ราตรีแห่งความหวัง
รา
ตรีแห่งความหวัง
โดย : อักษราลัย
แดดโรยแสงอ่อนลงจนลับขอบฟ้าไกล ท้องฟ้าเริ่มมีเงาสีเทาหม่นมาแต่งแต้ม หลายชีวิตเริ่มเตรียมตัวเอนกายพักผ่อน นกน้อยบินกลับรวงรังเป็นทิวแถว เพชร...นั่งมองฟ้าหน้าบ้านด้วยใจจดจ่อ รอคอยการกลับมาของหญิงอันเป็นที่รัก จนฟ้ามืดสนิทยุงเหลือบริ้นไรเริ่มไต่ตอม เขาก็ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น อยู่กับการรอคอย แหงนมองบนท้องฟ้าดวงดาวนับร้อยพันส่องแสงระยิบระยับ หากแต่เขาก็ยังคงเฝ้าคอย
เสียงสวบสาบดังเข้ามาใกล้ เพชรขยับตัวลุกขึ้นเพ่งมองไปตามเสียง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเป็นห่วงเป็นใยทุกครั้งที่หล่อนยังไม่กลับมา
"ทำไมวันนี้กลับมืดจังครับแม่"
"มัวแต่เก็บผักให้พอน่ะสิ พรุ่งนี้ต้องจ่ายค่าเทอมไม่ใช่เหรอลูก มาเถอะมาช่วยแม่เตรียมของ"
หญิงผู้เป็นที่รักตอบกลับ
เพชรเหลือบมองสีหน้านั้น จากน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใด สีหน้าก็เช่นกัน แต่แววตานั้นกลับมุ่งมั่น เขาและหล่อนอยู่ด้วยกันเพียงสองคนกับที่ดินแปลงน้อยจำนวนห้าไร่ชานเมืองหลวง ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล
ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่กันครบพร้อมหน้าตามประสาพ่อ-แม่-ลูก แต่คืนนั้นวันไร้ดาวฟ้ามืดมิด วันที่งูตัวใหญ่พล่าผลาญชีวิตพ่อของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ นั่นทำให้เขาเกลียดกลางคืน เกลียดรัตติกาลมืดมน เพราะมันทำให้เขาต้องสูญเสีย เสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ
"คิดอะไรอยู่ลูก ..เงียบเชียว... กินอะไรรึยัง"
เพชรออกจากภวังค์ตอบกลับไปแผ่วเบา
"ผมรอแม่ หุงข้าว ทำกับข้าวแล้ว ต้มยำปลากระป๋องที่แม่ชอบ กับไข่เจียว กินเลยไหมครับแม่"
"กินเลยก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวจะได้เตรียมตัว"
เพชรเดินเข้าบ้านเพื่อไปจัดเตรียมอาหาร ปีนี้เขาจะอายุครบ 18 ปีเต็มแล้ว อีกไม่กี่เดือนเท่านั้น ถ้าครบเมื่อไหร่เขาคงจะช่วยหญิงผู้เป็นที่รักได้มากกว่านี้ เขาวางแผนจะไปสอบใบขับขี่ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ อันที่จริงมันค่อนไปทางเก่า แต่ในความคิดของเขามันยังใหม่อยู่เสมอ สมบัติสองชิ้นที่พ่อทิ้งไว้ให้พวกเขา รถกระบะกับที่ดิน
ขณะนั่งกินข้าวเขาเหลือบสายตามองหญิงผู้เป็นที่รักอีกครั้ง ใบหน้านั้นมีรอยเหี่ยวย่นตามวัยปรากฏอยู่ ผมเริ่มมีสีเทาแซม ผิวพรรณออกคล้ำด้วยภาระงานที่ทำกลางแดด แต่ใบหน้านั้นมีแต่ความอบอุ่น โดยเฉพาะนัยน์ตานั้นมีแววตาเปี่ยมรักทอดมองมาที่เขาเสมอ หล่อนบอกเขาว่า... เขาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
เขาคือตัวแทนความรักที่เหลืออยู่และเขาเหมือนพ่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างสูงสง่าสมชายชาตรีด้วยความสูงร้อยเจ็ดสิบห้า โดยเฉพาะใบหน้าที่มีนัยน์ตาสีเหล็กกล้าเฉกเช่นเดียวกัน หล่อนบอกว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากส่งเขาถึงฝั่งฝัน นั่นคือสิ่งที่มุ่งมาดปรารถนาอย่างที่สุด
