5 คำพูดที่ไม่อยากได้ยินจากคนรัก เพราะได้ยินทีไรชวนตีทุกที
คนรักกัน ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่มีกระทบกระทั่งกันได้เป็นเรื่องธรรมดา ในท้ายที่สุดหลังจากที่ทะเลาะกันในแต่ละครั้ง แต่ละคู่ก็มีตอนจบแตกต่างกันไป อาจจะจบอย่างแฮปปี้รักกันดีเหมือนเดิม เพราะคุยกันได้เคลียร์กันรู้เรื่อง จบแบบที่ยังเคือง ๆ งอน ๆ ขอดราม่าต่ออีกนิด แต่อีกสักประเดี๋ยวก็หาย จบแบบที่ต่างคนต่างยังโกรธกันอยู่แต่ไม่อยากทะเลาะกันต่อให้เป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้ หรืออาจจบแบบจบจริง ๆ ลงท้ายด้วยการเลิกรากันไป เพราะถึงจุดสุดท้ายที่จะทน
ความสัมพันธ์แบบคู่รัก เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะประคับประคองกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง ต้องอาศัยความอดทน ความเข้าอกเข้าใจกัน การให้อภัยกัน รวมถึงการสื่อสารระหว่างกัน และยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกหลายอย่างที่แต่ละคู่ต้องค่อย ๆ เรียนรู้กันไป แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ความรักนั่นเอง
ก่อนที่การทะเลาะกันของคู่รักในแต่ละครั้งจะดำเนินไปถึงตอนจบ สิ่งที่สำคัญระหว่างนั้นคือ “การสื่อสารกัน” โดยเฉพาะคำพูดคำจาในช่วงที่อารมณ์ของแต่ละฝ่ายไม่นิ่ง ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ ผสมปนเปกันไปหมด สติที่เคยมีก็เริ่มขาด ๆ หาย ๆ จนทำให้พลั้งปากพูดจาไม่น่ารักใส่กัน ซึ่งจริง ๆ แล้วมีคำพูดอยู่มากมายที่เราต่างไม่อยากได้ยินจากปากคนรักเวลาที่ทะเลาะกันหรืออยู่ในช่วงไม่เข้าใจกัน
ก็เลิกกันเลยสิ
นี่คือคำพูดที่ท้าทายกันชัด ๆ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายหลุดปากพูดออกมา ก็เป็นคำที่แรงมากสำหรับคนรักกัน และไม่ว่าจะพูดออกมาเพราะอารมณ์ที่กำลังเดือดในตอนนั้น ตอนที่กำลังสติหลุด เพื่อเรียกร้องความสนใจ เพื่อให้อีกฝ่ายง้อ เพื่อให้ยอมทำตามข้อเรียกร้อง มันก็กลายเป็นหนามตำใจตลอดไปจนกว่าจะเลิกกันจริง ๆ นั่นแหละ ดีไม่ดีถ้าถึงวันที่อีกฝ่ายไม่สนใจจริง ๆ เพราะไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว ก็อาจเลิกจริง ๆ เลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เก็บคำพูดนี้ฝังเอาไว้ให้มิดเลย อย่าพลั้งปากพูดออกมา ถ้าอีกฝ่ายไปจริงแล้วจะหาว่าไม่เตือน
เลิกยุ่งวุ่นวายจะได้ไหม
