รัฐมนตรีไม่เคยตายไปจากฉัน(เรื่องสั้น)
รัฐมนตรีไม่เคยตาย
ไปจากฉัน
๑
ข่าวรัฐมนตรีเสียชีวิตขณะประชุมสภาสร้างความตกอกตกใจให้สายใจไม่น้อย หลังจากทราบข่าวหล่อนมีอาการของคนตกอยู่ในห้วงทุกข์เศร้า
ในวันงานฌาปนกิจศพ สายใจเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ตรงประตูทางเข้าวัดอย่างกระสับกระส่ายและลังเล หล่อนอยากเข้าไปอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย ทว่า ผู้คนที่เนืองแน่น คนใหญ่คนโตเต็มวัด หันมาสำรวจตัวเองหัวจรดเท้าหล่อนก็ตัดใจ เพียงยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าวัดรอคอยเวลาที่กลุ่มควันลอยออกมาจากปล่องควันเมรุ
๒
พบกันครั้งแรกตอนแรกรุ่น สายใจได้ค้นพบว่ารักแรกพบเป็นเช่นนี้เอง หล่อนสะเทิ้นอาย เด็กหนุ่มชื่อสมพงษ์หน้าตาคมคายคนนั้นทำให้ใจหล่อนประหม่าชอบกล เขาส่งยิ้มทักทายให้หล่อน หล่อนรีบก้มหน้างุด จนน้าสาวที่ไปด้วยกันแซว “อย่าทิ้งหัวใจไว้ที่อำเภอนี้เชียวนา สายใจ”
สายใจจำได้ว่าครั้งนั้นหล่อนและน้าสาวไปร่วมงานศพญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งหล่อนก็ไม่ค่อยรู้จักนัก หล่อนไปแทนแม่ อย่างไรเสียก็ทำให้หล่อนได้เปิดโลกอีกใบ เนื่องจากชีวิตของหล่อนมักท่อมๆ อยู่ตามป่าไร่เสียมากกว่า
สมพงษ์ไปร่วมงานนี้เช่นกัน ในฐานะญาติ ซึ่งหล่อนก็ไม่แน่ใจอีกนั่นแหละว่าเป็นญาติฝ่ายไหน เขาและหล่อนพักที่บ้านญาติหลังเดียวกัน เขาไม่ค่อยพูด แต่ก็สนิทสนมกับหล่อนได้อย่างง่ายดาย ด้วยการทำงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น เข็นรถออกไปตักน้ำที่สระน้ำท้ายหมู่บ้าน ต้องเข็นรถกันไปเป็นกิโลๆ เลยทีเดียว น้าสาวของสายใจปล่อยให้หล่อนและสมพงษ์ไปด้วยกัน หลายเที่ยวหลายหนเข้า การถูกไม้ต้องมือระหว่างยื่นแกลลอนน้ำส่งให้กันจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ที่หล่อนเคยได้ยินว่า “ระวังไฟช็อตนะ” มันเป็นจริงแล้ว ทุกครั้งที่มีการสัมผัสถูกมือเขา หล่อนถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งตัว กว่าจะตั้งสติได้หล่อนก็คิดฝันไปไกล
สมพงษ์จะคิดกับหล่อนอย่างไร หล่อนไม่รู้ รู้เพียงว่า เมื่อเสร็จสิ้นจากงานศพ ก่อนที่เขาจะกลับไปเรียน และก่อนที่หล่อนจะกลับบ้านไร่ เขาบอกหล่อนว่า “เดี๋ยวจะไปหาที่บ้านไร่นะ”
๓
สายใจรอคอยสมพงษ์มาหาที่บ้านไร่อย่างใจจดใจจ่อ หล่อนบันทึกลงสมุด ระลึกถึงเขาทุกวัน ตลอดเวลาแห่งการรอคอยนั้นเขาไม่เคยติดต่อหล่อนเลย
เย็นวันหนึ่ง หลังจากเสร็จงานในไร่ หล่อนเดินกลับบ้านพร้อมพ่อแม่ น้าสาวมาบอกว่ามีหนุ่มๆ มาหาถึงสามคน ตอนนี้อยู่ที่บ้านน้าสาว ใจของหล่อนเต้นตึ๊กตั๊ก ใช่เขาหรือเปล่าหนอ แล้วทำไมมีตั้งสามคน ยังไม่ทันล้างหน้าล้างตาหล่อนก็ฉวยมือน้าสาวแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปที่บ้านน้าสาว พ่อและแม่ของหล่อนได้แต่สงสัยในพฤติกรรม
ไปถึงบ้านน้าสาว เด็กหนุ่มสามคนนั่งพูดคุยกระเซ้ากันอยู่ สองคนแรกสายใจไม่เคยเห็นหน้า ส่วนคนที่สาม สมพงษ์คนที่หล่อนเฝ้านับวันรอคอย เขามาหาหล่อนตามที่เคยพูดไว้จริงๆ
