การจากไปของมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวที่สุดในโลก!
การจากไปของมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวที่สุดในโลก
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สำเร็จลงแล้ว
—————
⚫️ การรุกรานที่โหดเหี้ยม
1- นานมาแล้ว ณ ดินแดนในรัฐฮงโดเนีย ประเทศบราซิล ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนโบลิเวีย และลึกเข้าไปในป่าฝนแอมะซอน ดินแดนแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่ง (ตามกฎหมายบราซิล ชนพื้นเมืองมีสิทธิครอบครองที่ดินได้โดยถือเป็นการครอบครองตามประเพณี)
2- พวกเขาไม่ติดต่อโลกภายนอก ดำรงชีพตามธรรมชาติ ปลูกกระท่อมฟาง ล่าสัตว์ ปลูกพืชพอยังชีพ ขุดหลุมเพื่อดักสัตว์และซ่อนตัวจากอันตราย ซึ่ง ณ เวลานั้นการมีอยู่ของพวกเขายังไม่เป็นที่รับรู้มากนัก
3- ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา มนุษย์ในโลกยุคใหม่พยายามบุกรุกดินแดนแห่งนี้เพื่อนำที่ดินมาทำไร่และปศุสัตว์ เมื่อพบว่ามีชนเผ่าอาศัยอยู่จึงกวาดล้างอย่างโหดเหี้ยมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น จ้างมือปืนสังหาร ทำให้ผืนดินค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพจากป่าไปเป็นไร่และฟาร์ม ในขณะที่คนในชนเผ่าก็ถูกฆ่าตายไปเรื่อย ๆ โดยไม่เคยมีใครได้รับโทษ
—————
⚫️ ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียว
4- กระทั่งในปี 1995 ก็เหลือคนในชนเผ่านี้เพียง 7 คน และโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นในปีนี้ เมื่อเจ้าของฟาร์มใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมสังหารหมู่พวกเขา นั่นคือการนำน้ำตาลไปวางไว้กลางป่าหลายครั้ง ชนเผ่าค่อย ๆ เรียนรู้ว่าสิ่งนี้สามารถทานได้ กระทั่งวันหนึ่งน้ำตาลก็มาพร้อมยาเบื่อหนู ทำให้พวกเขาเสียชีวิตถึง 6 คน เหลือชายคนหนึ่งรอดชีวิตเพียงคนเดียว
5- ในปี 1996 มีนักเคลื่อนไหวเพื่อชนเผ่าสังเกตเห็นว่า พื้นที่หนึ่งที่ถูกบุกรุกเพื่อนำมาทำฟาร์ม แม้จะใช้แทรกเตอร์กวาดจนเหี้ยนเตียน แต่ก็ยังมองเห็นรอยหลุมขนาดใหญ่จำนวน 14 หลุมได้ แต่ละหลุมลึกประมาณ 180 ซม. และเป็นการขุดด้วยมือทั้งสิ้น จนนำไปสู่การค้นพบความจริงว่า ที่ทำกินเหล่านี้เคยเป็นของชนเผ่าหนึ่งมาก่อน
—————
⚫️ ชีวิตกลางป่า
6- มูลนิธิฟูไน (FUNAI) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลบราซิล ทำหน้าที่คุ้มครองชนพื้นเมืองได้ลงพื้นที่ไปสำรวจทันที ทำให้พบว่ามีคนในชนเผ่ารอดชีวิตมาได้ 1 คน แล้วหลังจากนั้นฟูไนก็พยายามติดตามความเคลื่อนไหวของเขามาตลอด
7- ฟูไนติดตามศึกษาชีวิตของเขาอยู่ห่าง ๆ นานหลายปี พบว่าเขาสร้างกระท่อมจากกิ่งไม้และฟางหญ้า ภายในบ้านขุดหลุมลึกไว้ดักสัตว์ และตัวเขาเองก็มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในหลุมนั้น เชื่อว่าหลุมนี้มีนัยสำคัญทางจิตวิญญาณแก่ชนเผ่าของเขาด้วย
8- เขามีสุขภาพแข็งแรง ยังชีพด้วยการล่าสัตว์ เก็บผลไม้ป่า น้ำผึ้งป่า รู้จักการปลูกพืช และเขามักจะย้ายที่อยู่เป็นระยะ หลายปีที่ผ่านมาพบว่าเขาสร้างบ้านและย้ายไปสร้างใหม่มากกว่า 10 หลัง
9- จากการเข้าไปสำรวจบ้านหลังหนึ่งของเขา นอกจากพบหลุมลึกแล้ว ยังพบลูกศรและหอกที่เขาฝนหัวจนแหลมเพื่อล่าสัตว์ พบคบเพลิงที่ทำจากไม้ รอบบ้านมีสวนและผลผลิต เช่น ต้นมะละกอ ข้าวโพด มันสำปะหลัง มีรอยเท้ามากมายของเขาในสวน เขาคงใช้เวลาไม่น้อยไปกับการทำสวน
—————
⚫️ ปฏิเสธการติดต่อกับโลกภายนอก
