คนไทยไปไหว้หิน แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดหินในลักษณะนี้ได้อย่างไร

7 กุมภาพันธ์ 2565 (16:41) เนื้อหาโดย ลูกสาวอบต

จาก กท. ทำไมคนเยอะ!! หลังนักท่องเที่ยวตกค้าง ถ้ำนาคานับพัน ทั้งที่จำกัดจำนวนคนไม่เกิน 500 คนต่อวัน มีคอมเม้นต์โดนใจว่า "ไปไหว้หิน

แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดหินในลักษณะนี้ "

กับความเชื่อคนไทย ที่เห็นอะไรแปลกๆ มองเรื่องศัทธา นำหน้าเหตุผลไว้ก่อนจนบางครั้งเกิดเรื่องวุ่นวาย โดนหลอดลวงก็มากมาย เช่น

-ไปไหว้หิน แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดหินในลักษณะนี้นั้น หินก้อนยักษ์ไปอยู่ด้านบน on top ได้เพราะ น้ำพัดพามันขึ้นไปในยุคหนึ่ง ห้ามเอาลงมาเด็ดขาด

เห็นดวงไฟแปลกๆ ถ้าสองชาติมาเจอกัน เช่นไทย กับ อเมริกัน ไทยคงบอกว่า นั้นมัน กระสือ ระวังโดนกินตับ ส่วนชาวมะกันก็บอกง่า นั้นมัน UFO นะระวังโดนจับตัวไปดาวอังคารพุธศุกร์เสานี้ไม่ว่าง แต่จริงๆ มันอาจเป็นพลังทดแทน ลดโลกร้อนได้ นะจ๊ะ

วัตถุแปลกๆ ผ่านหน้า CCTV แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการแสงอินฟาเรด ว่ามันจับภาพที่สายตาเรามองไม่เห็นได้อย่างไร ข้อจำกัด และโฟกัสของกล้อง กลับคิดเป็นตุเป็นตะ

จิ้งจกทัก แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับจิ้งจกมันร้องทำไม มันร้องได้ไง จะได้ส่งเข้าประกวด แบบนกแก้ว เราก็คิดไปว่า มันทักวันนั่นดวงจะไม่ดี จิ้งจกมันฉลาดกว่ามนุษย์จริงๆ

เจอน้ำผุดขึ้นมามาปุดๆ เอาแล้ว แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับว่าน้ำนั้นมาจากไหน ปลอดภัยหรือไม่ ก่อนจะไปตักมาแดรก หรือเอามาอาบพรมตัว

รอยพญานาค บนพื้น บนหน้ารถยนต์ แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับว่า งูเลื้อยมันไม่ใช่แบบนี้ หรือนี่มันเป็นแมลง กำลังดิ้นรนเอาตัวรอด

บันไดเดินได้ แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับว่า บัน- (และรวมทั้ง บรร-) ถูกเพิ่มเข้ามา เนื่องจากเคยเชื่อว่ามาจากภาษาเขมร แต่ภาษาเขมรไม่มีคำนี้; ร่วมรากกับ กระได อะไรเทือกนี้แหละ

ร่างสัตว์ปริศนา ดูคล้ายพญาครุฑ แทนที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับว่าพญาครุฑ มันสัตว์กึ่งเทพที่ปรากฏอยู่ในปกรณัมของอินเดีย และวรรณคดีเรื่องมหาภารตะ ร้อนจนต้องเอาไปเอกซเรย์