คนขับรถ (เรื่องสั้น)
คนขับรถ
ยังเช้าอยู่มากเมื่อแกกึ่งเดินกึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาหาข้าพเจ้าที่บ้าน ข้าพเจ้ากำลังทำความสะอาดบ้านอยู่อย่างนึกสนุก นานๆ ข้าพเจ้าจะหยิบไม้กวาดสักทีหนึ่ง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดของคนทำงานโดยมาก
เห็นสีหน้าซีดเผือด มือไม้สั่นเทา แววตาวิตกกังวลขนาดหนักของแกแล้วก็ทำให้ข้าพเจ้าใจไม่ค่อยดีเหมือนกัน มาถึงแกก็จับแขนข้าพเจ้าเขย่าๆ จนไม้กวาดหลุดจากมือ
“เกิดเรื่องแล้วๆ” แกละล่ำละลัก
“มีอะไร ใจเย็นๆ ครับ” ข้าพเจ้าพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “นั่งก่อนครับ”
แกทิ้งก้นลงที่ชุดเก้าอี้ไม้ไผ่หน้าบ้าน ข้าพเจ้านั่งตาม คิดว่างานบ้านในรอบหลายเดือนคงต้องหยุดชะงักเพียงแค่นี้ ช่างมันเถอะค่อยทำเมื่อไรก็ได้ หากยังมีเวลาว่างและมีใจนึกขยันขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรครับ ดูหน้าตาไม่สบายเลย” ข้าพเจ้าถามแก
แกยังไม่หายตกใจ มองซ้ายมองขวาก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟัง
“ผมขับรถชนเด็กตาย โอย..ผมจะทำยังไงดี เด็กเรียนแค่ชั้นปอสามเท่านั้นเอง น่าสงสาร จะโทษผมซะทีเดียวก็ไม่ถูกหรอก ก็มันกำลังจะมืด เวลาโพล้เพล้ออกยังงั้นใครจะมองเห็น รถราก็มาก พอออกจากไฟแดงได้ต่างคนก็ต่างรีบเร่ง กระชากรถกันสนั่น ผมขับตามรถเบนซ์คันนั้นออกจากไฟแดง ออกจากไฟแดงไม่เกินห้าร้อยเมตร คล้ายมีอะไรมาปะทะกระโปรงรถด้านหน้า ผมไม่เฉลียวใจอะไรเลย มันผ่านแวบไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่จอดรถ รถคันอื่นๆ ก็ไม่เห็นจอดสักคัน ผมไม่รู้เลยว่าผมชนเด็กอายุเก้าขวบเข้า”
ว่าแล้วแกก็ก้มหน้าสะอึกสะอื้น
แกคนนี้มีอาชีพเป็นคนขับรถ รู้จักข้าพเจ้าเป็นอย่างดี แต่ไม่ค่อยเจอกันบ่อยนัก เพราะแกต้องขับรถตะลอนๆ ไปตามที่เจ้านายสั่ง แกเปลี่ยนงานบ่อย เดี๋ยวขับรถบริษัทนั้น เดี่ยวขับรถเถ้าแก่นี้ แกขับรถได้ทุกประเภท ตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงรถสิบล้อ
“รู้ได้ยังไงว่าชนเด็ก” ข้าพเจ้าถาม
แกเงยหน้าสบตาข้าพเจ้า หยุดร้องไห้แล้ว ยกหลังมือปาดน้ำตาลูกผู้ชายวัยกลางคน
“ก็เด็กที่ตายน่ะเป็นเด็กที่ผมรู้จัก พอขับรถส่งลูกเถ้าแก่เสร็จ ผมก็ไปหาเพื่อนที่คุ้นเคยกัน ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆ สี่แยกไฟแดงนั่น ไปถึงผมก็ถึงกับเข่าอ่อน ร่างอันแหลกเหลวกระจ้อยร่อยนอนอยู่กลางบ้าน เพื่อนและเมียกำลังร้องไห้แทบจะขาดใจ ผมหันไปถามคนที่อยู่แถวนั้น จึงรู้ว่าเด็กถูกรถชนตายเมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองที่บริเวณใกล้ๆ สี่แยกไฟแดง จะเป็นใครไปได้อย่างไรนอกจากผมและรถที่ผมขับ ผมหันหลังกลับทันที นึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เด็กคนนี้ผมรักเหมือนลูกเหมือนหลาน หลังจากนั้นผมก็ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เมื่อคืนผมนอนไม่หลับทั้งคืน เห็นแต่ใบหน้าของเด็กและเพื่อนผม ซึ่งเป็นพ่อของเขา”
