ทวงคืน ฟื้นบรรยากาศหนังผีตลกไทยสมัยแดนบีมและเต๋าสมชายยังครองใจวัยรุ่น รีวิวไม่สปอยล์จุดสำคัญ
ภาพยนตร์เรื่อง ทวงคืน ผลงาน แดน วรเวช นำแสดงโดย แดนบีม เต๋าสมชาย ค่ายอาร์เอส เอ้ย ไม่ใช่ ค่าย เอ็มพิคเจอร์สครับ แต่ได้เห็นศิลปินเหล่านี้แล้วก็รู้สึกเหมือนย้อนวัยได้กลับไปดูหนังเมื่อยี่สิบปีที่แล้วในสังกัดนี้จริงๆ วัยรุ่นยุคนั้นก็คงเหมือนได้ทบทวนความหลัง อีกทั้งแดนบีมและพี่เต๋าก็ยังคงหน้าใส่ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากเลย (เปลี่ยนไปนี้ดดดดเดียว)
แดนเคยสร้างความประทับใจจากทั้งงานร้องเพลง การแสดง และการกำกับมาแล้ว ผลงานนี้เขารับเหมาหมดทำเป็นเหมือนธุรกิจในครอบครัวและพวกพ้อง ยกให้แพทตี้เป็นนางเอก และเชิญเพื่อนรักพี่เลิฟมาให้เป็นตัวประกอบสนับสนุนให้คู่ของตัวเองมีความโดดเด่นในหนังมากขึั้นไปอีก นอกจากสองคนนี้บทเด่นยังมีพี่เต๋าอีกเต๋าหนึ่งมารับบทผีคนโบราณซึ่งเป็นบทสำคัญ กับพี่เสนาหอยอันนี้บทสมทบของจริง นอกจากนี้ก็ไม่มีใครสำคัญต่อเรื่องนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าหนังไม่ต้องลงทุนเรื่องดารา ส่วนสถานที่นอกจากในเมืองที่หยิบยืมหาที่ถ่ายไม่ยากแล้ว หมู่บ้านไร่ข้าวโพดที่มีทั้งบ้านและคฤหาสถ์อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นโจทย์ของเรื่องนี้ก็เป็นสถานที่ถ่ายทำเดียว แสงสีไฟฟืนก็ไม่ค่อยต้องใช้ อาศัยความมืดกับแสงเขียวเป็นหลัก สรุปว่าน่าจะเป็นหนังทุนต่ำ แต่เมื่อฉายแล้วทำเงินได้เป็นอันดับสองในบรรดาหนังใหม่รองจากสายหลอนซ๋อนวิญญานก็ถือว่าดีมากแล้ว (สายหลอนก็ทุนต่ำของฝรั่ง แสดงแค่หมู่บ้านเดียวกับนักแสดงไม่กี่คนเช่นกัน)
ทวงคืน ออกแนว ผีตลกไทย ผสมกับโรแมนติก ความยาวเกือบสองชั่วโมง ซึ่งบางทีเราก็รู้สึกยาวไปกับหนังที่มีแต่มุกตลกซ้ำเดิมตามความรู้สึก เนื้อหาตามบทประชาสัมพันธ์ที่เราไม่รับประกันว่าจะเป็นจริงตามนี้ (เพราะดูแล้วเห็นว่าไม่ควรสปอยล์ให้เสียอรรถรส) แดนกับแพทตี้เป็นคู่รักตกอับที่กำลังจะเลิกและได้รับงานจากหอยให้ถ่ายคลิปโฆษณาที่จะต้องทำตัวให้เหมือนรักกันสุดๆ ทั้งคู่จึงเดินทางเพื่อถ่ายคลิป บังเอิญได้บีมมาร่วมทางด้วย แล้วบังเอิญก็หลุดไปในหมู่บ้านของเต๋า และโลกของเต๋าอีกเต๋าหนึ่ง เรื่องราวก็วนไปวนมาอยู่แค่นี้กว่าจะจบ แต่ตอนจบถือว่าทำเซอร์ไพรส์และจบได้แบบดีมากครับ อันนี้ไม่บอกนะ แต่บอกแค่ดูมาทั้งเรื่องคิดว่าคงจะให้ 5 เต็ม 10 ละ อาศัยว่าจบดี และชอบ แดน บีม เต๋า เต๋า แพทตี้ (คือชอบหมด 5 คน) ผู้โพสท์จึงขอให้คะแนนด้วยความลำเอียงไป 7 เต็ม 10 ละกันครับ ใครจะให้น้อยกว่านี้ก็ไม่แปลก มากกว่านี้ก็แล้วแต่ชอบเช่นกัน หนังเพื่อความบันเทิงอยู่แล้ว ไม่ได้เพื่อหาสาระคติสอนใจจึงไม่ต้องวัดกันที่ความดี แค่ชอบก็พอ