(สปอยเต็ม 3/3) เมื่อนักกีฬาจาไมก้า ลงสู่กีฬาโอลิมปิกที่ไม่รู้จัก
วันนี้มาต่อในโพสสุดท้ายกับสปอยเต็มในภาพยนตร์ตลกที่สร้างจากเรื่องจริง เรื่อง 4 เกร๊อะ จาไมก้า กันต่อเลยนะครับ
วันเริ่มลงสนามจริงมาถึง โดยวันนี้ จะต้องวิ่งเข็นบ๊ปสแลดกันเอง แต่แล้ว ก็พลาดไม่เป็นท่า โดนนำภาพไปตีข่าวลงหนังสือพิมพ์กันสนุกสนาน และนั่น ก็ทำให้พ่อของจูเนียร์รู้แล้วว่า ลูกชายไม่ได้ไปทำงาน
ในวันถัดมา ขณะที่แบนน๊อกกำลังทำความสะอาดรถ ก็มีเพื่อนเก่าของเออวิ่งมาพูดด้วย ถามว่าคิดอย่างไรถึงเอาเออวิ่งมาเป็นโค๊ค รู้หรือเปล่าว่าเขาเคยได้เหรียญทอง แต่เขาได้มาจากการโกงการแข่งขัน และโดนตัดสิทธิ์ห้ามเล่นตลอดชีวิต
ซึ่งตอนนั้นเออวิ่งก็มาพอดี แล้วให้แบนน๊อกไปรวมตัวกับเพื่อน ส่วนเออวิ่งก็พูดกับเพื่อนเก่าว่า มาปั่นหัวเรื่องในอดีตของฉันกับลูกทีมสินะ.. นั้นมันเรื่องของฉัน แต่นี่ เรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวกัน
โดยในคืนนั้น สมาชิกในทีมยกเว้นแบนน๊อก ต่างก็ไปเที่ยวกัน แต่แล้วตัวของบรินเนอร์รับรู้ถึงความเครียดของจูเนียร์ หลังจากที่เขาได้รับจดหมายจากพ่อ ว่าพ่อสั่งให้เขากลับจาไมก้าทันที แถมยังโดนพวกนักแข่งทีมอื่นในบาร์ บอกว่าให้พวกกลับจาไมก้าไปเถอะ เขาเลยรู้สึกว่าที่นี่ อาจจะไม่ใช่ที่ของเขา บรินเนอร์เลยพาจูเนียร์ไปที่กระจกห้องน้ำ
ถามว่านายเห็นอะไรในนั้น... เห็น..เห็นจูเนียร์คนหนึ่ง .. ไม่ใช่วะ ที่ข้าเห็น เห็นคนหนึ่ง ที่มันห้าว มันมีพลังเว้ย มันมีความกล้า มันมุมานะถึงนี่ด้วยตัวมันเอง มันแกร่งพอที่จะทำอะไรก็ได้ .. การที่บรินเนอร์ปลุกปั่นกำลังใจให้จูเนียร์ ทำให้จูเนียร์เกิดความห้าวสุดแรงเกิด เดินออกไปจากห้องน้ำ จะไปหาเรื่องกับนักแข่งทีมอื่นทันที
แต่ก็ยังห้าวไม่สุดที่จะเปิดก่อน สุดท้าย บรินเนอร์ก็ออกตามมาแล้วบอกว่า..นั่นคือเพื่อนของฉัน ว่าแล้วก็ตะลุมบอลกันทันที เรียกได้ว่าเละเลย ไม่รู้ใครเป็นใครแล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้อง ก็ยังไม่ค่อยสลดเท่าไหร่ ยังนั่งยิ้มระรื่นโดยทีแบนน๊อกเองก็บอกว่า หัวเราะกันเข้าไป เดี๋ยวเออวิ่งมาก็รู้เรื่องเอง หลังจากนั้นเออวิ่งก็เข้ามา ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกแค่ว่า ฉันมาที่นี่ ทุกคนก็หัวเราะเยอะพอแล้ว ฉันไม่ได้อยากจะมาให้ใครดูถูก ฉันอยากจะมาหวดพวกมัน แล้วดูสิ่งที่นายทำสิ... ฝันดีพ่อหนุ่มทั้งหลาย พูดจบ ก็หัวเสียออกไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าบรรดาลูกทีมก็รีบมาปลุกโค๊ก "ตื่นได้แล้วโค๊ด ได้เวลาไปหวดพวกมันแล้ว..."
จากนั้น พวกเขาก็เริ่มซ้อมกันอย่างจริงๆ จังๆ ทั้งฟิตร่างกาย ซ้อมการวิ่ง แม้กระทั้งกลับห้องพักก็ยังซ้อมการเข้าโค้ง ทุกอย่างเรียกได้ว่ากำลังมาได้สวยกันเลยทีเดียว จนในที่สุด โค๊สก็ทำเซอร์ไพร์ ไหนๆ เป็นทีมชาติกันแล้ว มันก็ต้องมีชุดประจำทีมกันหน่อยดิวะ ว่าแล้วก็ให้พวกเขาได้ดูชุดเพื่อใช้ลงแข่งทันที จะมีเพียงแต่ซังก้าเท่านั้น ที่กังวลว่า มันคงจะหนาวสุดๆ แน่ๆ
จนวันเก็บสถิติเวลาการแข่งขันมาถึง ซึ่งได้มีการเปลี่ยนกติกาใหม่ จากเดิม 1 รอบสนาม จะต้องทำให้ได้ไม่เกิน 1 นาที 20 วินาที ซึ่งตัวเออวิ่งก็รู้ว่าได้มีการเปลี่ยนกรรมการ เพื่อหวังจะแกล้งทีมจาไมก้า
ด้วยการปรับการแข่งขันเวลาให้เหลือเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น และแล้ว เมื่อการจับเวลาเริ่มขึ้น ตัวของแบนน๊อก ก็พยายามคุมทีมไปให้ถึงเส้นชัย จนในที่สุด พวกเขาทำเวลาได้ 59.46 วินาที เฉียดฉิวสุดๆ ทำให้เขาได้เข้าไปในรอบการแข่งขันโอลิมปิกอย่างแน่นอน
วันถัดมา ขณะที่กำลังฉลองกันอยู่ ก็มีจดหมายมาถึงตัวของเออวิ่ง ได้เขียนมาบอกกับตัวเออวิ่ง และเขาก็ได้บอกกับลูกทีมว่า แสดงความเสียใจด้วยพ่อหนุ่ม เขาไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนกฏ ให้ผู้ที่จะลงแข่งโอลิมปิกได้นั้น จะต้องเป็นประเทศในสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างน้อย 3 เดือน เขาจึงตัดสิทธิ์พวกเราทันที จากนั้น ตัวของ จึงรีบตรงไปที่การประชุมของคณะกรรมการทันที
เมื่อไปถึง เขาก็สอบถามว่านี่มันเป็นบ้าอะไร เปลี่ยนกฏกันไปมา ซึ่งคณะกรรมการคนหนึ่งก็บอกว่า คุณก็เคยโกงการแข่งขัน จะมีสิทธิ์มีเสียงมาพูดอะไรในที่นี่ได้ ซึ่งเออวิ่งก็บอกว่า โอเค ผมเคยโกง ผมก็ยอมรับไปแล้ว จะให้ผมขอโทษใครล่ะ ผมพร้อมจะขอโทษทุกคน อยากจะโทษ ก็มาโทษผม แต่คุณจะไปลงโทษเด็กพวกนั้นมันไม่ได้ คุณเปลี่ยนกติกากันมาตลอด พวกเราก็พยายามทำจนทำได้ แต่พอได้สิทธิ์เข้าร่วม พวกคุณก็ยังจะเปลี่ยนกติกากันอีก ถามหน่อย พวกคุณกลัวอะไรกับเด็กพวกนั้น ไหนว่ากีฬาสร้างความสามามัคของมนุษยชาติไง แต่ดูสิ่งที่คุณทำสิ ปิดกั้น กลั่นแกล้ง .. ถามหน่อย พวกคุณกล้าทำกันแบบนี้กันได้อย่างไร ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นคณะกรรมการกันอีกเหรอ.. พูดจบ เออวิ่งก็เดินออกไปทันที