ตกเย็นหล่อนและน้าสาวทำกับข้าวให้สามหนุ่มกิน พอกินเสร็จ สองหนุ่มได้แยกไปเที่ยวตามบ้านเรือนอื่นกับน้าสาว ปล่อยให้สายใจนั่งพูดคุยกับสมพงษ์เพียงลำพัง การที่ต้อง รอคอยใครสักคนหนึ่งนานแรมปี ครั้นถึงคราวได้พบเจอกันจริงๆ ทุกอย่างที่เก็บกดไว้ก็พร่างพรูออกมาราวสายน้ำไหล เขาบอกว่าคิดถึงหล่อนมาก หล่อนบอกว่าคิดถึงเขาเช่นกัน พร้อมกับเอาสมุดบันทึกออกมาอวด หล่อนบันทึกถึงเขาทุกวัน
วันต่อมาสมพงษ์และสายใจเดินทางไปไหว้ย่าโมเพื่อขอพร ภาพแห่งความประทับใจที่ทั้งคู่นั่งประนมมือไหว้แม่ย่ายังติดตาตรึงใจหล่อนมิรู้ลืม
สมพงษ์กับเพื่อนพักอยู่บ้านน้าสาวสามวัน ทุกเย็นเขาและหล่อนจะพูดคุยและหยอกล้อกันอย่างชื่นมื่น มีอยู่คราวหนึ่งสมพงษ์แย่งสมุดบันทึกของหล่อนไปอ่าน หล่อนพยายามจะแย่งคืน ต่างคนต่างยื้อยุด จึงดูเหมือนการปลุกปล้ำกันเลยทีเดียว สุดท้ายเขาก็เอามืออันอ่อนนุ่ม วางบนมืออันหยาบกร้านของหล่อนและบอกว่า “พี่จะไปเรียนในกรุงเทพฯ นะ” หล่อนใจหายวาบ ก็ไอ้กรุงเทพฯ ไม่ใช่หรือที่ฉกฉวยเด็กหนุ่มเด็กสาวให้จากบ้านไร่ไปคนแล้วคนเล่า แล้วสมพงษ์ล่ะจะต้านทานแรงดึงดูดของมันได้หรือ “ขอให้โชคดีนะ อย่าลืมส่งข่าวมาบ้าง” สายใจพูดได้ แค่นั้นก็เหมือนมีอะไรมาติดที่คอ “พี่จะไปเรียนเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง จบแล้วจะกลับ มาหาและเล่าเรื่องให้ฟัง ระหว่างนี้จะเขียนจดหมายติดต่อมา อย่าลืมตอบด้วยล่ะ” สายใจ พยักหน้ารับรู้ และเงื่องหงอยนับแต่เวลานั้น
๔
สมพงษ์เขียนจดหมายส่งข่าวสายใจอาทิตย์ละฉบับ หล่อนเก็บจดหมายของเขา ไว้ทุกฉบับ ฉบับสุดท้ายนั้นเขาบอกว่าเรียนจบแล้วและจะกลับมาหาหล่อนในเร็วๆ นี้ ในเนื้อความจดหมายตอนหนึ่งเขาเขียนเชิงปรับทุกข์ว่า “ชาวนาชาวไร่อยู่กันอย่างลำบากยากแค้นตลอดปีตลอดชาติ คนในเมืองอยู่กันอย่างเอารัดเอาเปรียบ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ผู้คนแห้งแล้งน้ำใจมากขึ้นทุกวัน” เขาเริ่มมีความคิดแปลกๆ
สายใจไม่เข้าใจนัก ชีวิตคนบ้านป่าบ้านดงจะต้องคิดอะไรมาก กลางวันอยู่แต่ในไร่ ตกเย็นกินข้าวแล้วก็เข้านอน ชีวิตวนเวียนซ้ำซากอยู่แค่นี้
วันที่เขามาหา หล่อนรู้สึกสงสารเขาจับใจ ร่างกายของเขาผ่ายผอม ใบหน้าซูบตอบ เหมือนซากไร้ชีวิต เพียงไม่กี่ปีโลกนี้ได้ทำร้ายเขาขนาดนี้เชียวหรือ เพิ่งเข้าสู่วัยหนุ่มได้ไม่กี่ปี ร่างกายของเขาน่าจะสมบูรณ์ ดวงหน้าแจ่มใสอย่างคนหนุ่มสาวทั่วไป แต่มันตรงกันข้าม
“พี่ไปร่วมกลุ่มทางการเมือง ไม่ค่อยได้พักผ่อนหรอก วันๆ เอาแต่คิด รณรงค์ วิพากษ์วิจารณ์ หรือไม่ก็ปราศัย”
สมพงษ์เล่าให้หล่อนฟังอย่างอ่อนระโหย
“จะทำอย่างไรได้ พี่เป็นลูกชาวนา อาศัยวัดเพื่อเรียนหนังสือ รู้จักความทุกข์ยากของชาวนาเป็นอย่างดี เมื่อได้เรียนและรู้เรื่องทางการเมืองก็อยากจะช่วยชาวบ้านให้มีความอยู่ดี กินดี ได้รับความยุติธรรม”
สายใจท้วงติงว่า “พี่ควรพักผ่อนบ้าง ถ้าสภาพพี่เป็นแบบนี้พี่จะช่วยชาวบ้านได้อย่างไร ฉันเป็นห่วงพี่นะ”
