รีวิวเมะวัยรุ่นญี่ปุ่น โจเซ่กับเสือและหมู่ปลา Josee, the Tiger and the Fish ปั่นกระแสสำเร็จฉายปูพรมทั่วไทย
โจเซ่กับเสือและหมู่ปลา Josee, the Tiger and the Fish (่Joze to Tora to Sakanatachi) กลายเป็นเมะญี่ปุ่นที่กำลังกวาดกระแสวัยรุ่นไทยอยู่ในขณะนี้โดยใช้พลังบอกต่อทางโซเชี่ยลทุกช่องทางจากการเริ่มปั่นของกลุ่มแฟนเมะในเบื้องต้นที่ชอบตรงกันให้ 10/10 จำนวนมาก จนในที่สุดเมื่อหนังเข้าฉายไปได้เพียงวันเดียว หนังน้อยรอบน้อยโรงในวันแรกเรื่องนี้ได้รับการขยายโรงให้ครอบคลุมแทบทุกสาขาทั่วประเทศในวันต่อมา บางสาขาฉายเกิน 1 โรงด้วยซ้ำที่ต้องเพิ่มรอบมีสาเหตุคือโรงแตกเด็กวัยรุ่นเต็มโรง กลายเป็นคู่แข่งของหนังมาร์เวลอีเทอร์นอลไปอยางไม่น่าเชื่อ ถ้าจะคิดโควิดกันก็น่าจะมาจากเรื่องนี้มากกว่าแหละเพราะโรงแออัดเต็มไปด้วยสารคัดหลั่ง(เนื่องจากวัยรุ่นชอบกินข้าวโพดต้องเปิดหน้ากากและเรื่องนี้มีฉากชวนน้ำตาไหล หนังฉายโรงเล็กกว่าแม้จะเว้นระยะห่างก็ดูแน่น แต่อีเทอร์นอลโรงกว้างจึงดูเหมือนไม่เต็มแถมคนดูบางส่วนก็หลับ) รายได้จากเมืองไทยสัปดาห์นี้จึงอาจทำได้มากกว่าอีกหลายประเทศที่ฉายไปแล้วเพราะประเทศอื่นๆ ไม่ปั่นกระแสกันแรงขนาดนี้และฉายแบบจำกัดโรงกันทั้งสิ้น
งานสร้างเรื่องนี้มาจากนวนิยายแนวดราม่าโรแมนซ์ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเป็นหนังคนแสดงในปี 2003 ทำคะแนนได้ 7.3 ครั้งที่ 2 เป็นเวอร์ชั่นเกาหลีฉายปีที่แล้ว ได้ 6.7 คะแนน ทำรายได้หลักล้านด้วยกันทั้งสองเวอร์ชั่น สำหรับครั้งที่ 3 นี้เปลี่ยนมาเป็นแอนิเมชั่นซึ่งเป็นไปได้ว่าสื่อถึงคนดูได้ดีกว่า จึงทำคะแนนได้สูงสุดจากทั้งสามเวอร์ชั่น ได้ไป 7.9 โดยเฉลี่ย ความยาวสั้นที่สุดในสามเวอร์ชั่น เพียง 1 ชั่วโมง 39 นาที สองเวอร์ชั่นยาวเกือบสองชั่วโมงทั้งคู่ กำกับโดย โคทาโร่ ทามุระ พากย์เสียงโดย คายา คิโยฮาระ และ ไทชิ นาคากาวะ
สถานที่เกิดเรื่องอยู่ในโอซาก้า ตัวละครพูดภาษาคันไซทั้งเรื่อง พระเอกสึเนโอะเด็กหนุ่มอายุ 22 นักดำน้ำคนนี้ไม่รวยเหมือนสึเนโอะของโดราเอม่อน จึงรับงานสารพัดในขณะเรียนเพื่อเก็บเงินไปตามฝันที่เม็กซิโก ส่วนนางเอกโจเซ่เป็นผู้ทุพพลภาพนั่งวีลแชร์แล้วนิสัยเธอยังวีนเหวี่ยงเอาแต่ใจตัวเองโลกส่วนตัวสูง ทั้งคู่พบกันโดยอุบัติเหตุ ผู้ปกครองนางเอกถูกชะตาจึงจ้างพระเอกให้เป็นพี่เลี้ยงแม้ว่าจะอายุน้อยกว่าจากนั้นทั้งคู่ก็ใช้เวลาพัฒนาความสัมพันธ์แบบเนิบนาบไปเรื่อยๆ สำหรับคนไม่มีหัวใจไร้รักแล้วน่าจะง่วงไม่แพ้อีเทอร์นอล แต่คนดูอื่นๆ ดูจะเคลิบเคลิ้มดี จนในที่สุดเมื่อหนังมาถึงจุดเปลี่ยน ภาพบนจอก็สะกดทุกจิตใจให้ดำดิ่งไปกับเรื่องจนน้ำตาแตกพรั่งพรูกันเต็มโรง
สอบถามวัยรุ่นทั้งหลายโดยมากหลังชมให้ 10/10 สำหรับผู้โพสท์ไม่ได้อินอะไรขนาดนั้นแถมรู้สึกว่าหนังมันจงใจที่จะบีบคั้นความรู้สึกแบบขยี้แล้วขยี้อีกและเหมือนโลกนี้มีกันอยู่เพียงสองคนจึงรักกันง่ายเหลือเกิน ประชาชนคนอื่นๆ เหมือนจะกลายเป็นตัวประกอบที่แทบไม่จำเป็น วิวทิวทัศน์ในเรื่องเมื่อเป็นการ์ตูนมันก็เลยไม่สวยสมจริง เพลงและดนตรีประกอบปานกลางไม่ได้กรีดอารมณ์เท่าเนื้อเรื่องนัก และไม่เห็นด้วยกับการเห็นแก่ความรักจนยอมทิ้งเป้าหมายชีวิต(ที่จริงคนส่วนมากก็เป็นแบบนี้นะ) นอกจากนี้ก็ไม่รู้จะหักที่ตรงไหนจึงยังคงให้คะแนนสูงอยู่ที่ 8 เต็ม 10 ครับ แค่นี้เด็กๆ ก็ว่าแล้วว่าทำไมให้น้อยจัง