รั้วสีขาว (เลือดสีขาว 15)
รั้วสีขาว
เด็กชายภูพิพรรธย้ายโรงเรียนอีกแล้ว เด็กน้อยคลับคล้ายคลับคลาว่าย้ายมาแล้วสี่โรงเรียนในสี่พื้นที่ หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เขาจำไม่แม่นหรอก
อย่างตอนเรียนชั้นอนุบาลใส่เอี๊ยมสีแดงนั่น เด็กชายภูพิพรรธก็อยู่ในอีกโรงเรียนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นโรงเรียนแห่งแรกในชีวิต เขาจำเพื่อนคนไหนได้บ้างหรือ แทบจะจำไม่ได้สักคน มีภาพร่างบางๆ ของครูผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่ออะไรนะ ปราณีหรือประณีต ความทรงจำมันหล่นหายไปแล้ว จะด้วยเหตุผลของพ่อซึ่งแต่งเครื่องแบบสีกากีไปทำงาน หรือเหตุผลการป่วยไข้ของเด็กน้อยที่ต้องไปโรงพยาบาลทุกเดือนเขาก็ไม่แน่ใจนัก ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งแรกจึงจบลงเพียงชั้นอนุบาล
โรงเรียนแห่งที่สองมีพื้นที่คับแคบ มีแต่พื้นคอนกรีต ไม่ปรากฏสนามหญ้าหรือสนามฟุตบอลให้เห็น อากาศร้อนอบอ้าวทั้งวัน ตอนเช้าแม่จะขี่จักรยานยนต์มาส่ง ตอนเย็นก็เป็นแม่ที่มารับ พ่อจะมารับเขาได้หากว่างเว้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือมีกิจธุระในตัวตลาด ดูเหมือนพ่อจะจริงจังกับเวลาทำงานมากทีเดียว
เพียงสองปีก็ถึงเวลาย้ายอีกแล้ว โรงเรียนที่สองนี้เขามีเพื่อนซึ่งพอจะจำชื่อได้สนิทใจก็คือเอกและกาย ส่วนชื่อครูนั้นครูจันทร์เพ็ญซึ่งเป็นครูประจำชั้น คราวที่ย้ายไปโรงเรียนแห่งที่สามสร้างความสงสัยและงุนงงให้เด็กชายภูพิพรรธมากที่สุด ถึงจะย้ายไปอยู่บ้านเดิมของแม่ และอาศัยอยู่บ้านยายก็เถอะ พ่อต้องย้ายไปทำงานอยู่จังหวัดห่างไกล การเรียนในโรงเรียนนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เรียบๆ ง่ายๆ วันๆ แทบไม่มีการบ้านให้ทำ เพื่อนในห้องล้วนแต่ขี้เกียจ อยู่ชั้นประถมสี่แล้วหลายคนยังอ่านหนังสือไม่ออก
เด็กชายภูพิพรรธมองชื่อโรงเรียนและรั้วสีขาว ก่อนจะถูกแม่ดึงมือเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้าไป บรรยากาศเหมือนที่เขาเคยดูในหนัง เป็นโรงเรียนในเขตชานเมืองหลวง ซึ่งคับแคบ ตึกสูงหกชั้น นักเรียนแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย การพูดจาก็แปลกหู เด็กชายภูพิพรรธก็ไม่ได้กังวล เขาปรับตัวเข้าหาเพื่อนได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญจะย้ายไปโรงเรียนไหนในประเทศนี้ก็ได้ หากมีแม่และพ่ออยู่กันพร้อมหน้า เด็กชายภูพิพรรธพร้อมจะย้าย