เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง คำนี้อาจมีค่าในยามวิกฤต
หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ท่านเป็นเจ้าของวลีฮิตในช่วงที่ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการเกษตรไทยช่วงปีพ.ศ. 2426-2514 หลังจากที่ท่านได้จากไป เราก็ได้ประจักษ์แล้วว่า คำกล่าวนี้เราไม่ควรจะมองข้าม หรือมองเป็นแค่คำขวัญที่สวยหรูเท่านั้น
เราก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคที่เทคโนโลยีทันสมัยขึ้น ทุกอย่างดูรวดเร็วทันใจ การตอบสนองความต้องการของคนทำได้รวดเร็ว
แต่ในทางตรงกันข้าม คนกลับใจร้อนมากขึ้น ฆ่าตัวตายกันมากขึ้น ก็เพราะความทุกข์มันมากขึ้นด้วยนั่นเอง
การมีเทคโลยีทันสมัยไม่ได้รับประกันว่าเราจะอยู่กันอย่างผาสุขเสมอไป
ถึงแม้ว่าทุกๆอย่างที่ทันสมัยจะช่วยให้เราสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองใจเราก็หยาบกระด้างขึ้นด้วย สมัยก่อนเราเขียนจดหมายถึงกันเรารอด้วยความใจจดใจจ่อ รอที่จะได้อ่านจดหมายที่ส่งมาจากแดนไกล
แต่ปัจจุบันเรารอไม่ได้แม้ครู่เดียวถ้าจะมีคนไม่ตอบคอมเม้นต์เรา การสั่งงานในปัจจุบันก็ถูกสั่งผ่านทางออนไลน์ ผู้ส่งสามารถสั่งได้ดั่งใจคิด ในขณะที่ผู้รับคำสั่งกลับเกิดความรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่มีคำสั่ง หรือมีการกดดันมาทางออนไลน์
ก็ไม่ต้องแปลกใจ ที่คนเราจะเครียด อึดอัดมากขึ้นจนมีคดีใหญ่โตแบบจ่าคลั่ง
ในวิกฤตการณ์โรคติดต่อระบาดไปทั่วโลกอย่างนี้ เงินก็ยังมีความสำคัญเพราะสามารถใช้ต่อลมหายใจในขณะที่ถูกกักตัวได้ การถูกควบคุมการเดินทาง การไปมาหาสู่ ถ้ามีเงินเราก็สามารถหาซื้อปัจจัยในการยังชีพได้
แต่ผลการสำรวจเงินในบัญชีของคนไทย พบว่าส่วนใหญ่ไม่มีเงินในบัญชี คนที่มีเงินในบัญชีพอที่จะยังชีพเป็นเพียงคนส่วนน้อยนิดของสังคมเท่านั้น
ดังนั้นเงินจึงอาจไม่ใช่คำตอบของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ แล้วอะไรที่จะทำให้เรารอดได้โดยที่มีเงินอยู่น้อยนิด
คำพูดที่ว่า "เงินทองเป็นของมายาข้าวปลาคือของจริง" จึงเป็นคำพูดที่ดูเหมือนจะเข้ากับสถานการณ์ที่เราต้องพึ่งตนเองอยู่ที่บ้านโดยที่ไม่มีรายรับเข้ามาเลยอย่างตอนนี้
ที่บ้านของผมในสภาวะเช่นนี้ก็ยังพอมีอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยแทบจะไม่ต้องออกไปพึ่งพาอาหารจากภายนอกเลย แต่ก็ต้องมีศิลปะ เรียนรู้ที่จะจับสิ่งที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า
อย่างเช่นที่บ้านผมมีสระที่เลี้ยงปลาอยู่จำนวนมาก ซึ่งก็ไม่ได้มีแต่ปลายังมีหอย มีกุ้ง รวมทั้งผักที่ขึ้นในน้ำอย่างผักกระเฉด ผักบุ้งก็มี ที่เราสามารถจะนำมาเป็นอาหารที่มีทั้งโปรตีนและวิตามินเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายได้
ส่วนในนาเราก็มีข้าวซึ่งเราปลูกไว้กินเองไม่ได้ปลูกไว้ขาย นาเพียง 2 ไร่ก็ทำให้เรามีข้าวกินไปตลอดทั้งปีโดยที่ไม่ต้องซื้อจากตลาด
ส่วนพื้นที่ข้างๆสระน้ำ รวมทั้งคันนาเราก็สามารถปลูกพืชเสริมเข้าไปได้เป็นพืชจำพวกไม้ผลต่างๆ มันทำให้เรามีผลไม้กินไปตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ขนุน มะเฟือง มะพร้าว และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะผลัดกันให้ผลทั้งปีเช่นกัน
บริเวณคันนาเราสามารถปลูกไม้โตเร็วจำพวกยูคาลิปตัสเพื่อเป็นรายได้เสริมให้เราสามารถมีเงินเก็บก้อนเล็กๆได้ในตอนที่ตัดขาย
จะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของที่จับต้องได้จริงๆ ไม่ใช่ทำอวดกัน และไม่ใช่อะไรที่มันเหนือบ่ากว่าแรง ไม่ใช่อะไรที่เกินความคาดหมาย
การทำเช่นนี้อาจจะดูเหมือนคนจน ดูเหมือนจะไม่หรูหรา ฟู่ฟ่า ไม่มีตำแหน่งใหญ่โต ไม่เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมชั่นสูง แต่ในยามที่ต้องพบกับความยากลำบากแบบในตอนนี้
การพึ่งพาตนเองได้เป็นอะไรที่น่าภาคภูมิใจไม่ใช่เล่น เห็นด้วยไหมครับ