หลังจากอิ่มกับอาหารที่เพชรจัดเตรียมไว้ หญิงผู้เป็นที่รักรีบรุดออกไปนั่งยังนอกชาน ลากเอาตระกร้าน้อยใหญ่ที่จัดเตรียมของไว้ มาตรวจดูความเรียบร้อย เพื่อตกแต่งให้สวยงามตามที่ผู้ซื้อชื่นชอบ ผักนานาชนิดที่ปลูกไว้เพื่อส่งขาย นั่นเป็นอาชีพที่พ่อทำ ไว้ และพวกเขาร่วมกันสานต่อ แม้จะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากมากนัก พวกเขาอยู่กันได้แบบสบาย ๆ เพราะมีพืชผักนานาชนิดไว้เก็บกิน
เพชร ... อยากเร่งวันเร่งคืนให้ตัวเองเติบโตมากกว่านี้ เขายังคงเป็นเด็กเสมอในสายตาของหญิงผู้เป็นที่รัก แม้ว่าเขาจะบอกหล่อนว่าเขาโตพอจะทำทุกอย่างแทนได้แล้ว หล่อนก็ไม่ยอม บอกแต่ให้เขาตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตของตัวเอง เพราะนั่นคือความสุขที่สุดของหล่อน หล่อนว่าการได้เดินรดน้ำผัก ใส่ปุ๋ย ดูแลแปลงผักบนที่ดินผืนนี้ เสมือนได้โอบกอดความรักที่ยังคงลอยอบอวลอยู่จากสามีผู้จากไปเพียงกาย พ่อยังคงมีตัวตนเสมอในความคิด และหล่อนมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานตามรอยของพ่อ ทุกย่างก้าวบนที่ดินผืนนี้ยังคงมีรอยเท้าของพ่อฝังอยู่ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเกือบสิบปีแล้ว
เพชรล้างจานเรียบร้อย เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ หญิงผู้เป็นที่รัก เขาช่วยเธอริดกิ่งก้านของผักที่เกินความต้องการออก แยกจัดไว้เป็นถุงใหญ่ ๆ เตรียมตัวสำหรับการเดินทาง ความมืดมิดที่ทุกคนเริ่มพักผ่อนหลับนอน แต่กับครอบครัวของเขามันคือเวลาแห่งความหวัง คือเวลาแห่งการทำงาน
เพชรเดินเอาผักที่ตกแต่งแล้วไปใส่ท้ายรถกระบะที่เขาขยับมาจอดเทียบหน้าบ้าน เพื่อความสะดวกในการขนของ เขาส่งสายตาอ้อนวอน ไม่ยอมส่งกุญแจรถให้กับหล่อน..หญิงผู้เป็นที่รักของเขา ส่ายหน้าเบา ๆ
"ยังไม่ได้หรอกลูก มันอันตราย รอให้อายุครบทำใบขับขี่ได้ก่อน แล้วแม่จะให้ขับ" หล่อนกล่าวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
เพชรจำยอมต้องยื่นกุญแจดอกนั้นส่งไปให้ พร้อมกับเป่าลมออกจากปากอย่างขัดใจ ทำไมนะแม่ถึงมองเขาเป็นเด็กอยู่เรื่อย เขาอยากช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ เขาอยากทำทุก ๆ อย่างแทนแม่ เขาไม่อยากให้หญิงผู้เป็นที่รักของเขาต้องเหนื่อย ทำไมแม่ไม่เข้าใจบ้าง
เมื่อเตรียมของใส่รถเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ต่างผลัดกันอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเดินทาง ราตรีนี้สำหรับพวกเขายังคงอีกยาวไกล อย่างน้อยก็จนเกือบตีสองนั่นแหละ กว่าที่พวกเขาจะได้นอนหลับพักผ่อนกับรัตติกาลนี้เฉกเช่นคนอื่น
