ต้นทุนเลี้ยงหมูพุ่ง น้ำมัน ไฟฟ้า ปรับราคาซ้ำเติม แนะกลไกตลาดเสรีคือทางออก
เขียนโดย ณัฐภัทร ร่มธรรม นักวิชาการอิสระ ด้านการเกษตร
ปรากฎการณ์ราคาสุกรปรับตัวฉับพลันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่สุดแล้วก็ได้ “กลไกตลาดเสรี” เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย ทำให้ราคาลดลง สู่จุดสมดุลระหว่างปริมาณผลผลิตสุกร กับการบริโภคของประชาชน เรื่องนี้เป็นหลักเศรษฐศาสตร์และหลักจิตวิทยา เมื่อราคาปรับตัวในระดับหนึ่ง ผู้บริโภคจะลดการบริโภคลงหันไปบริโภคโปรตีนชนิดอื่นแทน เมื่ออุปสงค์กับอุปทานกลับมาอยู่ในจุดเดียวกัน ราคาก็จะปรับตัวลดลงได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีการควบคุมราคาหรือบิดเบือนตลาดให้เสียเวลา
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ราคาสุกรปรับตัว เหตุเพราะปริมาณการผลิตที่ลดลง สืบเนื่องจากผลพวงของโรค ASF ในสุกร ที่พบเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา หากพิจารณาตารางแสดงข้อมูลการผลิตสุกรของไทย จะเห็นว่าปัจจุบันจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงหายไปจากระบบมากถึง 10,951 ราย หรือลดลง 9.06% เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่งผลให้ภาพรวมการผลิตสุกรของไทย มีจำนวนสุกรรวมลดลงไปถึง 17.91% เป็นปริมาณแม่สุกรที่หายไป 4.24% และจำนวนสุกรที่ลดลง 18.97% เป็นภาพสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริงของภาวะการผลิตสุกรในขณะนี้
เมื่อปริมาณลดลง ไม่สอดคล้องกับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนเมษายน ทำให้ราคาจำเป็นต้องปรับขึ้น เรื่องนี้ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้ข้อมูลว่า จากปัจจัยด้านต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยเสริมเรื่องสภาวะอากาศแปรปรวนมีผลต่อการผลิตสุกร ส่งผลให้จำนวนสุกรขุนลดลง
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาปริมาณผลผลิตในระยะยาวนั้น กรมปศุสัตว์ได้เร่งให้ปศุสัตว์พื้นที่ทั่วประเทศออกให้ความรู้และสร้างความเข้าใจด้านการยกระดับระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity System) สำหรับฟาร์มการเลี้ยงสัตว์ ทั้งการส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มมีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management : GFM) มาตรฐานที่ใช้ในฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลาง และผลักดันมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) ในฟาร์มขนาดใหญ่อย่างเข้มข้น พร้อมผลักดันแนวทางฟื้นฟูเกษตรกรโดยเฉพาะรายย่อย-รายเล็ก ด้วยหลักเกณฑ์การนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้เลี้ยงทำให้สามารถผลิตสุกรได้อย่างยั่งยืน
ทางด้านสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ยืนยันว่าผู้เลี้ยงสุกรทุกภูมิภาค ร่วมสนองนโยบายรัฐบาล ในช่วงที่ทุกฝ่ายพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังเริ่มนโยบายเปิดประเทศไปแล้วเมื่อ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยผู้เลี้ยงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและใกล้เคียง จะรักษาระดับราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม 100 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ฟาร์มในภูมิภาคพื้นที่ห่างไกลออกไป อาทิ ภาคเหนือ และภาคอีสาน ราคาในพื้นที่สูงกว่าพื้นที่อื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนค่าขนส่งที่แพงกว่า โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือยังคงพึ่งพาชิ้นส่วนสุกร และสุกรขุนจากภูมิภาคอื่นอยู่ แม้ว่าผู้เลี้ยงสุกรจะยังต้องรับภาระต้นทุนการเข้มงวดด้านสุขภาพสัตว์ และต้นทุนวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ที่มีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนราคาน้ำมันดีเซล ที่ปรับขึ้นอีก 2 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร และค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) เรียกเก็บเพิ่ม 23.38 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่า FT เรียกเก็บ 24.77 สต.ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐานจึงต้องจ่ายค่าไฟรวม 4 บาทต่อหน่วย
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ ให้ข้อมูลว่าผลกระทบโรค ASF ทำให้จำนวนเกษตรกรทั่วประเทศลดลงไปเกินกว่าครึ่ง ส่งผลให้ผลผลิตสุกรลดลงกว่า 50% ไม่เพียงพอกับการบริโภค โดยเฉพาะเกษตรกรในภาคเหนือมากกว่า 80% จำเป็นต้องหยุดการเลี้ยง คงเหลือเพียง 20% ที่ยังสามารถเลี้ยงสุกรได้ต่อไป เมื่อปริมาณสุกรไม่เพียงพอจึงต้องพึ่งพาภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมสุกรไทย ยังคงมีผู้เลี้ยงที่หลากหลาย ทั้งเกษตรกรรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ที่พร้อมใจรักษาอาชีพเลี้ยงสุกรเอาไว้ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคอย่างเด็ดขาด สำหรับการปรับราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด โดยไม่มีการขึ้นราคาตามอำเภอใจ แต่เป็นการสะท้อนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นกว่า 30-40% และเพื่อให้เกษตรกรพออยู่ได้บ้าง ย้ำว่าปริมาณสุกรในขณะนี้มีไม่มากและอยู่ในมือเกษตรกรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังคงยืนหยัด คัดค้านแนวคิดการนำเข้าเนื้อสุกร และขอให้ภาครัฐเร่งปราบปรามการลีกลอบนำเข้าเนื้อสุกร เพราะถือเป็นการซ้ำเติมเกษตรกร เพิ่มความเสี่ยงผู้บริโภครับสารเร่งเนื้อแดงที่เป็นสารอันตรายและผิดกฎหมายไทย และยังเป็นระเบิดเวลาทำลายเศรษฐกิจชาติ
สุกรถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ หรือคอมโมดิตี้ (commodities) ที่ปรับราคาขึ้นและลงไปตามดีมานด์และซัพพลาย และราคาจะปรับได้เองตามกลไกตลาดที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นทางออกเกษตรกรทุกคน
ยูเนสโกออกโรง! ปกป้อง ‘ปราสาทพระวิหาร’ เสี่ยงโดนลูกหลง หลังไทย–กัมพูชาเดือดอีกระลอก
กองทัพฯ ชำแหละโดรนพลีชีพกัมพูชา ติดระเบิด–ลากใยไฟเบอร์ควบคุม ผู้บังคับอาจไม่ใช่ทหารกัมพูชา!
