หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นำเข้าเนื้อหมู หายนะคนไทย

โพสท์โดย Napha Tamee

นำเข้าเนื้อหมู หายนะคนไทย

ผู้เขียน : อุษณีย์ รักษ์กสิกิจ นักวิชาการด้านปศุสัตว์

 

 

วันนี้กระแสสังคมกำลังพุ่งเป้าไปเรื่องราคาหมู หนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาที่มีบางคนเสนอ ให้นำเข้าเนื้อหมูเพื่อเพิ่มปริมาณหมูให้มากขึ้น ฟังดูง่ายแค่สั่งมาขายให้พอกับความต้องการก็จบ แต่คงลืมมองไปข้างหน้าว่า แนวทางนี้ไม่ต่างกับการผลักคนไทยให้ต้องเสี่ยงกับสารตกค้างที่มากับหมูนอก และขุดหลุมฝังคนเลี้ยงหมูทั้งประเทศ

ที่ผ่านมาไทยมีความพยายามอย่างยิ่งในการต่อสู้กับเนื้อหมูนำเข้า เพื่อปกป้องคนไทยจากสารปนเปื้อนต่างๆในเนื้อหมู ที่จะก่อผลกระทบต่อสุขภาพและสุขอนามัยของประชาชนคนไทย โดยเฉพาะสารเร่งเนื้อแดง (Ractopamine) ที่ผู้เลี้ยงหมูในต่างประเทศสามารถใช้ในการเลี้ยงได้อย่างเสรี ขณะที่ข้อกำหนดของไทย “ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมูอย่างเด็ดขาด” ผู้ใดลักลอบใช้ถือว่าผิดกฎหมาย ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.2545 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2546 สอดคล้องกับแนวทางของทางสหภาพยุโรป (EU) ไทยจึงไม่ยอมเปิดรับ “ขยะ” ที่ต่างประเทศไม่บริโภค ทั้งขา หัว และเครื่องในหมู รวมถึงเนื้อหมูที่เต็มไปด้วยสารเร่งเนื้อแดง มาเป็นระเบิดเวลาคร่าชีวิตคนไทย

ที่ร้ายกว่านั้นคือ หากเปิดให้เนื้อหมูนอกเข้ามาได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูเมืองต้อนรับข้าศึก ที่จะเข้ามาบ่อนทำลายอาชีพเกษตรกรและอุตสาหกรรมหมูไทยทั้งระบบ เพราะการนำเข้าหมูย่อมมีความเสี่ยงที่จะนำโรคจากต่างประเทศเข้ามาด้วย เนื่องจากในแต่ละประเทศต่างมีโรคประจำถิ่นของตนเอง การปล่อยให้ชิ้นส่วนหมูเข้ามา ก็เท่ากับการนำเข้าโรคต่างถิ่นที่จะก่ออันตรายต่อหมูไทย ยิ่งจะซ้ำเติมสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้รุนแรงขึ้น
และการนำเข้าโดยปกติจะต้องนำมาในลักษณะเนื้อหมูแช่แข็ง ซึ่งเชื้อไวรัสหลายตัวมีความทนทานมากอยู่ได้เป็นปีที่อุณหภูมิแช่แข็ง หากหลุดเข้ามาปนเปื้อนในสภาพแวดล้อมหรือในอุตสาหกรรมย่อมส่งผลกระทบหนัก

ขณะเดียวกัน หมูนำเข้าย่อมกระทบกับวงจรการผลิตหมูทั้งอุตสาหกรรม ทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงที่ขณะนี้มีอยู่ราว 1 แสนคน ยังไม่นับกับเกษตรกรที่หยุดการเลี้ยงเพื่อรอดูสถานการณ์กว่า 1 แสนคน ที่ต้องได้รับผลกระทบ จากการปล่อยให้หมูนอกมาดั้มราคาขายแข่งกับหมูไทย ที่ต้นทุนต่ำกว่าถึง 3 เท่าตัว (ต้นทุนต่างประเทศประมาณ 35-40 บาทต่อกิโลกรัม) ขณะที่ไทยมีต้นทุนสูงถึง 100-120 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ระบุว่าราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับเพิ่มขึ้นทุกชนิด (ข้อมูลช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. ปี 2564 เทียบกับปี 2563) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ราคาสูงขึ้น 11.58% กากถั่วเหลือง 27.90% มันสำปะหลัง 8.41% ข้าวสาลี 20.73% และข้าวบาร์เลย์ 8.69% ทำให้ภาพรวมต้นทุนการผลิตหมูสูงขึ้น

ในขณะที่ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ไม่จำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบเหล่านี้ เพราะตนเองเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ของโลก เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยอาจถึงคราวต้อง “ล่มสลาย” เพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับเนื้อหมูจากต่างประเทศได้ ซึ่งผลกระทบจะเกิดเป็นโดมิโนไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์ร่วม 7 ล้านครัวเรือน และยังมีภาคเวชภัณฑ์ ผู้ผลิตอุปกรณ์การเลี้ยง ระบบขนส่ง จนถึงภาคธุรกิจอื่นๆตลอดห่วงโซ่ ที่ต้องล่มสลายไปพร้อมกัน