สีหน้าแววตาของแกขณะนี้ทั้งสิ้นหวังและวิตกกังวล
“นี่ผมจะทำอย่างไรดี” แกพึมพำ
“บางทีอาจจะไม่ใช่รถเราก็ได้ รถเบนซ์ที่อยู่ด้านหน้าหรือไม่ก็รถที่ขับตามมา” ข้าพเจ้าให้ความเห็น หวังจะให้แกคลายความกังวลได้บ้าง
“ผมแน่ๆ ที่ขับชน ผมมีความรู้สึกอย่างนั้น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมขับรถมากว่าสามสิบปี ไม่เคยมีอุบัติเหตุ ไม่เคยโดนตำรวจเรียก ไม่เคยมีปัญหาสักอย่าง” แกยังรำพันต่อไป
“คิดมากไปเปล่าๆ น่า” ข้าพเจ้าไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
“ผมไปมอบตัวดีมั้ย” แกว่า
“อยู่เฉยๆ ไปก่อน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนใช่มั้ย”
“ใช่”
“ดูๆ ไปก่อน ไปทำงานขับรถตามปกติ อย่าลืมไปงานศพด้วยนะ พยายามสอบถามคนที่อยู่ในงานหรือผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ว่ามันเป็นยังไง แล้วค่อยว่ากันอีกที” ข้าพเจ้าแนะนำได้เพียงเท่านี้
“คุณว่าอย่างนั้นหรือ” หน้าตาแกดูดีขึ้น
ข้าพเจ้าพยักหน้า หลังจากนั้นแกก็ขอตัวกลับเพื่อเดินทางไปทำงาน ระยะทางจากหมู่บ้านถึงที่ทำงานของแกประมาณสักยี่สิบกิโลเมตร แกจะต้องขับรถมอเตอร์ไซค์ไปตั้งแต่เช้าตรู่และกลับมาค่ำมืดแล้ว เป็นประจำอย่างนี้ทุกวัน
คนขับรถผู้นี้เป็นคนขยันขันแข็ง มีเมียและลูกอีกสี่คน เป็นหนุ่มเป็นสาวและได้เล่าเรียนหนังสือในระดับสูงๆ ก็เพราะชีวิตหลังพวงมาลัยของพ่อคนนี้
ถึงแม้แกจะดื่มเหล้าบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อดับความทุกข์ใจ เนื่องจากลูกแต่ละคนเอาดีไม่ได้สักคน ลูกผู้ชายคนโตเรียนจบปวส.ก็เกกมะเหรกไม่อยากทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน ช่วยเหลือน้องสาวอีกสามคนในเรื่องต่างๆ ไม่ได้
ลูกสาวคนต่อมาจบปริญญาตรี พอเรียนจบก็หนีตามผู้ชายทันที กลับมาบ้านอีกทีก็อุ้มหลานกลับมาด้วย
ลูกคนที่สามเรียนจบปวส.เดินตามรอยพี่สาวอย่างมุ่งมั่น ไม่ผิดเพี้ยนสักนิดเดียว
ลูกสาวสุดท้องดูดีหน่อย กำลังเรียนต่อระดับปริญญาตรี ไม่ข้องแวะกับผู้ชายคนไหน แกฝากความหวังไว้กับลูกสาวคนเล็กอย่างมากทีเดียว
ส่วนเมียนั้นไม่ต้องพูดถึง ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง รับจ้างก็ไม่เป็น ทำนาก็ขี้เกียจ ชอบแต่งตัวสวยและเข้าสังคมเล็กๆ ภายในหมู่บ้าน ใช้เงินมือเติบ
สามวันต่อมา แกมาหาข้าพเจ้าด้วยใบหน้าแช่มชื่น
“หากผมไม่ได้คำแนะนำจากคุณผมคงหาทางออกไม่เจอ ตอนนั้นมันมืดแปดด้าน ผมกลับไปทำงานตามปกติ สังเกตดูรถเห็นมีรอยเล็กๆ เหมือนแมวข่วน ไม่น่าจะเกี่ยวกับการชนเด็ก ไปงานศพสอบถามใครต่อใคร รวมถึงเพื่อนที่เป็นพ่อของเด็กก็ไม่มีใครให้ความกระจ่างได้ว่ารถคันไหนชน ผมเลยโล่งอกและสบายใจมากขึ้น มานี่ผมมาขอบคุณที่คุณชี้ช่องทางให้ ผมซื้อเบียร์มาด้วย”
ว่าแล้วเราก็ดื่มเบียร์ฉลองกัน
ค่ำของอีกวันข้าพเจ้าก็ต้องตะลึงงันอีกครั้ง แก - คนขับรถ ขับรถมอเตอร์ไซค์จากที่ทำงานจะกลับบ้าน มาถึงสะพานทางเข้าหมู่บ้านรถมอเตอร์ไซค์ของแกเสียหลักตกสะพาน แกคอหักตายคาที่
พิมพ์ครั้งแรก
“ค.คน”
สิงหาคม ๒๕๕๔