รวมภาพตลก ขำขันประจำวันนี้ วันที่ลมหนาวมีพัดมานิดๆหน่อยๆตอนเช้า อีกไม่นานก็จะถึงคริสต์มาสต์แล้วน๊า
สาวจีนปีนตึกชั้น 10 หนีภรรยาหลวง เกือบตก เกาะท่อและระเบียงเพื่อนบ้านในรักสามเส้าอลเวง
เผยคำทำนาย "หลวงปู่ศิลา" เรื่อง "จุดจบพ่อใหญ่ฮุนเซน"..งานนี้ทำเอาโซเชียลขนลุก
พ่อแม่ต้องใจแข็ง! 2 เรื่องที่ลูก ‘ขอแล้วห้ามให้’ ไม่อย่างนั้นน้ำตาอาจเช็ดหัวเข่าตอนบั้นปลายชีวิต
"นุ่น วรนุช" เปิดใจฟ้องหมอดูดัง 20 ล้านบาท ยันชีวิตก้าวหน้าด้วยความพยายาม ไม่ได้พึ่งพาดวงเพียงอย่างเดียว
6 อาหารเพิ่มความ "ฟิตปั๋ง" สำหรับคุณผู้ชาย สู้มือ เลือดไหลเวียนสูบฉีด
วงการมวยเศร้า สูญเสีย "เพชรน้ำตาล วีวินยิมส์" ดาวรุ่งฟอร์มดี ในวัยเพียง 21 ปี
เขมร ดัดแปลงปราสาทพระวิหาร ให้กลายเป็นสนามรบเต็มตัว มีทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร กล้องตรวจการณ์ ระบบแอนตี้โดรน รวมถึงโครงสร้างต่าง ๆ ที่ดูไม่เหมาะสมกับสถานที่ซึ่งควรได้รับการอนุรักษ์
กรมอุตุฯ ออกประกาศด่วน! ฝนถล่ม–ลมหนาวบุกไทยอีกระลอก
จับระทึก งูจงอางนิสัยดุ ชูแม่เบี้ยสู้ กู้ภัยรุดจับเลื้อยซุกหลังเครื่องซักผ้า
เขมร ยิงจรวด BM-21 ถล่มใส่ "ช่องอานม้า" อุบลราชธานี
เขมร ดัดแปลงปราสาทพระวิหาร ให้กลายเป็นสนามรบเต็มตัว มีทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร กล้องตรวจการณ์ ระบบแอนตี้โดรน รวมถึงโครงสร้างต่าง ๆ ที่ดูไม่เหมาะสมกับสถานที่ซึ่งควรได้รับการอนุรักษ์
วงการมวยเศร้า สูญเสีย "เพชรน้ำตาล วีวินยิมส์" ดาวรุ่งฟอร์มดี ในวัยเพียง 21 ปี
สาวจีนปีนตึกชั้น 10 หนีภรรยาหลวง เกือบตก เกาะท่อและระเบียงเพื่อนบ้านในรักสามเส้าอลเวง
"นุ่น วรนุช" เปิดใจฟ้องหมอดูดัง 20 ล้านบาท ยันชีวิตก้าวหน้าด้วยความพยายาม ไม่ได้พึ่งพาดวงเพียงอย่างเดียว
🇱🇦 คนลาวคนหนึ่ง “ถูกทิ้งระเบิดกี่ตันต่อตัวคน?”
รู้หรือไม่ 7 อาหารธรรมดาที่ช่วยเคลือบท้อง เมื่อกินเป็นมื้อเช้า
เตือน! คู่สามีภรรยาเส้นเลือดสมองพังพร้อมกัน หมอแนะนำ 3 อาหารในตู้เย็นที่ควรระวัง
ฮาร์วาร์ดเผย 11 อาหารที่ช่วยล้างไขมันเลว กินทุกวันเพื่อเคลียร์หลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ 5 อาหารที่มีแคลเซียมสูงแทนการต้มซุปกระดูก
