2 อัจฉริยะ Formula1 ที่โลกได้ส่งให้เกิดมาต่างขั่วกัน
สำหรับวันนี้ ผมมีภาพยนตร์ที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง กับเรื่องที่มีชื่อว่า Rush อัดเต็มสปีด เป็นเรื่องราวของ 2 นักแข่งรถสูตร 1 ที่มีอะไรเหมือนแบบแตกต่างกันอย่างคนละขั่วกันเลยทีเดียว
โดยในเรื่อง เราจะได้รู้จักกับ 2 นักแข่งที่ชื่อ "นิกิ เลาดา" และ "เจมส์ ฮันท์" ที่ทั้งคู่ ต่างก็มารู้จักกันครั้งแรกในการแข่งขันรถ Formula3 (เป็นรถที่มีความเร็วสูตรเกรด 3 ซึ่งมันจะมี 3 - 2 และสูตร 1 หรือ ฟอร์มูล่า 1 นั้นเอง)
โดย นิกิ เลาดา เคยบอกว่า สวรรค์ ได้ประทานตูดวิเศษให้เขา เพราะเมื่อเขานั่งรถคันไหน เขาสามารถรับแรงสั่นสะเทือนของรถคันดังกล่าวผ่านตูดที่เขานั่ง จนทำให้เขารู้ว่ารถที่นั่งอยู่นั้น ต้องปรับแต่งประสิทธิภาพอะไรยังไง เพื่อจะให้ถึงขีดสุดของรถคันดังกล่าว ซึ่งจากประวัติ เขาเองก็เคยมีการโต้แย้งถกเถียงกับเหล่าวิศวกรของ เฟอร์รารี่ เมื่อเขาเองได้จ้างบริษัทเพื่อให้เขาได่ไปทำงานที่นั้น ... อ่านไม่ผิดครับ "จ้างบริษัท" นั้นหมายถึง นิกิ เลาด้า ก็พอจะมีเงินมากพอที่จะจ่ายเงินให้บริษัท เฟอร์รารี่ เพื่อให้บริษัทรับเขาเข้าทำงานนั้นเอง และเขาก็ได้เริ่มทำการโมดิฟายรถสูตร 1 ด้วยองค์ความรู้ของตัวเอง จนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ในปี 1975
ส่วนนักแข่งอีกคนที่เป็นคู่ปรับที่เกือบทำให้ นิกิ เลาดา เกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งในตอนแข่งรถสูตร 3 นั้นก็คือ เจมส์ ฮันท์ โดยเขาเคยเล่าว่า "วันแรกที่รู้จักกับเลาด้า ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีฝีมืออะไรยังไง พวกเราล้อเขาว่าเป็นพวกนาซี แต่พอได้ลงแข่ง ในขณะที่ผมเองก็มีฝีมือและชื่อเสียงไม่ใช่น้อย แต่เขากลับทำให้ผมคิดในตอนเหยียบคันเร่งว่า ผมกำลังจะแพ้ไอ้คนคันข้างหน้านี้จริงๆ เหรอ ผมเลยหาโอกาสที่จะแซงเขาให้ได้ในสักโค้งก่อนจะถึงเส้นชัย... แน่นอนครับว่า ทุกโค้งจริงๆ ผมเองก็ไม่แนะนำ และไม่ชอบวิธีของผมเหมือนกัน แต่สำหรับผม ถ้าผมต้องตาย เพียงเพราะอยู่บนถนนแห่งความฝันที่ผมมุ่งมั่น ผมก็พร้อมจะตาย..."
ทั้งคู่ เป็นคู่ปรับกันมาตลอดตั้งแต่ปี 1975 เพราะนิกิ เลาด้า ได้อยู่ภายใต้สังกัดของเฟอร์รารี่ ในขณะที่ เจมส์ ฮันท์ ยังไร้สังกัด ต่อสู้ด้วยตัวเองกับทีมที่พอจะหาเงินทุนมาซื้อรถได้ แม้เขาจะพยายามจะเอาชนะ นิกิ เลาดา ในปี 1975 แต่ก็ทำได้แค่ที่ 2 ซึ่งวงการขับรถแข่งแล้วนั้น ที่ 2 ต่อให้เป็นที่ 2 ต่อจากแชมป์โลก มันก็คือ ความพ่ายแพ้อยู่ดี จึงทำให้ทีมของเจมส์ ต้องวงแตกเพราะขาดเงินสนับสนุน
แต่ด้วยความโชคดี และมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ทำให้ตัวของเจมส์ ฮันท์ ได้เข้าไปสมัครเป็นนักแข่งของค่ายรถที่เป็นคู่แข่งของเฟอร์รารี่ นั้นก็คือ แม็ก ราเลน จึงทำให้ทั้งคู่ ต่างมาสู้กันอีกครั้งในปี 1976
โดยเคยมีการวิเคราะห์ไว้ว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 1976 ถ้าเลาดาไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือ ถอนตัวจากการแข่งครั้งนั้น เขาก็จะสามารถเก็บแต้มในสนามต่างๆ จนคว้าแชมป์โลกในปี 1976 ได้อีกครั้ง เพราะเขาได้เก็บคะแนนนำคนอื่นๆ มาไกล จะมีแค่คนเดียวที่ทำคะแนนตามเขาไม่ห่างคือ เจมส์ ฮันท์ นั้นเอง และเมื่อเลาดาเกิดอุบัตเหตุ จึงทำให้ช่วงที่เขารักษาตัว เจมส์ ฮันท์ ต่างก็ไปเก็บคะแนนต่างๆ จนเกือบไล่เขาทัน
ต้องใช้คำว่าเกือบจริงๆ เพราะขนาดนิกิ เลาดา พักรักษาตัวจากการโดนไฟไหม้อยู่เป็นเดือนๆ เจมส์ ยังทำคะแนนแซงเขาไม่ได้ เพราะในสนามสุดท้ายที่ญี่ปุ่น ตัวของเลาดาเองมีคะแนนอยู่ที่ 68 คะแนน ส่วนเจมส์ มี 65 คะแนน ทางเดียวที่เจมส์จะชนะได้ คือเขาต้องได้ที่ 1 และเลาดาจะต้องอยู่ในอันดับที่ 4 ลงไป แต่ด้วยที่การแข่งที่ญี่ปุ่น เกิดฝนตกใหญ่ คล้ายกับวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ความฝังใจมันยังมี แถมเขาก็รู้ด้วยว่านิสัยเจมส์ตอนแข่งเป็นอย่างไร คงจะกล้าเสี่ยงแบบเอาชีวิตเข้าแลก เขาเลยขอสละสิทธิ์การแข่งในสนามนั้น กลับกลายเป็นว่า เจมส์จะต้องทำอันดับการแข่งขันให้ได้อันดับที่ 4 ขึ้นไป เขาก็จะมีคะแนนรวมชนะเลาด้าได้ทันทีเช่นกัน
และแน่นอนว่า สุดท้าย เจมส์ก็เข้าได้ที่ 4 ในสนามที่ญี่ปุ่น ทำให้เขาได้แชมป์โลกในปี 1976 ได้อย่างสำเร็จ ทั้งคู่ ก็ยังเป็นมิตรที่ดีต่อกันเมื่ออยู่ข้างสนาม แต่ถ้าทั้งคู่อยู่หลังพวงมาลัยเมื่อไหร่ เขาก็คือศัตรูที่จะไม่มีวันอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย สู้กันอย่างสมศักดิ์ศรีที่สุด
ฝากติดตามกันด้วยนะครับ