ของที่ระทึก!โคมไฟที่ทำจากหนังมนุษย์
โคมไฟสิ่งที่นอกจากจะเป็นของใช้แล้ว ยังเป็นของสะสมสำหรับผู้ที่คลังไคล้ได้อีกด้วย แต่จะมีใครคาดคิดว่าครั้งหนึ่งโคมไฟเคยเป็นของสะสมของฆาตกร และมันล้วนทำมาจากผิวหนังของมนุษย์ โดยโคมไฟชิ้นนี้ถูกทำขึ้นมาเมื่อยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความโหดเหี้ยมก็มักจะมักจะเกิดขึ้นที่นี้
ไม่ว่าจะเป็นการจับเอาเฉลยไปทดสอบแบบสุดแสนจะทรมานและนอกจากนั้นศพของเฉลยหลายคนยังถูกนำไปทำสิ่งของเพื่อสนองความต้องการของพวกมีอำนาจในค่ายกักกันแห่งนี้อีกด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือโคมไฟ
ในส่วนของโป๊ะโคมไฟอันนี้แทนที่มันจะเป็นผ้าหรือวัสดุอื่นๆแต่มันกลับกลายเป็นผิวหนังของมนุษย์ที่ตายและถูกเลาะออกมาอย่างปราณีต เพื่อมาทำเป็นโคมไฟโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งประดิษฐ์สุดหลอนนี้ไม่ใช่ใครที่ใหนเธอคือ "อินเซ คอก" หรือแม่มดแห่งค่าย วูเคนเว้า ภรรยาของ "ออคโท คอก" ผู้บัญชาการค่าย
เธอมีความซาดิสผิดมนุษย์มนา ซึ่งเธอนั้นมีความชื่นชอบเกี่ยวกับผิวหนังของมนุษย์ โดยเฉพาะผิวหนังที่มีลวดลายรอยสักที่สวยงามและเธอก็ได้ยอมรับภายหลังว่านอกจากโคมไฟแล้ว เธอยังมีของสะสมที่ทำจากผิวหนังของชาวยิวอีกหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นปกหนังสือและถุงมือ
จากคำให้การของพยานรายหนึ่งมีการบอกไว้ว่า นักโทษทุกคนที่มีรอยสักจะต้องไปรายงานตัวที่ห้องรับยาและหลังจากการตรวจสอบนักโทษแล้ว นักโทษที่มีรอยสักที่ดีที่สุดและสวยงามมากที่สุด จะถูกฉีดยาให้ตาย
จากนั้นก็ถูกส่งศพไปยังแผนกพยาธิพิทยาและแยกชิ้นส่วนของผิวหนังทีมีรอยสักที่ต้องการออกจากร่างกาย และภายหลังดูเหมือนว่าสิ่งๆนี้จะกลายไปเป็นต้นแบบให้กับ"เอสกรีน"
ฆ่าตกรโรคจิตที่ฆ่าและสะสมผิวหนังของเหยื่อ เพราะนอกจากที่เขาจะฆาตกรรมผู้คนแล้วแล้วนำหนังของคนที่เขาฆ่าไปประดิษฐ์สิ่งของต่างๆมากมายแล้ว เขาก็ได้นำผิวหนังของศพรายหนึ่ง ที่เขาขโมยมาจากสุสานมาทำเป็นโป๊ะโคลมไฟเช่นเดียวกัน
ยังไรก็ตามของที่ระทึกจากสงครามโลกชิ้นนี้ก็ได้ถูกพบอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์ พายุเฮอริเคนแคททรีน่าในนิวออรีน
แต่ถึงแม้ว่ามันจะถูกตรวจสอบแล้วว่า เป็นผิวหนังของมนุษย์จริงๆ ก็ไมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวหน่วยงานใหนแม้แต่หน่วยงานเดียวที่จะรับมันไว้
ด้วยเหตุผลที่ว่า มันคือสัญลักษณ์แห่งความโหดเหี้ยม ที่เกินกว่าจะรับได้ และไม่มีใครต้องการที่จะเห็นมันอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก:The wonder Light