10- อย่างไรก็ตาม ฟูไนไม่สามารถระบุได้ว่าเขาคือชนเผ่าใด ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ หรือพูดภาษาอะไร เพราะเขาส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่ต้องการติดต่อกับคนที่ไม่ใช่ชนพื้นเมือง ในปี 2009 เจ้าหน้าที่ของฟูไนพยายามติดต่อเขา แต่พอเข้าไปใกล้กระท่อมเขาก็เตือนด้วยการเล็งธนูใส่และวางกับดัก
11- คาดว่าหลังพี่น้องถูกสังหารหมู่ ประสบการณ์ที่เจ็บปวดก็สอนเขาไม่ให้ไว้ใจใครอีกเลย เขาเชื่อว่าการอยู่อย่างโดดเดี่ยวคือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาอยู่รอด หลายครั้งที่ฟูไนนำเครื่องไม้เครื่องมือ เมล็ดพันธุ์ และอาหารไปวางไว้ให้อย่างแยบยลเพื่อช่วยเหลือเขา แต่เขาพิจารณาแล้วว่าไม่ได้มาจากธรรมชาติและไม่แตะต้องมัน
—————
⚫️ การพิทักษ์ผู้รอดชีวิต
12- ฟูไนพยายามอย่างมากที่จะช่วยชีวิตเขา และในปี 2007 ฟูไนก็ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้พื้นที่ที่เขาอยู่กลายเป็นเขตหวงห้ามและได้รับความคุ้มครอง โดยเรียกพื้นที่นี้ว่า “อาณาเขตพื้นเมืองตานารู” (Tanaru Indigenous Territory) ครอบคลุมเนื้อที่ 80 ตารางกิโลเมตร มีเขาเป็นผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวในอาณาเขตนี้ ในขณะที่พื้นที่รอบ ๆ กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์และไร่หมดแล้ว
13- การผลักดันของฟูไนช่วยให้เขารอดชีวิตและได้ดำรงชีพตามวิถีดั้งเดิม แต่ความโลภของบางคนไม่มีที่สิ้นสุด ในปี 2009 เขาถูกมือปืนลอบยิงแต่รอดชีวิตมาได้
14- ปี 2018 ฟูไนได้เผยแพร่คลิปความยาว 22 วินาที เห็นเขาสวมผ้าเตี่ยว ผมยาวห้อยอยู่ข้างหลัง กำลังใช้เครื่องมือคล้ายขวานฟันต้นไม้อยู่กลางป่า โดยคลิปนี้บันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2011
15- เรื่องราวของเขากลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และเนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไร หรือแม้แต่มีชื่อหรือไม่ จึงมีคนตั้งสมญานามให้เขาว่า The Man of the Hole (บุรุษแห่งหลุม)
—————
⚫️ ลาก่อนความโดดเดี่ยว
16- หลังมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน 26 ปี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2022 เจ้าหน้าที่พบร่างของเขานอนเน่าเปื่อยอยู่บนเปลญวนในกระท่อม ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เขาวางขนนกสีสันสดใสไว้รายรอบตัว เหมือนเตรียมพร้อมสำหรับการตาย คาดว่าเขาเสียชีวิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และน่าจะอายุประมาณ 60 ปี
17- ตอนนี้ศพของเขาถูกนำไปชันสูตร และหลังจากนั้นคาดว่าจะนำกลับมาฝังที่บ้านของเขาพร้อมสร้างอนุสรณ์สถานให้ และอาณาเขตตานารูจะยังคงได้รับการปกป้องต่อไป ไม่เช่นนั้นมันคงจะถูกบุกรุกและเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว
18- เขาเป็นชายที่เราไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ แต่การตายของเขาสร้างความเศร้าใจให้คนทั่วโลก ความเหงาและโดดเดี่ยวของเขาตลอด 26 ปี การมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวและหวาดระแวงหลังพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ถูกสังหาร เป็นความรู้สึกที่เราไม่มีวันจินตนาการออก บางคนมองว่านี่คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สำเร็จลงแล้ว ด้วยน้ำมือคนที่กระหายที่ดินและความมั่งคั่ง
19- ปัจจุบันยังมีชนเผ่าต่าง ๆ อาศัยอยู่ในผืนป่าแอมะซอนประมาณ 235-300 ชนเผ่า ที่ไม่สามารถระบุตัวเลขแน่ชัดได้เพราะบางเผ่าไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย และเชื่อว่ามีอย่างน้อย 30 ชนเผ่าอาศัยอยู่ในป่าลึก และแทบไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นภาษาหรือวัฒนธรรม