โรงแรมลอยน้ำแห่งแรกของโลก
ผู้สร้างโรงแรมแห่งนี้คือคุณ Doug Tarca นักดำน้ำชาวอิตาลี ที่ย้ายมาอาศัยในออสเตรเลียเมื่อปี ค.ศ. 1935 เขามีความหลงใหลความมหัศจรรย์ของแนวปะการัง Great Barrier Reef เขาได้รับใบอนุญาตการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการอนุรักษณ์และเยี่ยมชมแนวปะการัง เขาจึงมีแผนสร้างโรงแรมลอยน้ำขึ้นมาบริการนักท่องเที่ยว โรงแรมเริ่มสร้างที่สิงคโปร์ และเปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ.1988 ภายใต้ชื่อ "โรงแรมลอยน้ำจอห์น เบรเวอร์ ( John Brewer Floating Hotel ) " โดยตั้งอยู่ในแนวปะการัง Great Barrier Reef นอกชายฝั่งเมืองทาวส์วิลล์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย หลังจากเปิดตัวโรงแรม มีกระแสความไม่พอใจในหมู่นักอนุรักษ์ เนื่องจากเป็นการรุกล้ำมากเกินไป อาจสร้างความเสียหายให้แนวปะการังธรรมชาติได้ แต่อย่างไรก็ตามโรงแรมก็ยังเปิดให้บริการต่อไปได้
ลักษณะของโรงแรมเป็นโรงแรมลอยน้ำ ภายนอกมีโทนสีน้ำเงินขาว มีความสูง 5 ชั้น จำนวนห้องกว่า 200 ห้อง มีความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้านในมีไนท์คลับ ร้านอาหารสดหรู ห้องกระจกชมวิวใต้น้ำ ส่วนด้านนอกมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และสนามเทนนิส โรงแรมแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุไซโคลนชาร์ลี ที่เข้าถล่มรัฐควีนส์แลนด์ จนเกิดความเสียหายให้โรงแรมมูลค่า 2,300,000 ดอลลาร์ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น " Four Seasons Barrier Reef Resort " แต่ก็ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก มีรายงานว่าขาดทุนราวๆ 8 ล้านดอลลาร์ในปีแรก จนสุดท้ายต้องขายโรงแรม หลังเปิดให้บริการเพียง 1 ปี
โรงแรมถูกขายต่อให้บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น และย้ายไปตั้งในแม่น้ำไซง่อน กรุงโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1989 ภายใต้ชื่อ " โรงแรมลอยน้ำไซง่อน (Saigon Floating Hotel ) " หลังการเปิดตัว โรงแรมได้กลายเป็นสถานที่ชื่อดังที่รู้จักกันในชื่อ " The Floater " เป็นสวรรค์ยามค่ำคืนของนักท่องราตรีมานานสิบปี ( ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 - 1997) แต่สุดท้ายก็ประสบปัญหาด้านการเงินอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกขายต่อเป็นครั้งที่ 3
โรงแรมนี้ถูกซื้อต่อโดยเกาหลีเหนือ และนำมาตั้งอยู่ที่เขตปกครองพิเศษกุมกังซานของเกาหลีเหนือ ใกล้กับพรมแดนเกาหลีใต้ โดยโรงแรมเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1998 โดยใช้ชื่อว่า " แฮกึมกัง ( Haegumgang) " หลังจากเปิดให้บริการมาสิบปี ในปี ค.ศ. 2008 คือปีสุดท้าย เนื่องจากมีเหตุการณ์นักท่องเที่ยวหญิงชาวเกาหลีใต้ ถูกทหารเกาหลีเหนือยิงเสียชีวิตในโรงแรม ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ ส่งผลให้โรงแรมต้องปิดตัวลง ต่อมาในปี 2018 ทางเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้หารือร่วมกันและตกลงที่จะเปิดให้บริการโรงแรมนี้อีกครั้ง
ในเดือนตุลาคม 2019 ประธานาธิบดีคิมจองอึนเดินทางไปเยี่ยมชมโรงแรมแห่งนี้ แต่ท่านผู้นำรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร เพราะโครงสร้างดูโทรมมากเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ในแง่ของสถาปัตยกรรมการตกแต่งก็ดูล้าสมัย และขาดเอกลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นเกาหลีเหนือ " จึงมีแผนปรับปรุงโรงแรม สร้างเพิ่มเติมและตกแต่งให้ดูทันสมัย โดยมีแผนการสร้างในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 2020 แต่ก็ต้องถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หลังผ่านการเดินทางมายาวนาน 30 ปี ผ่านระยะทางประมาณ 14,000 กิโลเมตร ตั้งแต่แนวปะการังในออสเตรเลีย ไปยังเวียดนาม และสิ้นสุดที่เกาหลีเหนือ ก็คงต้องตามข่าวต่อไปว่าโรงแรมแห่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้