สมพงษ์ตอบว่า “นี่ไงล่ะ ถึงได้มาหาสายใจ พี่มาพักผ่อน และจะอยู่ที่นี่สักห้าวัน พ่อแม่คงไม่ว่านะ”
สมพงษ์พักที่บ้านสายใจห้าวันเต็มๆ หล่อนคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี ทำกับข้าวให้กิน เตรียมน้ำให้อาบ เตรียมผ้าขนหนูและเสื้อผ้าไว้ให้เขาผลัดเปลี่ยน ใช้ชีวิตเหมือนคู่สามีภรรยา เพียงแต่ไม่เคยล่วงล้ำร่างกายของกันและกันเท่านั้น
เพียงห้าวัน ร่างกายของสมพงษ์ก็แข็งแรง หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ดูเหมือนเขาจะกลับไปเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“ขอบใจสายใจมากนะที่ดูแลพี่ พี่พร้อมจะสู้อีกครั้งแล้ว”
เห็นเขามีความสุขหล่อนก็มีความสุข หล่อนต้องการแค่นั้นจริงๆ
๕
สมพงษ์เงียบหายไปนาน บางครั้งคราหล่อนก็พยายามสลัดความคิดออกจากหัว หล่อนอยากให้เขาอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องมาพะวงกับหญิงสาวชาวดงไร้อนาคตเช่นหล่อน
เย็นวันหนึ่ง ข่าวทางโทรทัศน์ทำให้พ่อแม่ส่งเสียงเรียกสายใจให้รีบไปดู ภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏ นายสมพงษ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องความตกต่ำของราคาสินค้าเกษตรกรรม โดยเฉพาะราคาข้าว
สายใจนิ่งเงียบ เห็นเขาได้ทำในสิ่งที่ชอบหล่อนก็ภาวนาให้เขาประสบความสำเร็จ
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เทคโนโลยีก้าวเข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้น การติดต่อสื่อสารทำได้แค่ปลายนิ้ว วันนั้นขณะอยู่กลางไร่ สายใจได้รับโทรศัพท์จากสมพงษ์ เขาบอกว่า “พี่อยากแต่งงานกับสายใจ สายใจตกลงนะ” สายใจทิ้งจอบในมือ หูอื้อตาลาย พร้อมกันนั้นหัวใจ ก็พองโต ได้ยินเสียงเขาอีกครั้งว่า “ตกลงนะ”
๖
จากผลงานการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในกรณีราคาสินค้าเกษตรกรรมตกต่ำ ทำให้พรรคการเมืองที่สมพงษ์สังกัดสนับสนุนให้เขาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหนึ่ง ในสมัยต่อมา
สมพงษ์โทรมาคุยกับสายใจบ่อยครั้งขึ้น ทว่าไม่มีเวลามาหาหล่อนที่บ้านไร่ เขาบอกว่า ขอทำหน้าที่ให้ชาวบ้านให้ดีที่สุดก่อน หล่อนก็ได้แต่บอกให้เขาทำเพื่อชาวบ้านเถอะ เรื่องของเขากับหล่อนเอาไว้ทีหลัง หล่อนรอได้
การประชุมสภาสมัยนั้น การประชุมยืดเยื้อติดต่อข้ามวันข้ามคืน ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลีย ประกอบกับการเอาจริงเอาจังกับความเดือดร้อนของชาวบ้าน รัฐมนตรีสมพงษ์ จึงพักผ่อนไม่เพียงพอ เขาหมดแรงหงายหลังตึงตกจากเก้าอี้รัฐมนตรีและเสียชีวิตในที่สุด
..............................................................
๗
กลุ่มควันลอยออกจากปล่องควันเมรุอย่างอ้อยอิ่ง สายใจยกมือขึ้นประนมพร้อมพึมพำ “ขอให้สู่สุขคตินะพี่ พี่ทำเพื่อชาวบ้านดีที่สุดแล้ว พี่ตายเพื่อชาวบ้าน แต่พี่ไม่เคยตายไปจากฉันเลย”
น้ำตาหล่อนร่วงพรู โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด...