(สปอยเต็ม 2/3) เมื่อโดนแกล้งเปลี่ยนกฏไปเรื่อย แต่ก็ผ่านคัดเลือกจนได้
ต่อจากโพสที่แล้วเลยนะครับ จากภาพยนตร์เรื่อง "4 เกล๊อะ จาไมก้า" 4 หนุ่มจาไมก้าที่ขอท้าไปลงแข่งกีฬาบ๊อปแสลดที่มาจากเรื่องจริง ... ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะครับ
แบนน๊อก เลยจัดการประชุมเพื่อเชิญคนมาร่วมไปแข่งบ๊อปเสลดเพิ่ม โดยที่ได้นำวีดีโอมาเปิดอธิบายว่าบ๊อปเสลดคืออะไร โดยให้เออวิ่งเป็นคนอธิบาย ซึ่งเขาก็อธิบายว่าเป็นการแข่งกีฬาล้อเลื่อนบนลู่น้ำแข็ง มีความเร็วสูง แต่ในวีดีโอ กลับเต็มไปด้วยคนที่บังคับล้ม ชนข้างทาง ออกนอกลู่ ซึ่งเออวิ่งก็อธิบายว่ามันก็ค่อนข้างอันตราย ความหนาวก็อาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ขาหัก แขนหัก อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อหันมาดูคนที่มาฟังพบว่า..หายไปหมดแล้ว เหลือแค่ ซังก้าเท่านั้น
แต่เพียงแค่ครู่เดียว ชายหัวโล้นคนที่เคยวิ่งลงแข่งกับแบนน๊อกก็มาถึง เขาบอกว่าเขาจะร่วมทีมด้วย เขาอยากจะไปจากเกาะเล็กๆ แห่งนี้ เขาจะไปยิ่งใหญ่ที่อื่น แล้วจะทิ้งทุกอย่างที่เกาะแห่งนี้จะไม่ขอกลับมาอีก
ไม่นานก็มีอีกคนปรากฏขึ้นมา นั้นคือจูเนียร์ คนที่เคยไปวิ่งแข่งคัดตัวโอลิมปิก แล้วเป็นคนที่ล้มขัดขาทั้งแบนน๊อก และ บรินเนอร์ได้ล้มลง บรินเนอร์ก็เลยจะหาเรื่อง และไม่อยากลงแข่งด้วยแล้ว ถ้ามีไอ้นี่อยู่ "เอาเลย..นายไปเลย นายอยากจะอยู่เกาะเน่าๆ ที่นี่ต่อก็เชิญ พวกเราจะไปแข่งโอลิมปิกกัน เราจะไปเอาชัยขนะ แล้วเราอยากจะไปไหนก็ได้ ตามที่เราต้องการ" คำพูดนี้ ทำให้บรินเนอร์ยอมตกลง โดยหันมาบอกว่า โอเค ฉันยอมไปก็ได้ แต่อย่าให้ไอ้อ่อนนั่น มายุ่งกับฉันเด็ดขาด แบนน๊อกเลยหันไปบอกกับเออวิ่งว่า "เรามีทีมครบ 4 คนแล้ว" เล่นเอาเออวิ่งปากค้างกันเลยทีเดียว
เมื่อทั้งหมด ได้ไปเห็นรถที่เออวิ่งจัดเตรียมมาซ้อมให้ ถึงกับเอ๋อกันเลยทีเดียว โดยที่เออวิ่งได้บอกว่า จะให้แบนน๊อก เป็นคนขับอยู่หน้าสุด ต่อมาก็จูเนียร์ กับ บรินเนอร์ ที่วิ่งเร็วทั้งคู่เป็นตัวส่ง และนั่งต่อกันเป็นอันดับ 2 และ 3 และให้ซังก้า เป็นอันดับ 4 หน้าที่เป็นคนคอยเบรก
แต่ซังก้าไม่ยอม เพราะเขาคือนั่งแข่งพอร์ตคาร์ที่เก่งที่สุดในจาไมก้า และเขาก็มั่นใจว่าเขาขับดีกว่าทุกคน แต่เออวิ่งก็บอกว่า เขาไม่ได้เลือกตำแหน่งตามใจชอบ เพราะคนขับ จะต้องมีสมาธิดีที่สุด มีความรับผิดชอบมากที่สุด
ทั้ง 4 คนที่ลงไปในรถ คนขับจะต้องรับผิดชอบชีวิตของพวกเขาทุกคน การแข่งขันนี้มันมีความเร็วสูงมาก หากพลาดหรือประมาท ความตายก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ดังนั้น เขาเลือกได้อย่างเหมาะสมแล้วว่า แบนน๊อก คือคนที่มีความรับผิดชอบมากที่สุด .. ทำให้ซังก้า ถึงกับยอมแพ้เป็นคนเบรกก็ได้ และทั้ง 5 ก็เริ่มซ้อมกันทันที