กลับมาที่ห้องพัก ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ ไม่นานก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งตัวเออวิ่งก็รับสาย พอคุยสักพัก แล้วก็บอกกับทุกคนว่า.. เราได้สิทธิ์เข้าร่วมอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว เล่นเอาทุกคนโห่ร้องดีใจกันใหญ่
และแล้ว จนวันแข่งขันจริงก็เริ่มขึ้น ทุกคนเดินลงสนามถือธงชาติอย่างภาคภูมิใจ นี่คือภาพที่พวกเขาฝัน ว่าจะเป็นตัวแทนทีมชาติของจาไมก้ามาตลอด โดยที่เหล่าบรรพ่อแม่ญาติๆ ที่เชียร์กันที่จาไมก้า ต่างก็ร่วมยินดีกันแน่นไปหมด
คืนแรกในการอบรบหลังเข้าพักห้องเก็บตัว เออวิ่นก็มานิเทศให้ทุกคนผ่อนคลาย เรามาอยู่ในจุดที่เราตั้งใจกันแล้ว ขอให้ทุกคนทำให้ดี จากนั้น ก็มีคนมาเคาะประตู พอเออวิ่งเปิดมาดูก็พบว่า คือพ่อของจูเนียร์นั่นเอง
พ่อของจูเนียร์เรียกมาคุยนอกห้อง บอกว่าให้แกกลับกับพ่อตอนนี้ทันที ฉันส่งแกเรียนมานาน แกก็ดื้อดึงอยากจะเป็นนักวิ่งมาหนนึง ฉันก็ยอมแกมาแล้ว หนนี้แกจะมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้อีกไม่ได้ ไปเก็บข้าวของซะ พ่อจะรอแกอยู่ข้างล่าง เราจะกลับกันทันที ซึ่งจูเนียร์ก็พูดอะไรไม่ออก แต่พอพ่อเข้าลิฟไป จูเนียร์เห็นภาพสะท้อนกระจกเงาด้านหลังของพ่อ
เขาก็เริ่มนึกถึงวันที่บรินเนอร์ได้ให้กำลังใจเขา จูเนียร์เลยพูดกับพ่อทันทีว่า.. ผมไม่ไป ทีมของผมอยู่นี่ ผมจะอยู่กับทีมของผม ผมจะสู้ไปกับทุกคน และผมจะสู้ให้กับประเทศจาไมก้า พ่อกลับไปเถอะ ... พ่อของจูเนียร์ก็พูดไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้ประตูลิฟค่อยๆ ปิดไป ซึ่งบรินเบนที่อยุ่ข้างหลังก็ชมเชยที่จูเนียร์กล้าหาญมาก นายมันสุดยอด.. แต่ฉันก็ยังไม่ได้ญาติดีกับนายนะ
วันแข่งขันเก็บเวลาวันแรกเกิดขึ้น โดยที่ทีมสวิส และ ยูเอสเอ ได้เริ่มขึ้นก่อน พอถึงคิวจาไมก้า ตัวของแบนน๊อกก็ไล่ตบหมวกกันน๊อกเพื่อน ซึ่งเขาบอกว่า เห็นประเทศอื่นๆ เขาทำกัน แต่ซังก้าก็ต่อว่า แกทำบ้าอะไร มันต้องจุ๊บไข่นำโชคสิวะ ก็เถียงกันไปมา โดยที่เออวิ่งก็ให้ทุกคน เข้าาประจำที่ได้แล้ว.. และก็เริ่มการแข่งขันทันที ทุกคนก็เข็นๆ ก่อนจะรีบกระโจนขึ้นบ๊อปเสลดไหลไปตามรางอย่างรวดเร็ว
แต่เหมือนว่าจะทำได้ไม่ดีนัก ตัวของแบนน๊อก ก็ขับชนซ้ายทีขวาที ทำให้รถชะลอลงทุกครั้งที่ชน จนในที่สุดก็ถึงเส้นชัย ด้วยสถิติเวลาอันดับโหล่สุด
กลับมาที่ห้องพัก เออวิ่งก็โมโห ทำไมตอนซ้อมหรือตอนคัดตัวทำกันดีกว่านี้ วันนี้เกิดอะไรขึ้น กดดันอะไรกันนักหนา รู้ไหมว่าถ้านายเป็นอย่างนี้ ทุกคนรอขย่ำพวกนายอยู่ รวมถึงฉันด้วย ฉันไม่ได้มาเพื่อเป็นตัวตลก และไม่ได้พาพวกนายมาเป็นตัวตลก ผ่อนคลายหน่อย .. ไปคิดกันซะว่าจะจัดการยังไง ให้วันพรุ่งนี้มันดีขึ้น
ตัวของแบนน๊อกก็มาต่อว่าซังก้า ว่าไม่ยอมเชื่อเขาเกี่ยวกับการตบหมวกเหมือนทีมอื่นๆ แต่ซังก้าก็พูดว่า เฮ้ย...นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า.. แกยังมองฉันเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า แกกับฉันยังเป็นคนจาไมก้าด้วยกันอยู่รึเปล่า เราต้องมีสไตล์ของตัวเองสิ เราโตที่จาไมก้า เรามาในนามชาติจาไมก้า และเราก็คือเพื่อนร่วมชาติจาไมก้าด้วยกัน ทำไมนายต้องไปทำตามคนอื่นด้วยวะ เป็นแบบจาไมก้า แข่งแบบจาไมก้า ทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเราแตกต่างจากพวกเขา เพราะเราคือจาไมก้าเว้ย..
ตัดมาอีกวัน หนนี้แปลกไปตรงที่ทั้ง 4 เดินร้องเพลงแร๊ปสไตล์จาไมก้ามาลงสนามอย่างครึกครื้น เล่นเอาเออวิ่งรู้สึกดีไปด้วยกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป พอจะเริ่มการแข่งขัน ซังกาก็ให้นับจังหวะแบบจาไมก้าก่อนที่จะวิ่งไถลบ๊อปเสลดลงลู่สนามออกไปอย่างสวยงาม
ทำเวลาดีกว่าเมื่อวานได้อย่างคนละเรื่องเลย เมื่อเข้าถึงเส้นชัย ทำให้พวกเขาที่อยู่อันดับรั้งท้าย กระโดดขึ้นมาจากเดิมได้ถึง 6 ตำแหน่ง เรียกได้ว่าเหลือเชื่อสุดๆ เล่นเอาเออวิ่งร้องด้วยความสะใจกันเลยทีเดียว
คืนวันนั้น ทุกคนจะไปฉลองกัน แต่แบนน็อกเองกลับไม่ไป เพราะอยากจะจดจำโค้งต่างๆ ให้ดีในวันพรุ่งนี้ แต่ก็อยากจะถามกับเออวิ่ง เรื่องที่เขาเคยโกง ว่าทำไม เพราะอะไร? เออวิ่งก็เลยบอกว่า จริงๆ เขาไม่เคยคิดจะโกงนะ แต่พอชนะเรื่อยๆ มันก็หยุดชนะไม่ได้ จนวันหนึ่ง เขาได้เอาน้ำหนักไปถ่วงที่รถบ๊อปเสลด เพื่อให้รถมีน้ำหนักมากขึ้น แม้ได้ชัยชนะมา แต่ก็โดนจับได้ โดยที่สิ่งที่เขาทำ เพื่อนร่วมทีมไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ด้วย เพื่อนๆ ในทีมเลยเกลียดฉัน ทุกคนแบนฉัน... แบนน๊อกก็ถามว่า แล้วได้ชัยชนะจนหยุดชนะไม่ได้มันเป็นยังไง..
เออวิ่งก็บอกว่า ไว้นายได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สักครั้ง นายจะรู้ว่านายอยากจะหยุด หรืออยากจะไปต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น การแข่งขันรอบสุดท้าย ถ้าพวกเขาทำเวลาได้ดีเท่าเมื่อวาน หรือดีกว่าเมื่อวาน แน่นอนว่าเขาจะต้องได้เหรียญใดเหรียญหนึ่งในการแข่งขันนี้แน่ๆ ทุกคนมาด้วยใจเต็มร้อยและความหวังเต็มเปรี่ยม เออวิ่งก็ได้แต่บอกว่า.. ฉันจะไปรอพวกนายที่เส้นชัย
โดยที่การแข่งขันวันนี้ คนมาดูมากมาย ต่างก็เริ่มเชียร์ทีมจาไมก้ากันมากขึ้น แม้แต่นายกเทศมนตรีก็ถ่อมาเชียร์ถึงร้านแม่ของแบนน๊อก เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ทั้งหมดเริ่มไถลบ๊อปเสลด และทำเวลาได้ดีมากกว่าเมื่อวาน เรียกได้ว่าอนาคตสดใสสุดๆ
แต่ในขณะที่ผ่านโค้งมาเกือบครึ่งสนาม ทำให้บ๊อปเสลดของเขาที่เดิมทีก็มาจากสภาพที่ไม่พร้อม จนทำให้น็อตมันคลายตัวและหลุดในขณะแข่ง รางเลื่อนด้านหนึ่งเลยหลุดออกจนทำให้ไม่สามารถประคองตัวได้ บ๊อปเสลดทีมจาไมก้าเลยล้มและไถ่ไปกับพื้นน้ำแข็งเป็นทางยาวกันเลยทีเดียว ทีแรกทุกคนก็ตกใจ ด้วยความเร็วขนาดนั้น คอหักตายได้ง่ายๆ
หน่วยกู้ภัยก็รีบวิ่งไปช่วย แต่พบว่า พวกเขายังปลอดภัย และลุกกันช่วยกันประคองป๊อบสเลดเดินลุยกันต่อ เล่นเอาคนดูทั้งสนามปรบมือเชียร์ แม้แต่พ่อของจูเนียร์ก็แอบมาเชียร์ให้กำลังใจลูกชายด้วย ทุกคนค่อยๆ เดินโดยมีหน่วยกู้ภัยเดินตามหลังอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือเชียร์ไม่ขาดสาย และพวกเขา ก็สามารถเดินเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด
แม้จะแข่งขันแพ้ แต่กลับทืให้ชาวจาไมก้า และคนดูต่างโห่ร้องด้วยความดีใจกับสปีริตสุดยอดของทีมจาไมก้า จนทำให้เพื่อนจากทีมชาติอื่นๆ ที่เคยเขม่นกัน ต่างเดินมายกย่องชื่นชม และหวังว่า 4 ปีข้างหน้า จะเจอพวกนายอีก และเราจะได้เห็น จูเนียร์ กับบรินแบน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ก็กอดคอยิ้มให้กัน ส่วนซังก้า ก็ยังแอบดีใจที่ไข่นำโชคยังไม่แตก
ส่วนเออวิ่งนี่กลับดีใจสุดๆ ที่สามารถทำให้ทีมแจ้งเกิดได้ขนาดนี้ และแล้ว ก็มีนักข่าวมาขอถ่ายรูป ทั้งหมดจึงถ่ายรูปร่วมกัน โดยภาพๆ นั้น ก็ถูกนำไปแขวนในห้องทำงานของนายกเทศมนตรีในเวลาต่อมา และหนัง ก็เป็นอันจบไป
ก็จบกันไปแล้วนะครับ กับเรื่อง คูลรันนิ่ง 4 เกล๊าะ จาไมก้า ซึ่งหนังเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงด้วยนะครับ กับการแข่งขันบ๊อปเสลดครั้งแรกของชาวจาไมก้า ยังไงก็ลองไปรับชมกันดูนะครับ มุกตลกเยอะมากๆ สำหรับคลิปนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อน ฝากกดติดตามกันด้วยนะครับ ไว้พบเจอกันใหม่ในคลิปหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