดดันจากพ่อแม่ในรูปแบบของความคาดหวัง แม้เมื่อจะทำได้ดีแล้ว ก็ไม่เคยได้รับคำชม แถมยังอาจโดนกดดันว่าต้องทำให้ดีกว่านี้อีก จึงเกิดความรู้สึกว่าถูกกดดัน อึดอัด พูดไม่ได้ พูดไปก็ไม่มีใครฟัง ความผิดหวัง ความทุกข์ เจ็บปวดซ้ำไปซ้ำมาจะสะสมแล้วค่อย ๆ ฝังลึกลงไปในฐานของจิต ค่อย ๆ กลายเป็นความด้านชาที่ไม่รู้ตัว"

หมอเอกมองหน้าเขากับแม่ แล้วจึงพูดต่อ
"พวกเขาจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ไม่รัก ไม่เกลียดไม่กลัว จะเฉย ๆ ชินชากับความรู้สึกนั้น แต่ลึก ๆ ยังมีความเจ็บปวดอยู่ แต่หลบซ่อนอยู่ภายใน และเจ้าตัวจะไม่ยอมรับความเจ็บปวดโดยพยายามกดความรู้สึกไว้ไม่ให้เจ็บปวด ความรู้สึกที่เจ้าตัวพอจะรับรู้ได้ก็คือความรู้สึกอึดอัด เครียด กดดัน และไม่รู้ว่าจะหยุดมันได้อย่างไร ดังนั้นการย้ายความเจ็บปวดจากภายในให้ปรากฏออกมาภายนอกจึงเป็นวิธีที่พวกเขาใช้ แม้ลึก ๆ พวกเขาไม่อยากทำ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้"

คุณแม่พอจะเข้าใจนะครับ หมอเอกพูดจบก็หันไปมองหน้าแม่ของดุจหนึ่ง แล้วเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย

.

คำพูดของหมอเอกเหมือนเปิดเปลือยหัวใจและความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของดุจหนึ่ง เขาค่อย ๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลซึมออกมา ทั้งที่เขาไม่ได้อยากร้องไห้ และเขาไม่ร้องไห้มานานแล้ว เพราะพ่อบอกเขาเสมอว่าเป็นลูกพ่อห้ามร้องไห้ นานจนลืมไปแล้วว่าการร้องไห้ คือ กระบวนการปลดปล่อยความทุกข์ได้อย่างหนึ่ง

แม่ที่นิ่งฟังหมอเอกมานาน ก็มีน้ำตาคลอออกมาเหมือนกัน แม่ขยับเข้ามากอดเขาแล้วบอกเขาว่า
"แม่ขอโทษ แม่ไม่รู้เลย ไม่เคยรู้เลย แม่เข้าใจแล้ว แม่ขอโทษ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย แม่จะคุยกับพ่อเอง หนึ่งอย่าทำแบบนี้อีกนะลูก"

ดุจหนึ่งพยักหน้า แค่แม่ได้รับรู้ความรู้สึกเขาอย่างเข้าใจ เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว

"ครับแม่ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก"

เขาเองก็หวังว่าเขาจะไม่ต้องทำมันอีกตามที่บอกกับแม่ของเขาจริง ๆ ....■

เนื้อหาโดย: อักษราลัย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
อักษราลัย's profile


โพสท์โดย: อักษราลัย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เตือนภัย! ผลไม้ 3 อย่างที่เซลล์มะเร็ง "ชอบ" แต่คนไทยกินกันบ่อยมาก!เปิดลานประลองใหญ่ที่ ICON PARK, ICON SIAM ต้อนรับแคมเปญภาคต่อ #เล่นลุ้นตาย กับซีรีส์เกาหลีขวัญใจชาวโลก #SquidGame2 #สควิดเกม2งานกาชาดร้อนแรง! หมวดกรุ๊ปหล่อกล้ามใหญ่ ตำรวจน้อยตกน้ำที่สาวๆ ตามหาต้นคริสต์มาสสุดสร้างสรรค์! ไวรัลดัง 70 ล้านวิว รู้เลยบริษัททำอะไรสาวสวยอินเตอร์ ตะลุยเขาสก สัมผัสธรรมชาติที่เหมือนหลุดไปในหนังอวตาร"แบมแบม" โต้ข่าวลือไปทำศัลยกรรมหน้า ลั่น! "จะเอาเวลาที่ไหนไปทำ"อาหารแก้ท้องอืด กลุ่มอาหารลดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพลำไส้ให้สมดุลดราม่าแรง! ร้านอาหารจีนตลาดคลองเตย ไรเดอร์บอกเหม็นจนจะอ้วกชีวิตหลังแสงสี! "ทองขาว ภัทรโชคชัย" จากพระเอกดาวรุ่ง สู่พ่อค้าสะเต๊ะไก่ในวันเรียบง่ายเปิดโปรไฟล์ โฟม เบ็ญจมาส ภรรยา เจมส์จิ พร้อมอาชีพที่หลายคนอยากรู้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชีวิตหลังแสงสี! "ทองขาว ภัทรโชคชัย" จากพระเอกดาวรุ่ง สู่พ่อค้าสะเต๊ะไก่ในวันเรียบง่ายเตือนภัย! ผลไม้ 3 อย่างที่เซลล์มะเร็ง "ชอบ" แต่คนไทยกินกันบ่อยมาก!"แบมแบม" โต้ข่าวลือไปทำศัลยกรรมหน้า ลั่น! "จะเอาเวลาที่ไหนไปทำ"เมื่อฉันไปบาหลี EP.4 Monkey forest Ubudงูสีสันสะดุดตาแห่งแคลิฟอร์เนีย: California Red-Sided Garter Snake
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เรื่องสั้น
มาเล่นกันเถอะเรื่องสั้นระทึก คืนหวามเงาในความทรงจำมือที่เยียวยา
ตั้งกระทู้ใหม่