เพชร ... ก้าวไปนั่งด้านข้างคนขับ หันไปยิ้มให้กับหญิงผู้เป็นที่รัก ก่อนที่หล่อนจะสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มก้องกังวานในความมืด ลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของทั้งคู่ ด้วยพวกเขาชอบรับลมธรรมชาติแบบนี้มากกว่าปิดกระจกเปิดแอร์ ออกเดินทางจากบ้านขับผ่านแปลงผักของบ้าน ถัดไปเป็นสวนผลไม้ มีต้นทุเรียนอ่อนที่เพิ่งปลูกขึ้นมาแทนที่ต้นไม้เดิมที่เจ้าของโค่นทิ้ง ด้วยราคาของทุเรียนนั้นมีมูลค่ามากกว่า รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกินแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งคู่นั่งกันมาเงียบ ๆ ต่างคนต่างอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เพชรไม่เคยรู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ในใจ ไม่เคยมีการเอ่ยปากบ่นถึงความลำบาก หรือความเหน็ดเหนื่อย ไม่มีท่าทีท้อถอยให้เขาเห็น หล่อนทำหน้าที่ได้อย่างดีตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าขาดสิ่งใด หล่อนเป็นทั้งแม่และพ่อให้กับเขาอย่างดีเยี่ยม และเขาเองก็มั่นใจว่าทำตัวเป็นลูกที่ดี เขาไม่สูบบุหรี่ตามคำชวนของเพื่อน ไม่เคยเหลวไหล ไม่เที่ยวเตร่ ไม่คบใครเป็นแฟน แม้เพื่อน ๆ ต่างคบกันเป็นคู่ ๆ ตามวัย แต่เขามีสุดที่รักในดวงใจอยู่แล้ว หญิงผู้เป็นที่รักหนึ่งเดียวที่เขามี และเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อหล่อน
กำลังคิดเพลิน ๆ เสียงห้ามล้อดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับรถจอดเข้าช่องจอด ฟ้ามืดมากแล้ว ดาวแทบมองไม่เห็น ทั้งที่สถานที่นี้ห่างจากบ้านเขาไม่ไกลมากนัก แต่ฟ้าช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ที่บ้านของเขาบนท้องฟ้ามีดาวระยิบระยับสวยงาม อากาศก็สดชื่น เพชรเหลียวมองไปรอบ ๆ ตัว รถกระบะจอดกันเต็มเกือบทุกช่อง มองเลยเข้าไปยังความพลุกพล่านด้านใน ตลาดแห่งนี้เขาตามพ่อกับแม่มาตั้งแต่ยังเด็กจนเหมือนเป็นบ้านที่สองของเขาแล้ว ตลาดแถวรังสิตที่คึกคักยามค่ำคืน เหมือนที่แห่งนี้ไร้ราตรีกาล แต่กลับเงียบเหงายามกลางวัน เขาเดินไปหยิบรถเข็นลงจากท้ายกระบะ จัดแจงยกถุงผักลงเรียงไปบนรถเข็นนั้น หญิงผู้เป็นที่รักทำท่าจะเข้ามายกถุงผักจากท้ายรถ เขาสั่นหน้าพูดเบา ๆ ว่า
"ไม่ต้องหรอกครับแม่ แม่นั่งพักเถอะ สามสี่เที่ยวก็หมด กลางวันแม่ก็เหนื่อยมามากแล้ว นั่งรอในรถนะครับ"
หล่อนพยักหน้าส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับก้าวเดินกลับไปนั่งหน้ารถ
เพชรจัดการนำผักทั้งหมดไปส่งยังแม่ค้าเจ้าประจำจนครบทุกถุง และซื้อกล้วยหอมผลไม้ที่หญิงผู้เป็นที่รักชอบติดมือมาฝาก เมื่อเดินมาบริเวณด้านหน้าของรถเขาก็ประหลาดใจ หล่อนนอนเอนอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับ กุญแจยังคงห้อยคาอยู่ที่ตำแหน่งสตาร์ทรถ หล่อนหันมายิ้มให้เขาแล้วพูดว่า
"ไหน ใครว่าตัวเองโตแล้ว ดูแลแม่ได้แล้วแสดงฝีมือหน่อยสิ"
เพชรยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เขาทำสำเร็จแล้ว เขาได้เป็นคนดูแลหญิงผู้เป็นที่รักของเขาแล้ว และเขาจะดูแลหล่อนให้ดีที่สุด...ตลอดไป เขาสัญญากับตัวเอง และความมืดของราตรีในวันนี้คือความมืดที่สุกสว่างที่สุดนับจากวันที่พ่อของเขาจากไป...▪︎