ตกเย็นวันนั้น จูเนียร์ตั้งใจจะบอกพ่อ ว่าเขาอยากจะไปแข่งบ๊อปเสลด เขาอยากทำตามฝัน อยากไปโอลิมปิก แต่เมื่อพ่อกลับมา กลับบอกว่ามีข่าวดี พ่อได้ติดต่อเพื่อนให้แกไปทำงานอยู่ที่ดูไบ แกจะมีอาชีพที่มั่นคงที่นั้น.. เป็นข่าวดีสุดๆ เดือนหน้าแกก็เตรียมไปทำงานได้เลย ขอไปเล่าให้แม่แกฟังก่อนนะ.. ซึ่งนั้นก็ทำให้จูเนียร์ไม่สามารถหาโอกาสบอกพ่อในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจได้เลย
วันถัดมา ทั้ง 4 ก็เริ่มซ้อมกันอย่างจริงจัง แรกๆ ก็ล้มไม่เป็นท่า ไถลรถไปไม่เคยไกลกว่า 30 เมตร แต่พอเริ่มชิน ก็ต้องมาแข่งกับเวลาต่อ ว่าต้องทำเวลาตามที่กำหนดให้ได้ แต่แล้ว พวกเขาก็ทำได้ในที่สุด โดยที่แบนน๊อก ได้ควบคุมรถไม่อยู่ จนไปชนรถตำรวจ
ตำรวจก็ถามว่า พวกนายทำบ้าอะไรกัน เขาก็บอกว่า เขาคือตัวแทนจาไมก้า จะไปแข่งบ๊อปเสลด.. ทำให้ตำรวจนี่หัวเราะกันใหญ่ แต่เออวิ่งกลับวิ่งมาตาม ที่เห็นว่าพวกเขาทำเวลาได้ตามที่ต้องการ และให้พวกเขาลากรถขึ้นไปบนเนินเพื่อนซ้อมใหม่ทันที
เออวิ่ง ไปขอเงินจากทางนายกเทศมนตรีจำนวน 2 หมื่นเหรียญ เพื่อจะพานักกีฬาไปแข่งบ๊อปเสลด แต่ทางนายกไม่เห็นด้วย มองว่าพวกเขาไม่พร้อม พวกเขาก็พึ่งซ้อมกันได้ไม่กี่วัน เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหา แต่ความพร้อมมันไม่มี คุณจะทำให้จาไมก้าเป็นตัวตลก เรื่องนี้ผมรับไม่ได้ เพราะคุณเองยังล้มเหลว ไปเอาความมั่นใจจากพวกเด็กๆ มาได้อย่างไร เด็กมันอยากไป มันก็เลยมั่นใจ แต่เด็กมันพร้อมกันจริงๆ ไหม คุณก็น่าจะรู้
จนทำให้เออวิ่งออกมาจากห้องนายก ซึ่งแบนน๊อกก็ถามทันทีว่าผ่านไหน เออวิ่งบอกไม่ผ่าน แต่แบนน๊อกก็บอกว่า ไม่เป็นไร ผมจะหาเงินกันเองก็ได้.. เออวิ่งถึงกับต้องเอ่ยถามว่า ถามจริงๆ เคยคิดจะยอมแพ้อะไรกันบ้างไหมวะ..
หลังจากวันนั้น สมาชิกของทีมก็เริ่มหาเงิน หาสปอร์นเซอร์ โดยที่ตัวของซังก้าเองก็ได้ไปร้องเพลงเปิดหมวก แต่ก็ได้มาเพียงแค่ไม่กี่เหรียญ
ส่วนแบนน๊อก ก็ไปตามบริษัทต่างๆ เพื่อหาเงินสนับสนุน แต่ก็กลับโดนหัวเราะเยอะจากบริษัทต่างๆ ที่ไปเสนอตัวถึงโอกาสที่พวกเขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เรียกได้ว่าหาเงินแทบไม่ได้เลยสักเหรียญ
ในขณะที่บรินเนอร์ ก็ไปรับท้าการแข่งขันงัดง้อ ก็พอจะหาเงินได้อยู่บ้าง หรือแม้แต่การขายจูบของทางแบนน๊อก กับ ซังก้า รวมๆ เงินกันตอนนี้ ก็ยังไม่พอแม้แต่จะซื้อเสื้อกันหนาวดีๆ สักตัวเลยซะด้วยซ้ำ เออวิ่งบอกว่า ตอนนี้ เวลาก็แทบจะไม่พอ แล้วเงินก็ไม่พอด้วย พวกนายควรเลิกล้มความตั้งใจได้แล้ว
ไม่นาน จูเนียร์ก็มาถึง พร้อมกับเทเงินจากกระเป๋าให้จำนวนหลายหมื่นเหรียญ "นี่คือเงินที่ฉันขายรถมาได้..มันจะพาพวกเราไปแข่งขันได้อย่างไม่มีปัญหา" แบนน๊อกรีบสวนกลับทันทีว่า "ไม่ๆ เงินนี่เป็นเงินของนาย รถของนาย นายทำแบบนี้ไม่ได้"..
ไม่เป็นไร นี่ฉันไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ฉันทำเพื่อพวกเรา อย่างน้อยๆ ฉันก็เคยขัดขาพวกนายตอนคัดตัวโอลิมปิก และนี่อาจจะทำให้ฝันของเราไม่สะดุดล้มอีกครั้ง... บรินเนอร์ถึงกับชี้นิ้วไปหาจูเนียร์แล้วพูดว่า.. นายทำได้ดีมาก ฉันประทับใจนาย แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะญาติดีกับนายเข้าใจไว้.. แฟนของแบนน๊อกก็เลยถามว่า เรื่องนี้พ่อนายรู้หรือไม่ .. "ไม่เลย ฉันบอกเขาว่าฉันจะไปทำงาน แล้วรถก็ให้เพื่อนยืมไปก็แค่นั้น" เล่นเอาเออวิ่งถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียว
เมื่อทุกคนได้เดินทางข้ามประเทศไปถึงที่หมาย กลับพบว่ามันคือช่วงฤดูหนาวของแท้ ที่แคการี่ มีอุณหภูมิติดลบ 25 องศากันเลยทีเดียว เกือบจะถอดใจกับความหนาวที่ว่าอยู่แล้วเพราะไม่เคยเจอมาก่อน
เออวิ่งเลยรีบไปหาจุดลงทะเบียน เมื่อไปถึงก็แจ้งว่าเขาได้พาทีมจาไมก้ามาลงทะเบียนการแข่งขันบ๊อปเสลด โดยในปีนี้ได้มีการเพิ่มกติกาด้านความเร็วมาบ้าง แต่ก็พอรับได้ เมื่อออกมาก็พบกับเพื่อนเก่าที่เคยร่วมทีมบ๊อปเสลดด้วยกัน แต่เหมือนไม่ค่อยอยากจะมีใครคุยกับเออวิ่ง ยกเว้นเพื่อนอีกคน เออวิ่งเลยขอร้องว่าให้ไปพบเขาหน่อยที่ร้านอาหารตอนเที่ยง
เมื่อถึงเวลานัด เออวิ่งก็พยายามจะเลี้ยงข้าวเพื่อน แต่เพื่อนบอกว่าให้บอกมาเลยว่ามีธุระอะไร เออวิ่งก็เลยแจ้งว่าเขาเองนั้นมีเงินจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก อยากจะให้นายหาบ๊อปสเลดให้สัก 1 คัน คันที่เอาไว้ซ้อมก็ได้ ซึ่งเพื่อนของเขาก็ไม่เห็นด้วย และก็อ้างว่าคงหาให้ไม่ได้.. แต่เฮ้ นายจำได้ไหม นายเคยอยากได้ตั๋วคอนเสริตหนึ่งที่นายอยากดูมาก.. ฉันบอกกับนายว่าอย่างไร.. จะพยายามหาให้.. หรือ ไม่ขอรับปากนะ ?