เป็นคำพูดที่แรงใช้ได้เลยทีเดียว ลองนึกเล่น ๆ ดูสิว่าโดนคนรักพูดใส่หน้าว่า “เลิกยุ่งวุ่นวายซะที” จะรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกแรกเลยคือกำลังโดนขับไล่ไสส่งให้อยู่ห่าง ๆ เข้าไว้ แบบว่าอะไร ๆ ที่ทำก็ดูจะเป็นความจุ้นโดยเขาไม่ต้องการไปเสียหมด แล้วนี่ฉันเป็นตัวอะไรเนี่ยถึงได้โดนต่อว่าว่าวุ่นวาย จริงอยู่ที่บางทีเราอาจรู้สึกว่ากำลังไม่มีพื้นที่ส่วนตัวหรือกำลังโดนรุกล้ำจากคนรักมากจนเกินไป ก็เลยรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจุ้นจ้านวุ่นวายในชีวิต แต่สำหรับคนที่คบกันในสถานะคนรัก คำนี้ทำให้รู้สึกว่าถูกแบ่งกั้นกีดกัน มันมีคำพูดอื่นที่เบากว่านี้ หรือบอกด้วยเหตุผลดี ๆ ก็ได้
ทำตัวน่ารำคาญมาก
หลังจากโดนต่อว่าว่าทำตัวจุ้นจ้านวุ่นวายแล้ว ก็ต่อด้วยการบอกว่า “ทำตัวน่ารำคาญ” ซึ่งบางกรณีเป็นผลมาจากการที่เข้าไปยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่ายมากเกินไปจนดูน่ารำคาญจริง ๆ นั่นแหละ หรือบางทีก็แค่จะต่อว่าพฤติกรรมของอีกฝ่ายที่ทำให้รู้สึกรำคาญใจ คำพูดนี้มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง เป็นใครจะไม่น้อยใจหรือเสียใจล่ะ โดยการตอบสนองมักจะมี 2 แบบ คือยิ่งทำให้หัวเสียกว่าเดิม แล้วชวนทะเลาะกันแรงขึ้น กับการเงียบที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ น้อยใจ มันควรจะจบ แล้วถ้าไม่มีการเคลียร์กัน ก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายพร้อมจะจากไปอย่างเงียบ ๆ เลยก็ได้
นี่โกรธกันเหรอ
ในช่วงเวลาที่กำลังขุ่น ๆ เคือง ๆ กันอยู่ หรือบรรยากาศอึมครึม การถามว่า “โกรธเหรอ” เป็นคำถามที่นักจิตวิทยาบอกว่าเป็นคำถามที่แย่ที่สุด และก็ไม่ควรถามด้วย เพราะจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญ อึดอัดใจ หงุดหงิดที่ต้องตอบ แสดงถึงความไม่มั่นใจในตัวคนถามเอง แบบว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้หรอกว่าอะไรที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ ที่สำคัญ มันยังเป็นการสร้างสถานการณ์เหมือนคนถามกำลังตกเป็นเหยื่อของความรู้สึกของอีกฝ่าย เหมือนว่าพยายามทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดเกี่ยวกับความรู้สึกที่พวกเขาทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป จากที่ไม่โกรธจะกลายเป็นโกรธแทนได้เหมือนกัน
เอ่ยถึงแฟนเก่า
จริง ๆ แล้ว เรื่องของแฟนเก่าเป็นชนวนเหตุของการทะเลาะกันได้เสมอ ได้ยินทีไรเป็นต้องเบะปากมองบน หลาย ๆ ครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ยถึงหรอก แต่ก็มีประเด็นให้พากดพิงอยู่ดี แต่บางทีก็ตั้งใจพูดเพื่อเปรียบเทียบนั่นแหละ จุกนะเจอแบบนี้ เพราะไม่มีใครที่ชอบการเปรียบเทียบหรอก โดยเฉพาะกับคนเก่า ถ้าคนเก่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จะมาคบกับคนอย่างเราทำไม หรืออีกนัยก็อาจทำให้คิดได้ว่ายังไม่ลืมแฟนเก่าก็ได้ (อ้าว! ก็ยังไม่ควรคบใครนะ) จะพาลให้น้อยใจหรือรู้สึกแย่เอาได้ ฉะนั้น เวลาทะเลาะกัน อย่าเอ่ยถึงคนเก่า ไม่ต้องพาดพิงใคร เคลียร์กันให้จบที่สองคน