สุดท้ายเมื่อคนไทยต้องเลิกเลี้ยงหมู และหันไปพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ย่อมส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศอย่างแน่นอน

ที่ผ่านมาเกษตรกรต้องประสบกับภาวะขาดทุนมาตลอดไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี โดยไม่เคยมีใครมาเหลียวแล ไม่มีใครเห็นหัวอกและความทุกข์ของคนเลี้ยง ปล่อยให้ต้องแก้ปัญหากันเอง ช่วยเหลือกันเอง หรือล้มตายไปเอง มาวันนี้คนเลี้ยงหมูเพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ ด้วยกลไกตลาดที่แท้จริง จากปริมาณหมูที่ลดลง แต่คนกินมาขึ้น กลับจะมาถูกเข่นฆ่ากันให้ตาย ด้วยการนำเข้าหมูจากต่างประเทศ คิดดูให้ดีว่านี่เป็นทางออกของคนไทย หรือเป็นทางตันของคนเลี้ยงและหายนะของผู้บริโภคกันแน่

นโยบาย "ครัวของโลก" ของประเทศไทยนับว่ามาถูกทาง ทำให้ตลอดมาไทยเป็นผู้ผลิตอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ทั้งไก่ กุ้ง หมู ที่มีห่วงโซ่การผลิต (Value Chain) ที่ยาวและเข้มเเข็ง มีการส่งออกสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาพัฒนาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง วันนี้จะใช้เหตุการณ์ชั่วครั้งคราวนี้ ตัดสินใจนำเข้าเนื้อหมู ก็ไม่ต่างกับการทำลายจุดแข็งของประเทศไทย และซ้ำเติมความทุกข์และทำร้ายเกษตรกรให้ล้มหายตายจาก อย่าปล่อยให้อาชีพเลี้ยงหมูต้องกลายเป็นเพียงตำนาน เพียงเพราะหมูนำเข้าเลย./

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: อุษณีย์ รักษ์กสิกิจ นักวิชาการด้านปศุสัตว์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Napha Tamee's profile


โพสท์โดย: Napha Tamee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ช็อกโลกโซเชียล! กิมจิเกาหลี (คิมชี) สูตรลับจาก... 'ห้องน้ำ'?เกาะติด สถานการณ์ชายแดน ไทยกัมพูชา หลัง 4 ทุ่ม ของคืนนี้4 นักษัตรดวงเศรษฐี ยิ่งอายุมากยิ่งเงินไหลมา—ช่วงพีคอยู่ที่วัยกลางคนAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีดาราดัง "ปีเตอร์ กรีน" เสียชีวิตแล้วผู้หญิงที่อยู่บนต้นไม้ 738 วัน เรื่องจริงที่ทำให้ทั้งโลกต้องเงยหน้ามองป่าเรดวูดพ่อแม่ต้องใจแข็ง! 2 เรื่องที่ลูก ‘ขอแล้วห้ามให้’ ไม่อย่างนั้นน้ำตาอาจเช็ดหัวเข่าตอนบั้นปลายชีวิตกองทัพเขมรถูกเปิดโปง หลังกองทัพไทยพบกระดาษจดพิกัด ทุ่นระเบิด 36 จุด10 เลขขายดี "จำเนียรอ่อนนุช" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68 มาแล้ว!..คอหวยส่องด่วน!!ปริศนา "ทางออกหมายเลข 7" สถานีรถไฟใต้ดินโกโจ ความจริงเบื้องหลังตำนานชวนขนหัวลุกแห่งเกียวโต19 ฮีโร่ที่ไม่เคยกลับบ้าน เรื่องจริงสุดพีคของ Granite Mountain Hotshotsภาพที่ไม่เคยออกอากาศ กับบทบันทึกความทรงจำที่ไม่เคยเลือน —และการจากไปของดาวรุ่งผู้มากความหวัง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ธนาธรเชื่อว่าหากพิธาเป็นนายกฯ สถานการณ์ชายแดนจะไม่ถึงจุดนี้เกาะติด สถานการณ์ชายแดน ไทยกัมพูชา หลัง 4 ทุ่ม ของคืนนี้ช็อกโลกโซเชียล! กิมจิเกาหลี (คิมชี) สูตรลับจาก... 'ห้องน้ำ'?ปริศนา "ทางออกหมายเลข 7" สถานีรถไฟใต้ดินโกโจ ความจริงเบื้องหลังตำนานชวนขนหัวลุกแห่งเกียวโต10 เลขขายดี "จำเนียรอ่อนนุช" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68 มาแล้ว!..คอหวยส่องด่วน!!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด อาหาร
บุฟเฟ่สเต็ก199@อ่อนนุชรู้หรือไม่ 7 อาหารธรรมดาที่ช่วยเคลือบท้อง เมื่อกินเป็นมื้อเช้าเตือน! คู่สามีภรรยาเส้นเลือดสมองพังพร้อมกัน หมอแนะนำ 3 อาหารในตู้เย็นที่ควรระวังฮาร์วาร์ดเผย 11 อาหารที่ช่วยล้างไขมันเลว กินทุกวันเพื่อเคลียร์หลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ
ตั้งกระทู้ใหม่