ฉันเคยพูดแบบนั้นไหม อะไรที่นายต้องการ ถ้าฉันทำให้ได้ ฉันทุ่มสุดตัวและก็ทำให้นายได้ แล้วนี่ฉันขอร้องนาย นายจะบอกว่า ไม่มี หรือจะพยายาม นายคิดว่าฉันควรได้คำเหล่านี้หรือไม่... เมื่อเพื่อนเออวิ่งได้ฟังเช่นนั้น ถึงกับเถียงไม่ออก แล้วก็บอกว่า..โอเค ตกลง ฉันจะเอามาให้
และช่วงบ่ายวันนั้น ก็ให้ทีมจาไมก้า ลองหัดเดินบนน้ำแข็ง ซึ่งเป็นรองเท้าผ้าใบพิเศษที่สามารถเดินบนน้ำแข็งได้ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะทรงตัวกันได้สักคน เออวิ่งบอกว่า ให้ใช้ปลายเท้าจิกสิวะ แต่นั้น ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย
วันถัดมา เออวิ่งพาทีมไปดูบ๊อปเสลดของทีม เมื่อไปถึง ก็พบบ๊อปเสลดของทีมสวิสเซอร์แลน แบนน๊อกเลยบอกว่า เมื่อคืนฉันไปดูมาตอนที่เข้าซ้อม มันเร็วมากเลย สวยงามมากจริงๆ แต่เออวิ่งก็ให้ทุกคนหันมามองบ๊อปสเลดของทีม.. สภาพเหมือนพึ่งปะผุเชื่อมมานานมาก
"นี่เป็นบ๊อปเสลดเท่าที่ฉันจะหามาได้.. ทุกคนก็บอกแบบ กูจะตายไหมเนี้ย จะมีเพียงแค่แบนน๊อกเข้านั้น ที่เห็นครั้งแรกแล้วบอกว่า มันสวยมาก งดงามจริงๆ นี่คือของทีมเราสินะ
วันแรกในการให้นักแข่งคุ้นเคยกับสนาม เมื่อทีมจาไมก้ามาถึง ทุกคนต่างมองด้วยความตะลึง ว่ามันลากอะไรมาวะ เออวิ่งบอกว่า จิตวิทยาได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขากำลังสมเพชพวกนาย.. จูเนียร์สงสัยว่าทำไมเขาถึงดูแคลนพวกเราจัง เออวิ่งบอกว่า เพราะพวกนายแปลก คนเรามักกังวลกับสิ่งที่แปลกและไม่เข้าพวกเสมอ ดังนั้น.. พวกนายจะต้องทำให้พวกเขาเห็นให้ได้ ลงไปในรถได้แล้ว
จากนั้นมีลูกทีมสวิชเซอร์แลนด์ หันมาทักทายและขอให้ปลอดภัย แต่บรินเนอร์บอกจูเนียร์ว่า มันไม่ได้หวังดีกับเราหรอก มันก็แค่เย้ยเราในสไตล์คนที่เหนือกว่า.. เราต้องทำให้มันเห็น จากนั้น เออวิ่งก็ให้ทุกคนใส่หมวก โดยที่รอบนี้ ไม่ต้องวิ่งลงมาเข็นเอง เดี๋ยวเออวิ่งจะเข็นให้ ให้ทุกคนจำโค้ง จำเส้นทางกันไว้ให้ดี แต่ซังก้าบอกว่า..ผมปวดฉี่มากเลยครับ... เออวิ่งไม่สนใจ พลักทุกคนออกจากจุดสตาร์ททันที
บ๊อปเสลด ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ซังก้าเองก็ร้องโวยวายว่าไม่อยากอยู่ในนี้แล้ว มันเร็วมาก กลัวด้วย และปวดฉี่ด้วย ส่วนแบนน๊อกก็พยายามควบคุมรถ จนในที่สุด ก็หลุดโค้งล้มจนได้
ตกดึกคืนนั้น ทุกคนกลับมาที่ห้องพัก โดยที่บรินเนอร์ ได้ถกเถียงกับซังก้า ว่าเขาอยากจะชนะการแข่งนี้ เขาจะย้ายจากจาไมก้า ไปอยู่ที่คฤหาสหลังนี้ให้ได้ ซังก้าได้เห็นรูปถึงกับหัวเราะฟันขาว..
เฮ้ นั่นมันพระราชวังบักกิ้งแฮม ถ้านายอยากไปอยู่ นายจะต้องไปแต่งงานกับควีนอังกฤษก่อนนะ เล่นเอาบรินเนอร์ถึงกับเว๋อ หลงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมู่บ้านจัดสรรแท้ๆ แต่จูเนียร์บอกว่า ... ไม่หรอก.. นายจะคิดว่าหมดวังคงไม่ได้ มันคือความฝัน และนายควรจะรักษาความฝันของนายไว้ มันไม่ผิดหรอกที่นายจะฝัน.. เอาเลยพวก ไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ อย่าละความตั้งใจล่ะ
ก็จบไปแล้วนะครับ กับพาร์คที่ 2 ของ 4 เกล๊อะ จาไมก้าแบบสปอยเต็ม ในตอนหน้า ก็จะเป็นบทสรุปของการแข่งขันในครั้งแรกของชาวจาไมก้า ว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะไปยืนบนเวทีโลกอย่างกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในครั้งแรกกับกีฬาบ๊อปแสลดได้หรือไม่ ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะครับ